บทที่ 426 แต่งออกไปไม่ได้ฉันก็จะอยู่บ้านพี่
แน่นอนว่านรมนเองก็มองเห็นท่าทางขมวดคิ้วเล็กน้อยของบุริศร์ ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงรถยนต์จากด้านนอก
เธอเอ่ยเสียงเบา :“ฉันจะออกไปดู”
“ไม่ต้อง กินข้าว”
สำหรับบุริศร์ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการรับประทานอาหารของภรรยาตนเอง
พูดเสร็จ เขาก็ตักกับข้าวใส่เพิ่มลงไปในถ้วยของนรมน
คนรับใช้ที่หลบอยู่ก่อนหน้านี้ก็โผล่ออกมา โดยเฉพาะธิดา เธอออกไปดู จากนั้นเดินกลับเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“ประธานบุริศร์ คุณนาย เป็นนายน้อยกับคุณหนูค่ะ”
คำพูดของธิดาทำให้นรมนไร้การตอบสนองไปเล็กน้อย
“ใครนะ?”
แต่บุริศร์กลับได้ยินอย่างชัดเจน สีหน้าดูน่าเกลียดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“พวกเขามาทำอะไร? พากลับไปซะ”
ไม่ง่ายเลยที่เขาจะได้มีโลกส่วนตัวเพียงแค่สองคนกับนรมน คิดไม่ถึงว่าลูกๆของเขาจะมารบกวน แล้วเขาจะรู้สึกดีใจได้อย่างไรกัน
ในที่สุดนรมนก็รู้ว่าใครมาหา เธอรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
“เธอบอกว่าคนที่มาคือกานต์กับกมลเหรอ?”
“ใช่ค่ะ!”
“ฉันจะไปดู!”
นรมนรีบลุกขึ้น กลับถูกบุริศร์คว้าแขนเอาไว้
“ทำอะไรน่ะ?ไม่ได้ยินเหรอว่าลูกๆมาหา?ฉันจะไปดูพวกเขา”
นรมนไม่เข้าใจการกระทำของบุริศร์สักเท่าไหร่
บุริศร์พูดอย่างเคร่งเครียด:“พวกเขามีมือมีเท้า เดินเข้ามาเองได้อยู่แล้ว คุณนั่งลงกินข้าวซะ”
“ฉันคิดว่า……”
“คิดว่าอะไร? นึกถึงท่าเดินตอนนี้ของคุณสิ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนหน้าแดงขึ้นอย่างน่าดึงดูดใจ
“พูดอะไรของคุณ”
เธอชำเลืองมองธิดา ธิดารีบยิ้มและถอยหลังออกไปอย่างรู้งาน
นรมนไม่สบายใจเล็กน้อย
“บุริศร์ ต่อจากนี้คุณจะพูดอะไรอย่าทำให้มันโจ่งแจ้งแบบนี้ได้ไหม?”
“หรือว่าที่ผมพูดมันไม่เป็นความจริง ตอนนี้คุณสามารถออกไปดูได้เหรอ?”
บุริศร์พูดอย่างนิ่งเฉย ท่าทางนั้นทำให้คนแทบอยากจะชกเขาสักหมัด น่าเกลียดมากเกินไปจริงๆ
แต่นรมนก็รู้ว่าสิ่งที่บุริศร์พูดคือความจริง เธอไม่ควรจะเดินกะโผลกกะแผลกออกไปจริงไหม? ถึงตอนนั้นจะอธิบายกับลูกๆอย่างไร?
ไม่มีทางเลือก นรมนจำต้องนั่งลง รอคอยลูกๆเข้ามาหาด้วยความกระวนกระวายใจอย่างยิ่ง
หลังจากกานต์ลงจากรถก็พากมลเข้ามา
“แด๊ดดี้ หม่ามี้!หนูกับพี่ชายมาหาค่ะ!”
เสียงหวานๆของกมลดังขึ้น นรมนแทบจะนั่งไม่อยู่จริงๆ
ทันใดนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงคุณนายตระกูลโตเล็กขึ้นมาอย่างกระทันหัน
“กมล อย่ารีบวิ่งสิลูก ค่อยๆเดินนะคะ”
สิ่งเหล่านี้ นรมนไม่สามารถสงบจิตสงบใจได้อีกต่อไป คิ้วของบุริศร์ขมวดขึ้นอีกครั้ง
นี่ไม่เพียงแค่เด็กมา ผู้ใหญ่ก็ยังมาด้วยเหรอ?
นรมนอยากลุกขึ้นออกไปต้อนรับ บุริศร์รีบหยุดเอาไว้ และเป็นคนเดินออกไปเอง
“แม่ แม่มาได้อย่างไรครับ?”
การปรากฏตัวของบุริศร์ดึงดูดความสนใจของกมลในทันที
“แด๊ดดี้!”
เธอรีบโผเข้าไปหาบุริศร์อย่างรวดเร็ว
บุริศร์รีบอุ้มกมลขึ้นทันที
สาวน้อยคนนี้ตัวหนักขึ้นเยอะตั้งแต่หายป่วย แทบจะกลายเป็นลูกหมูแล้ว
“แด๊ดดี้ หนูคิดถึงแด๊ดดี้จังเลยค่ะ! หม่ามี้ล่ะคะ? หนูอยากเจอหม่ามี้!”
กมลไม่เห็นนรมนในช่วงเวลานี้ เธอจึงรู้สึกคิดถึงนรมนจริงๆ
ได้ยินเสียงลูกสาวตะโกนเรียกตนเอง นรมนก็นั่งอยู่ไม่เป็นสุขอีกครั้ง เธอลุกขึ้นทันที ถึงแม้จะปวดกล้ามเนื้อขาทั้งสองข้าง แต่ยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม :“แม่ สวัสดีค่ะ?”
คุณนายตระกูลโตเล็กเป็นคนแบบไหนกันนะ?
แค่มองแวบเดียวก็สามารถเห็นว่านรมนไม่สบายและดูแปลกๆ เธออดถลึงตาใส่บุริศร์ไม่ได้ ด้วยความหมายที่ค่อนข้างจะตำหนิ
บุริศร์กระแอมไอสองทีอย่างขวยเขิน มองเห็นคุณนายตระกูลโตเล็กรีบก้าวขึ้นมาข้างหน้า จับมือของนรมนและถามว่า:“ไม่สบายอยู่ อย่าขยับไปขยับมามาก ได้ยินว่าเธอเป็นหวัด ปวดกล้ามเนื้อไปทั้งตัว เป็นอย่างไรบ้าง ?ดีขึ้นหรือยัง?”
คำพูดเหล่านี้ทำให้เท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้าของกานต์หยุดชะงักทันที จากนั้นจึงถามด้วยความเป็นห่วง:“หม่ามี้ หม่ามี้ไม่สบายเหรอ?ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ?”
นรมนสามารถฟังออกว่าคุณนายตระกูลโตเล็กกำลังปกป้องตนเอง เธอเขินอายจนหน้าแดงทันที แถมยังต้องเผชิญหน้ากับสายตาห่วงใยอันไร้เดียงสาของลูกชาย จนเธอค่อนข้างทำตัวไม่ถูกขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“ไม่เป็นอะไรจ๊ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ผมจะไปเอาน้ำอุ่นมาให้หม่ามี้ หม่ามี้รีบนั่งลงเถอะครับ”
กานต์รีบหันตัว วิ่งไปที่ห้องรับแขกด้านนอก
“หม่ามี้ไม่สบายเหรอคะ?หาคุณหมอหรือยัง? กินยาหรือยังคะ?”
กมลก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
ตอนนี้นรมนแทบอยากจะหาหลุมมุดเข้าไปจริงๆ แต่เธอยังคงตอบด้วยรอยยิ้ม:“ไม่เป็นไรจ๊ะลูก หม่ามี้พักผ่อนสักพักก็ดีขึ้นแล้ว”
“แด๊ดดี้ แด๊ดดี้คงจะไม่แหย่ให้หม่ามี้โมโหใช่ไหมคะ?”
กมลกำชับบุริศร์เหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...