บทที่ 470 นายคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน
“อ๊ะ!”
อุณหภูมิอุ่นร้อนสาดลงบนหน้าของนรมน จนทำให้เธอหายเหม่อ และสะดุ้งตกใจกับดวงตาเบิกกว้างตรงหน้าแทน เธอขยับถอยหลังโดยอัตโนมัติ จนแผ่นหลังชนผนัง ตามมาด้วยความรู้สึกเจ็บจนน้ำตาแทบไหล
“เจตต์ นายป่วยหรือไง?”
จู่ๆเจตต์ก็หัวเราะออกมา
“ฉันก็นึกว่าเธอบ้องตื้นไปแล้ว”
เขาถอยออกมาอย่างรู้สึกเสียดาย
จริงๆเลย อีกนิดเดียวก็จะถูกแล้วแท้ๆ
แม้ว่านรมนจะหน้าซีด แต่ผิวก็ยังดีมากๆ
“จุ๊ๆ ผิวขาวฉ่ำวาวของเธอเนี่ย ถ้าได้หอมสักฟอด คงสยิวกิ้วน่าดูเลยเนอะ!”
“ไปตายไป!”
นรมนชกเขาหนึ่งหมัด
เวลาแบบนี้ ผู้ชายคนนี้ยังมีหน้ามาล้อเล่นอีก เมื่อกี้เธอตกใจจริงๆนะ
เจตต์หัวเราะๆฮ่าๆออกมา
เมื่อธรณีและคมทิพย์ที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเขา ก็หันมามองหน้ากันแล้วพูดว่า “ยังดีที่มีเจตต์อยู่ด้วย”
“อืม รู้สึกว่าวันนี้นรมนอารมณ์ดีมาก หมอบอกว่าการรักษาต้องพึ่งอารมณ์ของคนไข้ด้วย ตอนนี้พอเห็นนรมนอารมณ์ดีแบบนี้ ฉันก็เริ่มสบายใจขึ้นมาแล้ว”
คมทิพย์พูดออกมาอย่างปลาบปลื้มใจ
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าที่นรมนอารมณ์ดีแบบนี้เพราะได้คุยโทรศัพท์กับบุริศร์
หลังจากที่เจตต์ถูกนรมนชก ก็แกล้งทำเป็นเจ็บนักหนา แล้วกอดตัวเองไว้พร้อมกับพูดว่า “โอ๊ย หัวใจฉันเจ็บไปหมดแล้ว ทำไมเธอถึงใจร้ายอย่างนี้เนี่ย?”
นรมนยิ้มสดใสออกมา
“นายนี่แสดงละครเก่งจริงๆ”
“ยิ้มที อายุก็จะได้น้อยลงสิบปีไง อีกอย่างนะ ตอนนี้ต้องทำให้เธออารมณ์ดีเข้าไว้ ที่ฉันทำอย่างนี้เพราะกลัวว่าเธอจะอายจนมองหน้าฉันไม่ติด ฉันถึงได้เสียสละหน้าตาอันหล่อเหลาของตัวเองทำอะไรตลกๆอย่างนี้นี่ไง”
เจตต์เถียงฉอดๆ
เมื่อนรมนนึกขึ้นมาได้ว่าเจตต์เห็นสภาพอันน่าเวทนาของตัวเองมาหมดแล้ว ก็พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใครจะมองหน้านายไม่ติด? ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นสักหน่อย ฉันใคร? ฉันคือนรมนนะ! บุกป่าลุยไฟก็เคยมาแล้ว ฉันต้องกลัวนายขำด้วยเหรอ?”
“ไม่เลยจริงๆเหรอ?”
เมื่อเจตต์เห็นว่านรมนกลับมามีชีวิตชีวาแล้ว ตัวเขาก็รู้สึกเหมือนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง รอยยิ้มยินดีจึงปรากฏขึ้นมา
เขาขยับตัวเข้าไปใกล้อย่างหน้าไม่อาย แล้วใช้แขนตัวเองแตะแขนนรมนพร้อมกับพูดว่า “ว่าแต่ มีอะไรอยากกินไหม? ฉันจะไปทำมาให้กิน”
“นายทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”
นรมนคลางแคลงใจ
เจตต์จัดหน้าม้าของตัวเองแล้วพูดขึ้นมาว่า “คนมีความสามารถอย่างฉัน ถึงจะทำไม่เป็น แต่เรียนแค่แป็บเดียวก็ทำเป็นแล้วล่ะ”
“พอเลย ฉันกลัวว่านายจะเผาครัวตัวเองซะมากกว่า”
นรมนไม่ได้พูดอะไรเกินจริงเลย
แต่จู่ๆเธอก็คิดถึงบุริศร์ขึ้นมา
บุริศร์ถือเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนคนหนึ่ง เรื่องในครัวไม่สามารถทำลายเสน่ห์ของเขาได้เลยสักนิด กลับกันยิ่งทำให้เธอติดใจเขามากกว่าเดิม
เมื่อนึกถึงภาพของบุริศร์คอยทำอาหารเช้าอยู่ในครัวให้เธอในทุกๆวัน ความรู้สึกของนรมนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เจตต์สังเกตเห็นว่านรมนเหม่อลอย และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกรักที่แผ่ออกมาจากตัวของเธอ
เขารู้สึกฝดฝื่นขึ้นมาทันที
“อย่าบอกนะ ว่าบุริศร์เคยทำอาหารให้เธอกิน?”
“ใช่ เขาทำอร่อยมากๆด้วย”
นรมนชื่นชมบุริศร์ออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง แต่สำหรับเจตต์แล้ว มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากๆ
“ชิ ก็แค่ทำอาหาร ฉันก็ทำได้หรอก เธอคอยดูเลยนะ ฉันรับรองว่าฉันทำอร่อยกว่าเขาแน่”
จริงๆแล้วเจตต์ไม่ได้อยากพูดถึงบุริศร์เลยสักนิด
แต่ตอนนี้ก็พูดออกมาจนได้ อีกอย่างความอิจฉาของเขาก็ยิ่งกระพือขึ้นมา เขามีอะไรอยากพูดออกไปตั้งมากมาย แต่เมื่อเห็นนรมนในตอนนี้ เจตต์จึงต้องอดทนเอาไว้
“เธอเป็นถึงขนาดนี้ แต่เขากลับไม่ส่งข่าวคราวอะไรมาเลย เธอไม่โกรธเขาหน่อยเหรอ?”
เจตต์เอ่ยถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
นรมนจึงพูดขึ้นมาว่า “ฉันคิดว่าเขาก็คงมีปัญหาของเขา เขาไม่ใช่คนไร้น้ำใจ และไม่ใช่คนเสแสร้ง ถ้าเขาไม่อยากอยู่กับฉันจริงๆ เขาก็คงไม่ฝืนอยู่กับฉันหรอก ก็เหมือนห้าปีก่อนไง เขาไม่ชอบก็คือไม่ชอบ เขาไม่มีทางหาเรื่องลำบากใจให้ตัวเองหรอก ดังนั้นในเมื่อตอนนี้เขายังไม่พูดออกมาว่าไม่ต้องการและไม่อยากอยู่กับฉัน แบบนั้นก็แสดงว่าความรู้สึกของเขายังมีอยู่ ฉันเชื่อใจเขา!”
หัวใจของเจตต์ปวดหน่วงขึ้นมาอย่างรุนแรง
“เธอเชื่อใจเขา? ทั้งๆที่เขาไม่ส่งข่าวคราวมา ทั้งๆที่ไม่รู้ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนอย่างนั้นเหรอ? เธอรู้ไหม ถ้าตอนนั้นฉันไปช้าอีกนิดเดียว เธอคง.......”
เจตต์พูดประโยคต่อไปออกมาไม่ได้
ตอนนี้แค่นึกถึงภาพนั้น เขาก็ยังรู้สึกตื่นกลัวอยู่เลย
เขาเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ถ้าปล่อยให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักเกิดอะไรแบบนั้นขึ้น โดยไม่คิดจะเหลียวแลเลย แบบนั้นยังจะเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายอีกเหรอ?
นรมนรู้ว่าเจตต์เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเธอ และก็รู้ว่าจุดเริ่มต้นของเขาคือหวังดีกับเธอมาตลอด เธอจึงพูดยิ้มๆออกมาว่า "ถึงบอกไงว่านายคือผู้มีพระคุณของฉัน ไม่มีนายก็คงไม่มีฉันอยู่ตอนนี้ ฉันติดหนี้ชีวิตนาย หลังจากนี้ถ้ามีอะไรอยากให้ฉันช่วย ฉันก็จะช่วยอย่างสุดกำลังเลย"
"ถุยเถอะ! คุณชายอย่างฉันไม่ได้อยากได้ชีวิตของเธอสักหน่อย ฉันอยากให้เธอมอบหัวใจให้ฉันมากกว่า"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...