บทที่ 511 ฉันไม่สงสัยอะไรทั้งนั้น
บุริศร์จ้องมองผู้จัดการที่มีท่าทางและแววตาเฉลียวฉลาด แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็นและพูดขึ้นว่า “ใช่เหรอ? แต่ว่าครูฝึกสมชายของพวกคุณให้นามบัตรกับภรรยาผมมาใบหนึ่ง และอยากจะให้ลูกชายผมมาเรียนที่ชมรมยิงปืนนี้ แล้ววันนี้ผมก็จะมาดูชมรมนี้สักหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง คุณผู้จัดการนำทางไปเถอะ”
พูดจบ บุริศร์ก็ยกฝีเท้าแล้วก้าวเดินเข้าไปข้างใน
หัวใจของผู้จัดการก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“คุณชายบุริศร์ วันนี้ที่บ้านไม่มีคนอยู่เลย ออกไปกันหมดแล้ว ถ้าคุณชายบุริศร์จะดู หรือไม่เปลี่ยนเป็นวันหลังไหมครับ?”
“ผมบุริศร์อยากจะดูอะไร ยังจะต้องเปลี่ยนวันอีกเหรอ? คุณผู้จัดการ คุณนี่หน้าใหญ่ไม่เบาเลยนะ”
พอคำพูดของบุริศร์พูดออกไป ผู้จัดการก็รู้สึกกดดันมากขึ้นมาทันที
“ไม่ ไม่ ไม่ครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น หรือไม่คุณชายบุริศร์รอสักครู่ดีไหมครับ ผมจะได้ให้คนไปจัดแจงสักหน่อย?”
“ไม่ต้องหรอก ผมก็แค่จะดูไปเรื่อยสักหน่อยเท่านั้น”
แล้วบุริศร์ก็ผลักผู้จัดการออกไปเลย
บนหน้าผากของผู้จัดการมีเหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมาแล้ว เขารีบส่งสายตาไปทีหนึ่ง แล้วคนที่อยู่ข้างกายก็รีบไปโทรศัพท์รายงานให้ตรินท์ทราบ
บุริศร์ไม่ได้ไม่เห็นการกระทำเล็ก ๆ ของเขา เพียงแต่แค่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเท่านั้น
เขาพาคนเดินดูซ้ายทีดูขวาที เหมือนอย่างกับว่ารู้สึกสนใจของทุกอย่าง
ผู้จัดการเห็นบุริศร์เดินเล่นไปอย่างสบาย ๆ แบบนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะหวาดระแวงขึ้นมา
ไหนตรินท์บอกว่าเด็กทั้งสองคนหนีออกจากบ้านแล้วไม่ใช่เหรอ?
ในเมื่อเด็กทั้งสองคนหายไปแล้ว ทำไมบุริศร์ถึงยังมีกะจิตกะใจมาเดินเล่นสบาย ๆ อยู่ในชมรมยิงปืนนี้ได้ล่ะ?
นี่มันไม่ถูกต้องนี่!
หรือจะบอกว่าเด็กทั้งสองคนอยู่ในชมรมของเขาเหรอ?
ความคิดแบบนี้ของผู้จัดการแทบจะทำให้ตัวเขาเองตกใจแทบตาย
นี่ถ้าบุริศร์หาคุณชายทั้งสองของตระกูลโตเล็กเจอที่นี่เข้าจริง ๆ แล้วเขาจะอธิบายว่ายังไงล่ะ?
ยิ่งคิดไปแบบนี้ ผู้จัดการก็ยิ่งไม่สบายใจ แม้แต่อยากจะให้ตรินท์มาถึงเร็ว ๆ
ในตอนที่ตรินท์ได้รับโทรศัพท์ของผู้จัดการนั้น ยังไงก็ยังมีความแปลกใจอยู่บ้าง
ไม่ว่ายังไงเขาก็คิดไม่ถึงว่าบุริศร์จะไปที่ชมรมยิงปืนได้
สีหน้าของเขายังไงก็ยังดูเข้าใจได้ยากอยู่บ้าง ถึงกลับยอมทิ้งความคิดที่จะไปหาที่อื่น แล้วก็มาหาที่ชมรมยิงปืนโดยตรงเลย
“พี่ พี่มาทำอะไรอยู่ที่นี่เหรอ?”
การมาถึงของตรินท์ทำให้ผู้จัดการอดไม่ได้ที่จะโล่งใจออกไปเปลาะหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจะเป็นการกระทำที่ง่ายดาย และตั้งใจทำให้เบาแรงที่สุดแล้ว แต่ว่าบุริศร์ก็ยังคงรู้สึกถึงอยู่ดี
ที่นี่เป็นเหมือนกับที่กิจจาพูดไว้เลย มันเป็นฐานที่มั่นแห่งหนึ่งของตรินท์ ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้จัดการคนนี้ก็เป็นคนของตรินท์
เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว บุริศร์ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่มีอะไร ฉันนึกขึ้นมากะทันหันได้ว่า เมื่อวานตอนค่ำพากานต์ไปยิงปืนเล่นที่สวนสนุก แล้วชมรมนี้มีครูฝึกคนหนึ่งที่ชื่อสมชายให้นามบัตรกับพวกเรามาใบหนึ่ง บอกว่าอยากจะให้กานต์มาฝึกยิงปืนที่นี่ นายก็รู้ว่า กานต์ชอบปืนมาก วันนี้ก็เลยอยากมาดูสักหน่อย ว่าตกลงพวกกานต์มาที่นี่กันหรือเปล่า ในเมื่อนามบัตรใบนั้นก็ได้หายไปด้วยแล้ว”
คำพูดของบุริศร์ทำให้ตรินท์อึ้งไปเล็กน้อย
แล้วเขาก็จ้องผู้จัดการเขม็งทีหนึ่ง
ผู้จัดการรู้ว่าลูกน้องของตัวเองก่อเรื่องขึ้นแล้ว ก็รีบพูดขึ้นว่า “คุณชายบุริศร์ครับ วันนี้ไม่มีเด็กมาที่นี่ตามลำพังเลยครับ แล้วก็ยิ่งไม่เคยมีเด็กสองคนมาเลยครับ”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมมาดูแทนเด็กสองคน?”
ดวงตาของบุริศร์หรี่ขึ้นมาทันที
ผู้จัดการถึงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว จึงรีบพูดขึ้นว่า “ผมเดาเอาครับ ก็ที่บ้านของคุณชายบุริศร์มีลูกฝาแฝดคู่หนึ่งไม่ใช่เหรอครับ? ผมก็เลยนึกว่ามาช่วยเด็กทั้งสองคนดูครับ”
เหตุผลนี้ดูพยายามฝืนมาก แต่ว่าก็ทำให้คนหาปัญหาออกมาไม่ได้จริง ๆ
บุริศร์มองเขาอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าต่อไป
ผู้จัดการรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ตรินท์กลับไม่พูดอะไร แล้วก็เดินตามหลังบุริศร์ไปเลย
“พี่ ผมคิดว่าพวกกานต์คงจะไม่มาที่นี่กันหรอก?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ”
บุริศร์ตอบกลับอย่างกำกวม แล้วตอนที่เดินผ่านหน้าห้องน้ำนั้นก็หยุดฝีเท้าลง
“ฉันจะไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย นายจะไปด้วยไหม?”
“ไม่ล่ะ พี่ตามสบายเลย”
ตรินท์รีบบอกปฏิเสธทันที
บุริศร์เองก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป
หลังจากที่บุริศร์เข้าห้องน้ำไปแล้วนั้น ตรินท์ก็มองผู้จัดการอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง แล้วก็ถามเสียงต่ำขึ้นว่า “หาพวกเด็ก ๆ เจอหรือยัง?”
“ยังครับ แต่ว่าไม่เคยได้ยินว่าอยู่ที่เรานี่เลยครับ”
ผู้จัดการมีเหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมา
ตรินท์หรี่ตาลงแล้วพูดขึ้นว่า “ยกเลิกแผนการทุกอย่างชั่วคราวก่อน ตามหาเด็กทั้งสองคนนี้ให้เจอก่อนค่อยว่ากัน และจะต้องไม่ให้เกิดข้อบกพร่องอะไรทั้งนั้นเข้าใจไหม?”
“ครับ!”
บุริศร์ฟังการสนทนาระหว่างพวกเขาอยู่ข้างใน ในมือถือหูฟังเล็ก ๆ เอาไว้ เมื่อกี้ตอนที่ตรินท์ไม่ทันได้ระวังนั้น บุริศร์ก็ได้แอบเอาเครื่องดักฟังเล็ก ๆ ใส่ไว้บนตัวตรินท์
แล้วตอนนี้มาได้ยินพวกเขาพูดคุยกัน งั้นก็ยืนยันได้แล้วว่าคำพูดของกิจจาเป็นความจริง และที่สำคัญที่นี่ก็เป็นฐานที่มั่นแห่งหนึ่งของตรินท์จริง ๆ ด้วย
ความคิดของบุริศร์มีความวุ่นวายเล็กน้อย แล้วเขาก็เอาหูฟังที่อยู่ในมือทิ้งไป
ในตอนที่เขาออกมานั้น ก็มองไปที่ตรินท์อย่างมีความหมายลึกซึ้งทีหนึ่ง จนทำให้ตรินท์มีความหวาดระแวงขึ้นมาบ้าง
“พี่ มีอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไร”
บุริศร์พูดขึ้นจาง ๆ จากนั้นก็ตามหาทีละคืบทีละคืบ ตามหาจนทั่วทั้งชมรมแล้ว ก็ยังหากานต์ไม่เจอ
และในเวลาเดียวกันพวกกานต์นั้น ก็โดนพวกคนเฝ้ายามหลายคนเฝ้าและควบคุมไว้ เพื่อไม่ให้พวกเขาส่งเสียงใด ๆ ออกมา และถึงขนาดจับพวกเขามัดไว้ด้วย เพราะกลัวว่าจะมีใครถือโอกาสใช้ช่วงเวลานี้ร้องขอความช่วยเหลือขึ้นมา
ถึงแม้ว่าคนพวกนี้จะไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ แต่ก็สามารถทำให้เกิดเสียงขึ้นมาได้เหมือนกัน
ทางด้านห้องใต้ดินก็มีภาพกล้องวงจรปิดอยู่
กานต์เห็นบุริศร์พาคนมาตามหาเขา แต่น่าเสียดายที่เขาอยู่ตรงนี้ ห่างจากบุริศร์ก็เพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น แต่ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเขาไม่มีทางที่จะออกไปจากที่นี่ได้
ความเป็นไปได้ที่เขาจะตะโกนขอความช่วยเหลือตัวคนเดียวนั้นก็มีน้อยตั้งแต่แรกแล้ว แล้วตอนนี้เขายังหวังว่าจะพาเด็ก ๆ พวกนี้ออกไปด้วยอีก
มองดูคิ้วที่ขมวดกันแน่นของบุริศร์แล้ว น้ำตาของกานต์ก็หมุนวนอยู่ในดวงตา
คุณบุริศร์ ผมอยู่ตรงนี้! ผมอยู่ตรงนี้ครับ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...