บทที่ 642 เธอจะนอนหลับได้อย่างไร
“นรมน คุณเป็นอะไร? ป่วยเหรอ?”
คมทิพย์รีบวิ่งไปด้านหน้านรมนแล้วจับหน้าผากเธอ
ศีรษะเธอไม่ร้อน แต่นรมนดูเหมือนหนาวสุดขีด ทั้งร่างกำลังสั่น
“นรมน คุณเป็นอะไร?”
“เจ็บ!”
นรมนอ้าปากเอ่ยประโยคเดียว แต่ไม่มีเสียงใดๆ ออกมา
เจ็บ!
เจ็บมาก!
หัวใจเหมือนจะขาดออกจากกัน เจ็บจนอึดอัด
เธอเหมือนคนโดนมัดมือมัดเท้า ขยับไปไหนไม่ได้ เจ็บจนจะขาดใจ
ทำอย่างไรดี?
ใครช่วยเธอได้บ้าง?
ดวงตาคมทิพย์ชื้นทันที
เธอรู้ดีที่สุดว่านรมนให้ความสำคัญกับความรักนี้มากแค่ไหน ตอนนี้เห็นหล่อนเป็นแบบนี้ คมทิพย์ก็เกลียดบุริศร์แทบตาย
“ไม่เจ็บๆ! ฉันกอดเธออยู่นะ”
คมทิพย์รีบขึ้นเตียงไปกอดนรมนไว้ แต่นรมนก็ยังสั่นอยู่
ปัญญ์เห็นภาพนี้ที่ด้านนอกประตู ดวงตาก็สงสารเล็กน้อย
เขาหันร่างเดินออกมาอย่างเงียบๆ
“สืบให้ฉันหน่อยว่าเจ้าของทะเบียนรถคันนี้เป็นของใคร”
ปัญญ์ส่งรถคันนั้นของบุริศร์ออกไป
ตอนนั้นบุริศร์ไม่อยู่บนรถ ไปหาที่ซื้อบุริศร์ ตอนกลับมาเห็นพวกนรมนอยู่หน้ารถ ปัญญ์กำลังทุบรถอยู่ เขารู้ว่าตัวเองถูกจับได้แล้ว
เขาเห็นนรมนหันตัวเดินออกมา ท่าทางไม่อยากเจอนั้นราวกับเป็นมีดแหลมแทงเข้าไปในหัวใจบุริศร์
เมื่อเห็นว่าคมทิพย์โทรศัพท์ เขาก็รู้ว่าเขาอาจจะถูกเปิดโปงแล้ว
เมื่อคมทิพย์โทรเสร็จ บุริศร์ก็รีบโทรหาพฤกษ์
“รถคันนี้ที่ฉันขับเป็นของใคร?”
“รถของบัลลพ ผู้จัดการใหญ่บริษัทTENกรุ๊ป”
คำพูดของพฤกษ์ทำให้บุริศร์โล่งใจ
“บอกบัลลพ ให้บอกว่าเขาสงสัยว่านักแปลหญิงของบริษัทหน้าตาเป็นยังไง ก็เลยตามเธอมา”
“ฮะ?”
พฤกษ์ตามไม่ค่อยทันบุริศร์
“ตาม? ประธานบุริศร์ คุณคงไม่ได้……”
“ใช่ ฉันตามนรมนมาตลอด มีปัญหาเหรอ?”
คำถามกลับของบุริศร์นี้ มีความโกรธอยู่รางๆ
พฤกษ์รีบพูดขึ้น “ม-ไม่มีปัญหา ฉันจะรีบจัดการ แต่ประธานบุริศร์ครับ คมทิพย์ดูเหมือนจะรู้สึกได้ว่าคุณมาที่เมืองB ยังโวยวายจะเลิกกับฉันด้วย ถ้าคุณยังไม่อยากเจอภรรยาตรงๆ ก็ออกไปให้น้อยหน่อยเถอะครับ”
ได้ยินพฤกษ์พูดแบบนี้ ในใจบุริศร์ก็ยิ่งกลัดกลุ้ม
“นายยุ่งเรื่องของฉันมากเลยนะ”
เขาวางสายไป รู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก
เขาเป็นสามีที่ชอบธรรมของนรมนนะ ทำไมจะตามเธอมาไม่ได้? ทำไมเจอเธอไม่ได้?
แต่หลังจากที่เขาถามตัวเองสองคำถามนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหี่ยวเฉา
เขาเจอนรมนได้แน่นอน แค่กลัวว่าหลังจากนรมนเจอเขาแล้วจะยิ่งรู้สึกอึดอัด
บุริศร์หยิบบุหรี่ออกมาจุด สูบทีละมวน ก็ยังไม่สามารถบรรเทาความรู้สึกอึดอัดในใจได้
นรมนจมอยู่กับความเศร้าโศก ดิ้นรนทีละนิด เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นของคมทิพย์ก็ค่อยๆ สงบลง
คมทิพย์พูดขึ้นอย่างสงสาร “นี่คุณทำบ้าอะไร? คนคนนั้นอาจจะไม่ใช่เขาก็ได้ ถ้าคุณไม่อยากเจอเขา ฉันจะปล่อยคุณไป คุณไม่ต้องกังวลนะ เขาไม่มีทางมารบกวนชีวิตคุณได้ ฉันไม่อนุญาต”
นรมนไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้แสดงออกอะไร
อารมณ์และความรู้สึกของเธอไม่รู้ว่าต้องพูดอย่างไร
ปัญญ์เดินเข้ามา พูดขึ้นเสียงทุ้ม “หาข้าวของรถเจอแล้ว เป็นรถของบัลลพผู้จัดการใหญ่บริษัทTENกรุ๊ป เขาบอกเขาสงสัยว่าพี่นรมนเป็นคนยังไงก็เลยตามมา เดี๋ยวเขาจะขับรถกลับไป”
คมทิพย์และนรมนล้วนตกตะลึงสักพัก
บัลลพ?
คนคนนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
คมทิพย์ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ดูเหมือนเราจะเครียดเกินไปแล้ว นรมน คุณหน้าตาสวยขนาดนี้ ยากที่จะหลีกเลี่ยงการดึงดูดความปรารถนาและการแอบมองของพวกผู้ชาย คุณระวังหน่อยนะ”
นรมนไม่ได้พูดอะไร
บัลลพเหรอ?
เพราะสงสัยก็เลยตามมา?
เธอคิดว่าไม่ใช่นะ
แววตาที่มองเธอผ่านความมืดนั้นมันทุ่มเทและลึกซึ้ง เหมือนครั้งหนึ่งที่บุริศร์มองตน
ไม่!
ไม่เหมือน!
มันคือเขา!
ถึงแม้เจ้าของรถจะไม่ใช่เขา แต่ใครบอกได้ล่ะว่าคนขับไม่ใช่เขา คนที่ตามมาไม่ใช่เขา?
นรมนรักบุริศร์มาตั้งหลายปี แววตาเขาเธอรู้สึกได้อย่างแน่นอน
แต่นรมนก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
ให้คมทิพย์และปัญญ์คิดว่าไม่ใช่บุริศร์จะดีที่สุด เพื่อไม่ให้คมทิพย์ก่อเรื่องอะไร ถึงแม้ตอนนี้เธอจะเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจริญไชย อำนาจตระกูลเจริญไชยก็ไม่น้อย แต่เทียบกับบุริศร์แล้วก็ยังห่างชั้น
เธอไม่อยากนำหายนะมาสู่ตระกูลเจริญไชยเพราะตัวเอง
“พี่ พี่นรมน บุริศร์เป็นอะไรกับพี่นรมน?”
เมื่อปัญญ์ถามออกไป ก็โดนคมทิพย์จ้องทันที
“นายไม่พูดก็ไม่มีใครว่านายเป็นใบ้นะ”
ปัญญ์รีบปิดปากตัวเอง แล้วยิ้มอย่างรู้สึกผิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...