แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 184

เดิมทีลั่วเสี่ยวปิงอยากจะปฏิเสธคำพูดของอานอาน แต่เมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวในสายตาของอานอาน สุดท้ายแล้วลั่วเสี่ยวปิงก็ตอบตกลงไป

ในค่ำคืนอันมืดมิด ลั่วเสี่ยวปิงขึ้นไปบนรถม้าที่ยามมือปราบจัดเตรียมไว้ให้ ออกไปจากหมู่บ้านต้าซิง

หลังจากที่ลั่วเสี่ยวปิงจากไปแล้ว เมื่อเทียบกับความวิตกกังวลของคนตระกูลจางแล้ว อานอานกับเล่อเล่อเด็กสองคนกลับเป็นเด็กดีและนิ่งเงียบมาก

สุดท้าย จางเอ้อหลางที่นั่งไม่ติดก็ขับรถม้าของลั่วเสี่ยวปิง พาจางต้าฉวนเข้าไปในเมืองจนได้

ทันทีที่เข้าเมือง จางต้าฉวนกับจางเอ้อหลางแยกย้ายกันไปสองทาง

หลายปีมานี้จางต้าฉวนทำงานอยู่ในเมือง ก็พอมีเส้นสายเป็นของตนเอง เลยไปหาคนรู้จักของตนเองเพื่อขอความช่วยเหลือ

และจางเอ้อหลางก็ไปที่หอฝูหม่าน

ท้องฟ้ามืดมิด หอฝูหม่านปิดร้านไปนานแล้ว

แต่ว่าจางเอ้อหลางก็ยังเคาะประตูของหอฝูหม่านโดยไม่สนใจไยดี นอกจากหาหอฝูหม่านแล้ว จางเอ้อหลางก็ไม่รู้ว่าตนเองควรจะหาใครแล้ว

โชคดีที่หอฝูหม่านจะทิ้งเสี่ยวเอ้อเอาไว้เฝ้ายามทุกวันคนหนึ่ง หลังจากที่จางเอ้อหลางเคาะประตูไปแล้ว เสี่ยวเอ้อที่กำลังหลับสนิทอยู่มาเปิดประตูออกด้วยใบหน้างัวเงีย: “ใครน่ะ ดึกดื่นเที่ยงคืนจะให้คนนอนไหม……พี่จางเอ้อ?”

จางเอ้อหลางมาส่งสินค้าแทนลั่วเสี่ยวปิงอยู่บ่อยๆ ดังนั้นเสี่ยวเอ้อของหอฝูหม่านต่างก็รู้จักจางเอ้อหลางทั้งนั้น เห็นจางเอ้อหลางเวลานี้ เสี่ยวเอ้อยังตอบสนองกลับมาไม่ได้เล็กน้อย

“นี่เช้าแล้วหรือเนี่ย? ข้ายังนึกว่าข้าเพิ่งจะหลับไปเองนะ” เสี่ยวเอ้อสีหน้าเขินอาย นึกว่าจางเอ้อหลางมาส่งของ

จางเอ้อหลาง: “……เกิดเรื่องขึ้นกับพี่เสี่ยวปิงข้า เถ้าแก่ของพวกเจ้าอาศัยอยู่ที่ไหน?”

หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป เสี่ยวเอ้อกับจางเอ้อหลางก็มาถึงบ้านเถ้าแก่ฉิน เถ้าแก่ฉินฟังเหตุผลเข้าใจ ไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้า คลุมเสื้อคลุมตัวหนึ่งก็จากไปอย่างเร่งรีบ

หลังจากที่เถ้าแก่ฉินหาโอหยางฉี่หยู่ โอหยางฉี่หยู่หาไปถึงตระกูลหราว ฟ้าก็สว่างมากแล้ว……

ทางด้านของลั่วเสี่ยวปิง หลังจากที่ถูกพาข้ามคืนเข้ามาในเมือง สิ่งที่รอนางไม่ใช่เรือนจำที่เย็นยะเยือก แต่เป็นเรือนรับรองด้านหลังที่ว่าการอำเภอห้องหนึ่ง

การดำเนินการเช่นนี้ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงไม่เข้าใจอย่างมาก ยุคสมัยนี้ยามมือปราบจับกุมคนปฏิบัติด้วยดีขนาดนี้เชียวหรือ?

“แม่นางลั่วพักผ่อนก่อนเถอะ รอพรุ่งนี้ใต้เท้าค่อยมาสอบถาม” ยามมือปราบยังคงสุภาพเช่นเดิม แถมยังเผยความเคารพนับถือออกมาลางๆ

ลั่วเสี่ยวปิง: “……” คนเป็นขุนนางคุยง่ายขนาดนี้เลย?

ลั่วเสี่ยวปิงเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่ว่าหลังจากที่ยามมือปราบพูดจบก็จากไปเลย ไม่มีใครตอบคำถามนาง

ในเมื่อมาแล้วก็จงอยู่อย่างสงบใจ ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้จดจ่อกับข้อสงสัยเกี่ยวกับท่าทีของยามมือปราบอีก แต่ไปนอนลงบนเตียงแล้วหลับตาพักผ่อน

เช้าวันรุ่งขึ้น ก็มีสาวใช้ส่งอาหารมาให้กับนาง

ในใจของลั่วเสี่ยวปิงก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น การได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งสมควรจะได้รับเลย

โชคดีที่หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ใต้เท้านายอำเภอในชุดขุนนางก็มาถึง

แตกต่างจากภาพลักษณ์ชายวัยกลางคนที่อ้วนท้วนลงพุงหรือไว้หนวดเคราอย่างที่นางคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง นายอำเภอกัวหงหยางเป็นผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาไม่ถึงสามสิบคนหนึ่งเรียกได้ว่าหล่อเหลาทีเดียว

คนทั้งคนดูแล้วสุภาพอ่อนโยน ในความนิ่งเฉยของดวงตาคู่นั้นมีความฉลาดและมีวิสัยทัศน์แฝงอยู่

ตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงมองพิจารณากัวหงหยาง กัวหงหยางก็กำลังมองพิจารณาลั่วเสี่ยวปิงเช่นกัน

ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ถึงแม้หน้าตาจะดูดี ลักษณะท่าทางก็ไม่เหมือนกับหญิงชาวนาทั่วไป แต่เขาก็สืบมาแล้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นคนหมู่บ้านต้าซิงโดยกำเนิดจริงๆ แล้วไปเกี่ยวข้องกับนายพลหวู่หยางได้อย่างไร?

คดีคนหายครั้งก่อน ถึงแม้เขาจะไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่เขาก็รู้อย่างชัดเจนที่เรื่องนั้นถูกเปิดเผยออกมา สาเหตุส่วนใหญ่มาจากผู้หญิงที่ดูแล้วไม่ค่อยธรรมดาตรงหน้าคนนี้

และเพราะเหตุผลมากมายหลายเช่นนี้ ถึงแม้จะรู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมที่ทำให้เขาปวดหัวมานาน กลับไม่กล้ากำเริบเสิบสานกับนางมากเกินไป

ทั้งสองมองพิจารณาอีกฝ่ายอย่างไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึก ในห้องเงียบงันไปชั่วขณะหนึ่ง

“ไม่รู้ว่ากำไลหยกนั่นเจ้าได้มาอย่างไร?”

นานพักใหญ่ ในที่สุดกัวหงหยางก็เอ่ยปาก สอบถามออกมาโดยตรง

ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของกัวหงหยางอย่างมาก แต่กลับไม่แสดงออกมา กล่าวเพียงว่า “ข้าน้อยพูดแล้ว ใต้เท้าจะเชื่อไหม?”

ถูกถามกลับ กัวหงหยางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกมันก็สมเหตุสมผลดี ไม่ได้ตอบคำถามของลั่วเสี่ยวปิงโดยตรง กล่าวเพียงว่า “เริ่มจากเมื่อหนึ่งปีก่อน ในเมืองก็มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นก่อนและหลัง ผู้เสียชีวิตมีสามคน เป็นผู้หญิงทั้งหมด และฆาตกรข้าสรุปแน่ชัดว่าเป็นผู้ชาย”

พูดถึงตรงนี้ กัวหงหยางก็เงยหน้ามองไปทางลั่วเสี่ยวปิง กล่าวขึ้นมาอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “ข้าสืบสวนมาครึ่งปีไม่พบอะไรเลย เพียงแต่ว่าเพิ่งได้รับเบาะแสของโจรมาเมื่อไม่นานมานี้เอง”

……

หราวชิงหย่าพักฟื้นอยู่เดือนมาตลอด คนตระหราวดูแลเอาใจใส่อย่างดี ลูกก็ไม่ให้นางต้องคอยกังวล แต่ร่างกายของหราวชิงหย่ากลับผอมบางลงทุกวัน บนใบหน้าก็มองไม่เห็นความสุข

คนตระกูลหราวเห็นสิ่งเหล่านี้อยู่ในสายตา กลับไม่มีใครพูดอะไร

ว่ากันว่าแก้กระดิ่งที่ผูกก็ต้องใช้คนผูกกระดิ่งเอง หราวชิงหย่านี่คือป่วยทางใจ และตัวยานำพาก็คือคนที่ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาเลย สามีของหราวชิงหย่า

เช้าวันนี้ หราวชิงหย่าตื่นของมาจากความหลับใหลตามปกติ ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่า เจ้าของหอฝูหม่านมีธุระมาขอเข้าพบ

เจ้าของหอฝูหม่านโอหยางฉี่หยู่ คนที่พอจะมีฐานะไม่มีใครไม่รู้จักคนคนนี้

อย่างไรเสียโอหยางฉี่หยู่ในวัยแค่ยี่สิบต้นๆ สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาจากสองมือเปล่า ขยายกิจการไปทั่วทั้งประเทศ แนวโน้มการพัฒนาไล่ตามตระกูลฮัวติดๆ

คนคนนี้ขอเข้าพบ ทำให้หราวชิงหย่าประหลาดใจอย่างมาก แต่ก็ยังให้บ่าวรับใช้พาเขาไปยังห้องรับแขก

เพียงแต่ว่า หลังจากที่ได้ยินเจตนาการมาของโอวหยางฉี่หยู่แล้ว สีหน้าของหราวชิงหย่าเปลี่ยนไปกะทันหัน

ไม่นาน บ่าวรับใช้ของตระกูลหราวก็ไปแจ้งต่อนายท่านใหญ่กับฮูหยินใหญ่ กูหน่ายนายจะกลับไปแล้ว

ตามหลักแล้ว ยังอยู่เดือนไม่ครบ ทางที่ดีที่สุดหราวชิงหย่าไม่ควรจะเหน็ดเหนื่อย

แต่ว่านายท่านใหญ่หราวหยูหลินกลับไม่ได้ขัดขวาง แต่กลับให้คนเริ่มเตรียมความพร้อมให้

หลังจากที่บ่าวรับใช้จากไปแล้ว หราวฮูหยินใหญ่สีหน้าเป็นกังวล “หย่าเอ๋อร์กลับไปตอนนี้ หากว่ามีอะไรเกิดขึ้น……”

“สิ่งที่นางควรต้องเผชิญหน้า ก็ต้องเผชิญหน้า การหนีถึงอย่างไรก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาอยู่แล้ว” หราวหยูหลินมองไกลออกไป เอ่ยปากช้าๆ

หราวฮูหยินใหญ่ได้ยินคำพูด เพียงแค่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ข้าก็แค่เป็นห่วงร่างกายของหย่าเอ๋อร์……เท่านั้น ปล่อยนางไปเถอะ——” หราวชิงหย่าออกจากเมืองซีเหอ บ่าวรับใช้ตระกูลหราวคุ้มกันไปส่งด้วยตัวเอง

ผ่านไปแค่สองชั่วยาม หราวชิงหย่าก็มาถึงในเมืองแล้ว

“ไปที่ว่าการอำเภอโดยตรงเลย” หราวชิงหย่าสั่งคนขับรถม้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ก่อนออกเดินทาง ผู้รับผิดชอบในบ้านบอกไว้ว่าไปทำตามคำสั่งของกูหน่ายนาย ดังนั้นคนขับรถม้าจึงตรงไปยังที่ว่าการอำเภออย่างไม่ลังเล

รถม้าหยุดอยู่ที่หน้าประตูที่ว่าการอำเภอ ทันทีที่คนรับใช้ที่เฝ้าประตูเห็นหราวชิงหย่าออกมา ทำความเคารพด้วยความประหลาดใจทันที “ฮูหยิน ท่านกลับมาได้อย่างไร!”

หราวชิงหย่าไม่ได้ตอบคำถามของคนรับใช้ ถามเพียงว่า “ใต้เท้าของพวกเจ้าล่ะ?”

คนรับใช้ชี้ทาง หราวชิงหย่าเดินก้าวใหญ่ไปข้างหน้า ไม่เหมือนคนเพิ่งคลอดบุตรเลยสักนิด

หลังจากเดินเลี้ยวไปสามรอบแปดรอบ ในที่สุดหราวชิงหย่าก็ถึงลานด้านหลัง

ทันทีที่เข้าไป ก็เห็นกัวหงหยางเดินออกมาจากห้องหนึ่งพอดี

พอเห็นคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ชั่วขณะหนึ่งหราวชิงหย่ารู้สึกตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อย นัยน์ตาแดงขึ้นมาเล็กน้อย

กัวหงหยางเองก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆหราวชิงหย่าจะปรากฏตัวขึ้นมา ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน

จากนั้นก็ก้าวออกมาข้างหน้าอย่างรีบเร่งและกังวล “หย่าเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร เจ้า……”

“กัวหงหยาง ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นคนเนรคุณขนาดนี้……”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง