กัวฮูหยินใหญ่เป็นผู้ที่ดูแล้วมีเมตตาและมีอัธยศัยดียิ่งนัก หน้าตาเหมือนหญิงชราเฒ่าห้าสิบกว่าๆ ในมือยังถือลูกประคำเอาไว้
ในเวลานี้ กัวฮูหยินใหญ่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไทชิ มือข้างหนึ่งถือลูกประคำไว้ และมองดูหราวชิงหย่าอย่างเมตตา "ชิงหย่ากลับมาเหรอ ดีแล้ว"
หลังจากพูดจบ ไม่รอหราวชิงหย่าได้พูด ก็หันไปมองลั่วเสี่ยวปิง และมองสังเกตอย่างรอบคอบ
“ท่านนี้คือ?” กัวฮูหยินใหญ่ทำหน้างง
แม่นมที่อยู่ด้านข้างก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยิ้มแล้วอธิบายว่า "ฮูหยินใหญ่ แม่นางลั่วคนนี้เป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของฮูหยินและนายน้อยสอง เป็นหมอหญิงเทวดาเจ้าค่ะ"
เป็นคำพูดปกติแท้ๆ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด พอพูดออกมาจากปากของแม่นม ลั่วเสี่ยวปิงกลับรู้สึกมันแปลกยิ่งนัก
แต่มันแปลกตรงไหนนั้น นางก็ไม่สามารถบอกได้ในชั่วขณะนี้เหมือนกัน
เมื่อกัวฮูหยินใหญ่ได้ยินถ้อยคำเช่นนี้ ก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างตื่นเต้นทันที และสั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆว่า “เร็วเข้า รีบเอาเก้าอี้มาให้ผู้มีพระคุณนั่งเร็ว”
หลังจากพูดเช่นนั้น ก็มองดูลั่วเสี่ยวปิงอย่างซาบซึ้ง “ต้องขอบคุณหมอหญิงเทวดามากยิ่งนัก เช่นนี้หมอหญิงเทวดาอยู่พักในจวนสักสองสามวันดีไหม"
“ข้า……”
ลั่วเสี่ยวปิงกำลังจะปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่ากัวฮูหยินใหญ่จะตื่นเต้นเกินไป และไม่ได้รอให้ลั่วเสี่ยวปิงได้พูดจบเลย เพียงแค่มองดูหราวชิงหย่า "ชิงหย่าตอนนี้เจ้ายังอยู่ในช่วงอยู่เดือนพึ่งคลอดลูกเสร็จ ดังนั้นให้หมอหญิงเทวดาอาศัยอยู่ในห้องของเจ้าละกัน"
ลั่วเสี่ยวปิงขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ชอบการถูกผู้อื่นวางแผน
อีกอย่าง หลังจากมาพบฮูหยินใหญ่เสร็จนางก็อยากกลับไปแล้ว และไม่ได้มีความคิดที่อยากพักอยู่ที่นี้ไปนานๆ
เพราะแม้ว่าจางซิ่งฮวาจะได้นำข่าวคราวของนางกลับไปแล้ว แต่หากภายในสามวันนางยังไม่กลับไปกลัวว่าเด็กๆ จะเป็นห่วง
“ขอบคุณท่านแม่ที่เป็นห่วง” เสียงของหราวชิงหย่าดังขึ้นจากด้านข้าง
เมื่อเทียบกับความจัดจ้านตอนเผชิญหน้ากับกัวหงหยาง และความต่างที่อ่อนโยนและสง่างามที่ลั่วเสี่ยวปิงเคยเห็นมาก่อน เสียงของหราวชิงหย่าในเวลานี้นั้นกลับราบเรียบและสงบนิ่งราวกับสระน้ำนิ่ง
ท่าทีของหราวชิงหย่าในตอนนี้นั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นสีหน้าที่ไร้อารมณ์ หรืออาจกล่าวได้ว่าเฉยเมยยิ่งนัก
มันช่างแตกต่างกันยิ่งนัก ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงอดไม่ได้ที่จะมองสังเกตกัวฮูหยินใหญ่
เพียงแต่ว่านางมองอะไรไม่ออกเลย กัวฮูหยินใหญ่ก็ยังคงดูเมตตาเช่นเคย นางไม่เห็นมีสิ่งผิดปกติอะไรเลย
ท้ายที่สุด ลั่วเสี่ยวปิงก็อยู่พักที่นี้ และถูกกัวฮูหยินใหญ่สั่งให้คนพานางกับหราวชิงหย่าเข้าไปในลานของหราวชิงหย่า
ระหว่างทาง ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย ส่วนหราวชิงหย่าก็เรียบร้อยและเงียบเช่นกัน
จนกระทั่งคนของฮูหยินใหญ่จากไป หราวชิงหย่าและลั่วเสี่ยวปิงก็ยังคงเงียบสงบอยู่เช่นนั้น
……
แต่ไม่นาน ลั่วเสี่ยวปิงก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของหราวชิงหย่า
จากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงได้สบกับดวงตาที่รู้สึกผิดและเศร้าโศกของหราวชิงหย่า
“น้องเสี่ยวปิง ข้าขอโทษจริงๆนะที่ทำให้เจ้าต้องมาเดือดร้อนไปด้วย……”
……
ฟ้าเริ่มมืดลง
กัวหงหยางกลับเข้ามาในจวนด้วยความเหนื่อยล้า และเดินตรงไปที่ลานหลัก
พึ่งมาถึงในลานหลัก กัวหงหยางก็ถูกคนขวางเอาไว้ และบอกว่ามีแขกอาศัยอยู่ในลานหลัก ให้เขาไปที่ลานสำหรับแขก
กัวหงหยางขมวดคิ้ว ไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่พูดด้วยเสียงที่เคร่งขรึมว่า:"ข้าพูดคุยกับนายหญิงเพียงไม่กี่คำก็ไป"
พูดจบ กัวหงหยางก็เข้าไปในลานหลัก และตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง
ในเวลานี้ เทียนในห้องนอนยังไม่ดับ และประตูห้องก็ไม่ได้ถูกมัดจากด้านใน กัวหงหยางผลักประตูและเดินเข้าไป
ทันทีที่เข้ามา ก็เห็นหราวชิงหย่านั่งอยู่ข้างเตียงด้วยท่าทางสงบและมองดูตัวเองอย่างเย็นชา
ไม่รู้ทำไม พอถูกฮูหยินของตัวเองใช้สายตาแบบนี้มอง ในใจของกัวหงหยางก็เต้นตึกๆเหมือนมีรังสังหรณ์ที่ไม่ดี
แต่ทำงานราชการมาทั้งวัน และก็จับเมี่ยวเหล่าซานไม่ได้อีก เขาก็เหนื่อยมากแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
ทันทีที่เห็นหราวชิงหย่า ในดวงตาของกัวหงหยางก็มีแต่ความอ่อนโยนและความรู้สึกผิดปรากฏขึ้น
ทั้งสองแต่งงานกันมาสิบปีแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้หราวชิงหย่าเพียงให้กำเนิดลูกสาวเขาไปคนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะแต่งเมียน้อยมาก่อน
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เขากับหราวชิงหย่าก็ไม่เคยแยกจากกันนานเช่นนี้ ความอ่อนโยนที่ไม่แสดงออกมาในตอนกลางวัน ยามนี้ก็ได้แสดงออกมาบนใบหน้าทั้งหมด
“หย่าเอ๋อร์ ลำบากเจ้าแล้วนะ” กัวหงหยางเดินไปที่ข้างเตียง และมองดูหราวชิงหย่าด้วยใบหน้าที่สำนึกผิด
หราวชิงหย่ามองดูกัวหงหยางโดยไม่พูดอะไร
แน่นอนว่ากัวหงหยางเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติของหราวชิงหย่า แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่คิดว่าหราวชิงหย่ากำลังโทษที่เขาที่ไม่สามารถไปเยี่ยมนาง จึงพูดอธิบายว่า "หย่าเอ๋อร์ วันที่เจ้าคลอดลูกนั้นข้าไม่รู้เลย พอรู้แล้วข้าอยากจะไป แต่แม่กลับป่วยหนักกะทันหัน ข้าจึงต้องอยู่ดูแลแม่ จึงไม่ได้ไปดูเจ้า เจ้าอย่าโกรธข้าเลยได้ไหม"
กัวหงหยางเป็นคนเรียนหนังสือ เห็นความสำคัญของความกตัญญูกตเวที
ด้านหนึ่งคือภรรยาที่กำลังประสบความยากลำบากในการคลอดบุตร และอีกด้านหนึ่งคือแม่ที่ป่วยหนัก กัวหงหยางเลือกอันหลัง
เนื่องจากกัวหงหยางรู้สึกว่า ระหว่างตัวเองกับภรรยานั้นยังมีเวลาอีกมาก แต่แม่อายุมากแล้ว วันที่แม่ป่วยหนักนั้น เขากลัวที่จะสูญเสียแม่ไปยิ่งนัก
ในใจของหราวชิงหย่าก็ถือสาในหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้กัวหงหยางไม่เคยปรากฏตัวจริง แต่วหงหยางไม่อธิบาย ยังดี พออธิบาย ในดวงตาของหราวชิงหย่าก็มีความสิ้นหวังเล็กน้อย แต่หน้าของเธอก็สงบนิ่งมากยิ่งนัก สายตาที่หันมองกัวหงหยางนั้น ไม่มีความอ่อนโยนเหมือนในอดีตอีกต่อไป มีเพียงแต่ความเฉยเมย
“เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมหลายปีที่ผ่านมานี้ข้าถึงมีบุตรได้ยากมา?” หราวชิงหย่าถาม
“หย่าเอ๋อร์ เรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ข้าไม่เคยโทษเจ้าเลย” กัวหงหยางคิดก็ไม่คิดแล้วรีบพูดปลอบใจนางโดยตรง กลัวว่าหราวชิงหย่าจะโยนความผิดทั้งหมดให้เขา
แต่เขาไม่เห็นว่าในสายตาของหราวชิงหย่านั้นมันมีความสิ้นหวังเพิ่มขึ้น
“แล้วเจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมทุกครั้งที่ข้ามีเรื่องแม่ของเจ้าก็จะเกิดเรื่องทุกครั้ง?” น้ำเสียงของหราวชิงหย่าสงบยิ่งกว่าเดิม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กัวหงหยางก็รู้สึกถึงความผิดปกติของหราวชิงหย่า แต่เขากลับขมวดคิ้ว
“หย่าเอ๋อร์ ข้ายอมรับว่ามันเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้ไปดูเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ควรโทษท่านแม่ เพราะท่านแม่……”
“พอได้แล้ว!” หราวชิงหย่าขัดคำพูดของกัวหงหยาง สายตาที่มองดูกัวหงหยางนั้นดูเย็นชา
เมื่อถูกสายตาเช่นนี้จ้องมอง ความตื่นเต้นนั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ทำให้กัวหงหยางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ในเมื่อก่อนหน้านี้ท่านแม่เคยป่วยหนัก ทักษะทางการแพทย์ของน้องเสี่ยวปิงก็ไม่เลว เช่นนี้ทำไมเจ้าไม่ลองให้นางตรวจร่างกายให้ท่านแม่ดูละ”
กัวหงหยางฟังแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกมีอะไรไม่ดี จึงพยักหน้า
แต่เมื่อกัวหงหยางยังต้องการจะพูดอะไรอีก หราวชิงหย่ากลับหลับตาลงเล็กน้อยแล้วกวักมือไปมาส่งสัญญาณ "เอาล่ะ ตอนนี้ร่างกายของข้าเหนื่อยล้าง่าย ข้าจะพักผ่อนแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ"
ในลานมีแขกหญิงอยู่ กัวหงหยางจึงไม่สามารถอยู่นานมากนัก
เมื่อได้ยินคำพูดของหราวชิงหย่า แม้ว่ากัวหงหยางจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ลุกขึ้นและจากไป
หลังจากที่กัวหงหยางจากไป หราวชิงหย่าก็ลืมตาขึ้น แต่ในดวงตานั้นกลับมีความเศร้าและความคับข้องใจซ้อนและร่องรอยของความแน่วแน่ซ่อนเอาไว้!
กัวหงหยางเดินออกมาจากห้องนอน และถูกลมหนาวพัด สมองปลอดโปร่งมากขึ้น
เมื่อนึกถึงพูดของหราวชิงหย่าในเมื่อกี้ ก็นึกถึงทุกสิ่งในอดีตที่ผ่านมา
เหมือนกับที่ชิงหย่าพูดจริง เมื่อนางเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านแม่ก็จะเกิดเรื่องขึ้นเสมอ
จนตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เขามีเรื่องที่ติดค้างชิงหย่าไว้เป็นจำนวนมาก
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ กัวหงหยางก็มองดูแสงไฟข้างห้องที่ยังไม่ดับเหมือนกัน ก้าวเดินไปข้างหน้าและเคาะประตู……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...