แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 187

ลั่วเสี่ยวปิงพักอยู่ในจวนกัวเป็นเวลาสามวัน และในช่วงเวลานั้นก็ไม่เคยเห็นกัวฮูหยินใหญ่เลย แต่แม่นมของกัวฮูหยินใหญ่ก็มักจะมาไถ่ถามทุกข์สุขตามคำสั่งของกัวฮูหยินใหญ่อยู่เสมอ ลั่วเสี่ยวปิงดูเหมือนจะเป็นแขกผู้มีเกียรติของจวนกัวอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนกัวหงหยาง ก็ไม่ได้มาที่ลานหลัก หลังวันนั้นอีกเลย ได้ยินว่าเป็นเพราะกำลังยุ่งกับคดีฆาตกรรมนั้นอยู่

วันนี้หลังจากรับทานอาหารเช้าเสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงก็ได้พบกับกัวฮูหยินใหญ่อีกครั้งในลานของกัวฮูหยินใหญ่

ลั่วเสี่ยวปิงไปพร้อมกับหราวชิงหย่า ตอนไปกัวฮูหยินใหญ่กับกัวหงหยางก็อยู่ที่นั่นพอดี แม่ลูกทั้งสองน่าจะเพิ่งทานอาหารเช้าเสร็จ

เมื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิงเดินมา บนใบหน้าของกัวฮูหยินใหญ่ก็ยังคงมีความเมตตา ดีใจและซาบซึ้งเช่นเคย

กัวฮูหยินใหญ่เช่นนี้ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง และทำให้ลั่วเสี่ยวปิงไม่สามารถเชื่อได้ว่านางเป็นคนเลวจริง

“หมอหญิงเทวดามาแล้วรึ ข้าเนี่ยแก่แล้ว ร่างกายก็ไร้ประโยชน์ จึงทำให้หยางเอ๋อร์ต้องกังวลใจเช่นนี้ วันนี้คงต้องรบกวนหมอหญิงเทวดาซะแล้ว” กัวฮูหยินใหญ่พูดโดยไม่ลืมที่จะหันมองกัวหงหยางอย่างโมโหเล็กน้อย เหมือนแม่ที่รักลูกชายและไร้ทางเลือกกับการตัดสินใจของลูก

แต่ทำไมถึงบอกว่า'เหมือน' ลั่วเสี่ยวปิงเองก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน รู้เพียงว่าจู่ๆคำนี้ก็โผล่ขึ้นมาจากหัวสมองอย่างอธิบายไม่ถูก

ส่วนกัวหงหยางที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดของแม่เขานั้น ก็รีบพูดปลอบใจทันทีว่า "ท่านแม่จะต้องมีอายุยืนนานร้อยปีแน่"

ทันทีที่คำนี้ออกมา ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงหราวชิงหย่า เงยหน้าขึ้นก็เห็นหราวชิงหย่าหน้าซีด ในดวงตานั้นเหมือนมีอารมณ์ที่ซับซ้อนซ่อนเอาไว้

แต่พอลืมตาขึ้นและหลับตาลง สีหน้าของหราวชิงหย่าก็กลับสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย หรือกล่าวได้ว่าเย็นชา

ลั่วเสี่ยวปิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจแทนเล็กน้อย ตระกูลหราวของหราวชิงหย่านั้นเป็นที่อิจฉาของผู้คนมากมาย เพราะมาจากครอบครัวนักปราชญ์ที่มีความรู้และมีคุณธรรมสูงส่ง

ผู้หญิงเยี่ยงนี้ ต้องมีชีวิตที่ราบรื่นอย่างแน่นอน

แต่หราวชิงหย่าที่ทำตัวแบบนี้ในตอนนี้นั้น กลับดูเหมือนจะทนทุกข์กับความยากลำบากมามากมาย และสูญเสียความมั่นใจในชีวิต

ตระกูลกัวหรือกัวฮูหยินใหญ่นี้ ช่างเหมือนอยู่ในถ้ำเสือบึงมังกรจริงเลย

นางเป็นเพียงแค่ผู้หญิงในหมู่บ้านธรรมดาๆคนหนึ่ง จริงๆก็ไม่อยากสนใจเรื่องพวกนี้

แต่นางกลับไม่สนใจไม่ได้

แอบถอนหายใจในใจเสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงก็เดินไปหากัวฮูหยินใหญ่ และวางมือบนชีพจรของฮูหยินใหญ่

พึ่งได้ตรวจดูไปคร่าวๆ ก็ได้ยินกัวฮูหยินใหญ่ถอนหายใจ “เฮ้อ ข้านะควรตายไปนานแล้ว หากไม่ใช่เป็นเพราะห่วงหยางเอ๋อร์ คนอายุเช่นข้าเยี่ยงนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไมกัน”

ลั่วเสี่ยวปิงก้มหน้าหลังจากตรวจสภาพร่างกายของนางเสร็จนั้นกลับซ่อนร่องรอยของความแปลกประหลาดในดวงตาเอาไว้

“ท่านแม่อย่าพูดคำเช่นนี้อีก มีหมอเทวดาอยู่ ท่านแม่จะไม่เป็นไรแน่นอน” กัวหงหยางเป็นลูกกตัญญู หลังจากกัวฮูหยินใหญ่พูดจบ เขาก็รีบพูดปลอบโยนนางทันทีเลย

เมื่อกัวฮูหยินใหญ่ได้ยินเช่นนี้ก็เพียงแค่ยิ้มและไม่ได้ตอบกลับกัวหงหยาง เพียงแค่ยิ้มแล้วหันมองลั่วเสี่ยวปิง: "ข้าไม่ควรรบกวนหมอหญิงเทวดาจริงๆเลย เมื่อไม่กี่วันก่อน หมอที่มีชื่อเสียงในจังหวัดและหมอชื่อดังในเมืองก็ได้มาทำการแมะให้ข้าแล้ว ต่างก็บอกว่าไม่มีวิธีรักษา อยู่อีกสักไม่กี่ปีก็ถึงขีดจำกัดแล้ว ข้าคิดว่าหมอหญิงเทวดาก็คงได้ผลลัพธ์เช่นนี้เหมือนกันสินะ?”

มือของลั่วเสี่ยวปิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเก็บมือ เงยหน้าขึ้นมองกัวฮูหยินใหญ่ และสบตากับตาคู่ที่เต็มไปด้วยความเมตตาของนางนั้น แต่ในใจกลับมีแต่ความเย็นชา

อันที่จริง ฮูหยินใหญ่ผู้นี้มีสุขภาพแข็งแรงยิ่งนัก แถมยังดีกว่าร่างกายของหราวชิงหย่าด้วยซ้ำ

แต่นางกลับกล่าวถึงว่าผลลัพธ์ที่หมอผู้มีชื่อเสียงในจังหวัดและหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงนั้นต่างก็บอกว่าไม่มีวิธีรักษาได้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันคือพูดเป็นนัยให้นาง

เพราะหมอผู้มีชื่อเสียงในจังหวัดและหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงนั้น ต่างก็เป็นหมอที่มีชื่อเสียงและทักษะทางการแพทย์ก็คงไม่เลวนัก ถึงจะอย่างไรก็คงไม่บอกว่าไม่มีทางรักษาแน่นอน

เพียงแต่ว่า กัวฮูหยินใหญ่ผู้นี้พูดเป็นนัยให้ตัวเองเช่นนี้ต่อหน้ากัวหงหยาง ไม่เป็นไรจริงๆเหรอ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง