แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 190

ทันทีที่แม่นมตะโกน คนรับใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังกัวหงหยางก็รีบเดินออกมา

ลั่วเสี่ยวปิงมองดูแม่นมอย่างเย็นชา โดยไม่พูดและไม่ขัดขืน ปล่อยให้คนอื่นควบคุมตัวนางออกไป

ลานหลักวุ่นวายกันไปหมด ในสายตาของกัวหงหยางมีแต่หราวชิงหย่า จึงไม่มีเวลาไปลงโทษลั่วเสี่ยวปิง

ดังนั้น หลังจากที่ลั่วเสี่ยวปิงถูกคนรับใช้สองคนมัดเอาไว้ ก็อยู่ในห้องของหราวชิงหย่าตลอด จนกระทั่งหมอจวนมาถึง

หลังจากทำการแมะเสร็จ หมอจวนก็บอกว่าหราวชิงหย่าถูกวางยาพิษครึ่งวัน

ครึ่งวัน เดาจากชื่อได้ว่า จากการถูกวางพิษจนถึงพิษกำเริบใช้เวลาเพียงครึ่งวัน

ครึ่งวันมียาถอนพิษ แต่มีไม่มีก็ไม่มีอะไรต่างกัน

เพราะยาถอนพิษของครึ่งวันคือบัวหิมะเทียนซานและคางคกทองคําแดง อย่าพูดถึงคางคกทองคําแดงที่ปรากฏเพียงแค่ในตํานานเท่านั้น เพียงของศักดิ์สิทธิ์เช่นบัวหิมะเทียนซานนั้น ซึ่งว่ากันว่าก็มีเพียงอ๋องเซ่อเจิ้งเท่านั้นที่มี แม้แต่จักรพรรดิยังไม่มีเลย

เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ หราวชิงหย่าก็หมดสติไปนานแล้ว ส่วนกัวหงหยางก็เศร้าโศกจนตาแดงไปหมด คนทั้งคนตัวสั่นไปหมด

เมื่อกัวหงหยางหันหลังมองลั่วเสี่ยวปิง แม้แต่ลั่วเสี่ยวปิงที่เคยเห็นคนหลายประเภทมาก่อนนั้น ในใจก็อดตื่นเต้นไม่ได้

คนเช่นกัวหงหยางแล้ว เวลาตัดสินคดีนั้นเด็ดขาดและน่าเกรงขาม เวลาปกติก็เหมือนดั่งคนเรียนหนังสือที่อ่อนโยน และในเวลานี้ ดวงตาของกัวหงหยางแดงก่ำ ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ราวกับว่าจะกลืนลั่วเสี่ยวปิงในยามยังมีชีวิตอยู่ในวินาทีถัดไป

ความแตกต่างในการเปรียบเทียบเช่นนี้ ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกกลัว

"เกิดอะไรขึ้น? บอกมา! "กัวหงหยางหันมองแม่นม และพูดคำนี้ออกมาจากปาก คงจะอดทนเอาไว้สินะ

ที่จริงแล้วกัวหงหยางใส่ใจหราวชิงหย่ามายิ่งนัก ตอนนั้นเขารักหราวชิงหย่า กัวฮูหยินใหญ่ไม่ตอบตกลง เขาเพื่อให้แม่ของเขาตกลงให้เขาแต่งงานกับหราวชิงหย่า คุกเข่าอยู่หน้าห้องของแม่ตนไปสามวันสามคืน และไม่ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียวเลย เช่นนี้ถึงจะทำให้กัวฮูหยินใหญ่ยอดตอบตกลง

และเป็นเพราะครั้งนั้น กัวฮูหยินใหญ่จึงเสียงใจที่กัวหงหยางไม่เชื่อฟังนาง ร่างกายจึงไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน

ดังนั้นตั้งแต่นั้นมา กัวหงหยางก็ยิ่งกตัญญูต่อกัวฮูหยินใหญ่มากขึ้น เพียงเพราะเรื่องที่ติดค้างในใจของเขานั้น

และเป็นเพราะเช่นนี้ บางครั้งทั้งที่ที่เขารู้ว่าหย่าเอ๋อร์ได้รับความไม่เป็นธรรม แต่ก็ขอให้หย่าเอ๋อร์อดทนเอาไว้

เขาคิดในใจว่า เขากับหย่าเอ๋อร์จะต้องอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต แต่ร่างกายของแม่กลับไม่ทราบว่ามันจะล้มป่วยลงวันไหน

แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่ามีวันหนึ่งหย่าเอ๋อร์จะจากเขาไป

ใครก็ตามที่ทําร้ายหย่าเอ๋อร์ เขาจะไม่ปล่อยมันไปแน่

กัวหงหยางคิดเช่นนี้แล้ว ก็กํามือไว้แน่นๆอย่างไม่รู้ตัว

"ใต้เท้า เมื่อกี้ต้อนข้าน้อยไปตามหาหมอเทวดาลั่ว เห็นหมอเทวดาลั่วได้ใส่อะไรบางอย่างลงไปในยา เนื่องจากช่วงสองสามวันนี้อยู่กับหมอเทวดาลั่วอย่างสนุกสนาน และรู้สึกว่าหมอเทวดาลั่วเป็นคนดี จึงไม่ได้คิดอะไรมาก ขอใต้เท้ายกโทษให้ทาสเพราะความประมาทของทาส" แม่นมดูเศร้าและสํานึกผิด

เมื่อกัวหงหยางได้ยินเช่นนี้ ก็รีบส่งสัญญาณหมอจวนทันที

หมอจวนเดินเข้าไปใกล้ถ้วยยานั้น ดมดูแล้วตรวจสอบดู จากนั้นจึงได้ข้อสรุปว่า "เรียนใต้เท้า ที่นี่มีตัวยานำพาตัวยาทั้งหมดไปยังตำแหน่งที่เกิดโรคของครึ่งวัน"

ครึ่งวันไม่ใช่วางยาเพียงครั้งเดียวก็ได้ มันต้องกินหลายครั้งแล้วกินตัวยานำพาตัวยาทั้งหมดไปยังตำแหน่งที่เกิดโรคถึงพิษถึงจะกำเริบได้

ดังนั้นคนที่วางยาครึ่งวัน จะต้องเป็นคนที่ใกล้ชิด มิฉะนั้นมันยากที่จะบรรลุเป้าหมายได้แน่นอน

กัวหงหยางเป็นขุนนางที่ซื่อตรงและซื่อสัตย์ จึงระมัดระวังในการตัดสินคดีเป็นอย่างยิ่งนัก และไม่ได้ให้ตัดสินโทษลั่วเสี่ยวปิงเพียงเพราะคําให้การเหล่านี้เท่านั้น เขาให้กับคนรับใช้ไปค้นห้องของลั่วเสี่ยวปิง แล้วถามคนที่เฝ้ายามอยู่ในลานนี้ อยากรู้ว่ามีคำให้การอื่นๆอีกหรือไม่

ผลลัพธ์ก็คือ คนที่ไปค้นห้องก็พบตัวยานำพาตัวยาทั้งหมดไปยังตำแหน่งที่เกิดโรคจริงๆ

เมื่อมองดูขวดยาที่อยู่ในมือของมือปราบที่เหมือนกับขวดยาที่นางถูกบังคับให้รับเอาไว้นั้น สีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงก็เปลี่ยนไปในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง