ทันทีที่แม่นมตะโกน คนรับใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังกัวหงหยางก็รีบเดินออกมา
ลั่วเสี่ยวปิงมองดูแม่นมอย่างเย็นชา โดยไม่พูดและไม่ขัดขืน ปล่อยให้คนอื่นควบคุมตัวนางออกไป
ลานหลักวุ่นวายกันไปหมด ในสายตาของกัวหงหยางมีแต่หราวชิงหย่า จึงไม่มีเวลาไปลงโทษลั่วเสี่ยวปิง
ดังนั้น หลังจากที่ลั่วเสี่ยวปิงถูกคนรับใช้สองคนมัดเอาไว้ ก็อยู่ในห้องของหราวชิงหย่าตลอด จนกระทั่งหมอจวนมาถึง
หลังจากทำการแมะเสร็จ หมอจวนก็บอกว่าหราวชิงหย่าถูกวางยาพิษครึ่งวัน
ครึ่งวัน เดาจากชื่อได้ว่า จากการถูกวางพิษจนถึงพิษกำเริบใช้เวลาเพียงครึ่งวัน
ครึ่งวันมียาถอนพิษ แต่มีไม่มีก็ไม่มีอะไรต่างกัน
เพราะยาถอนพิษของครึ่งวันคือบัวหิมะเทียนซานและคางคกทองคําแดง อย่าพูดถึงคางคกทองคําแดงที่ปรากฏเพียงแค่ในตํานานเท่านั้น เพียงของศักดิ์สิทธิ์เช่นบัวหิมะเทียนซานนั้น ซึ่งว่ากันว่าก็มีเพียงอ๋องเซ่อเจิ้งเท่านั้นที่มี แม้แต่จักรพรรดิยังไม่มีเลย
เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ หราวชิงหย่าก็หมดสติไปนานแล้ว ส่วนกัวหงหยางก็เศร้าโศกจนตาแดงไปหมด คนทั้งคนตัวสั่นไปหมด
เมื่อกัวหงหยางหันหลังมองลั่วเสี่ยวปิง แม้แต่ลั่วเสี่ยวปิงที่เคยเห็นคนหลายประเภทมาก่อนนั้น ในใจก็อดตื่นเต้นไม่ได้
คนเช่นกัวหงหยางแล้ว เวลาตัดสินคดีนั้นเด็ดขาดและน่าเกรงขาม เวลาปกติก็เหมือนดั่งคนเรียนหนังสือที่อ่อนโยน และในเวลานี้ ดวงตาของกัวหงหยางแดงก่ำ ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ราวกับว่าจะกลืนลั่วเสี่ยวปิงในยามยังมีชีวิตอยู่ในวินาทีถัดไป
ความแตกต่างในการเปรียบเทียบเช่นนี้ ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกกลัว
"เกิดอะไรขึ้น? บอกมา! "กัวหงหยางหันมองแม่นม และพูดคำนี้ออกมาจากปาก คงจะอดทนเอาไว้สินะ
ที่จริงแล้วกัวหงหยางใส่ใจหราวชิงหย่ามายิ่งนัก ตอนนั้นเขารักหราวชิงหย่า กัวฮูหยินใหญ่ไม่ตอบตกลง เขาเพื่อให้แม่ของเขาตกลงให้เขาแต่งงานกับหราวชิงหย่า คุกเข่าอยู่หน้าห้องของแม่ตนไปสามวันสามคืน และไม่ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียวเลย เช่นนี้ถึงจะทำให้กัวฮูหยินใหญ่ยอดตอบตกลง
และเป็นเพราะครั้งนั้น กัวฮูหยินใหญ่จึงเสียงใจที่กัวหงหยางไม่เชื่อฟังนาง ร่างกายจึงไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน
ดังนั้นตั้งแต่นั้นมา กัวหงหยางก็ยิ่งกตัญญูต่อกัวฮูหยินใหญ่มากขึ้น เพียงเพราะเรื่องที่ติดค้างในใจของเขานั้น
และเป็นเพราะเช่นนี้ บางครั้งทั้งที่ที่เขารู้ว่าหย่าเอ๋อร์ได้รับความไม่เป็นธรรม แต่ก็ขอให้หย่าเอ๋อร์อดทนเอาไว้
เขาคิดในใจว่า เขากับหย่าเอ๋อร์จะต้องอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต แต่ร่างกายของแม่กลับไม่ทราบว่ามันจะล้มป่วยลงวันไหน
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่ามีวันหนึ่งหย่าเอ๋อร์จะจากเขาไป
ใครก็ตามที่ทําร้ายหย่าเอ๋อร์ เขาจะไม่ปล่อยมันไปแน่
กัวหงหยางคิดเช่นนี้แล้ว ก็กํามือไว้แน่นๆอย่างไม่รู้ตัว
"ใต้เท้า เมื่อกี้ต้อนข้าน้อยไปตามหาหมอเทวดาลั่ว เห็นหมอเทวดาลั่วได้ใส่อะไรบางอย่างลงไปในยา เนื่องจากช่วงสองสามวันนี้อยู่กับหมอเทวดาลั่วอย่างสนุกสนาน และรู้สึกว่าหมอเทวดาลั่วเป็นคนดี จึงไม่ได้คิดอะไรมาก ขอใต้เท้ายกโทษให้ทาสเพราะความประมาทของทาส" แม่นมดูเศร้าและสํานึกผิด
เมื่อกัวหงหยางได้ยินเช่นนี้ ก็รีบส่งสัญญาณหมอจวนทันที
หมอจวนเดินเข้าไปใกล้ถ้วยยานั้น ดมดูแล้วตรวจสอบดู จากนั้นจึงได้ข้อสรุปว่า "เรียนใต้เท้า ที่นี่มีตัวยานำพาตัวยาทั้งหมดไปยังตำแหน่งที่เกิดโรคของครึ่งวัน"
ครึ่งวันไม่ใช่วางยาเพียงครั้งเดียวก็ได้ มันต้องกินหลายครั้งแล้วกินตัวยานำพาตัวยาทั้งหมดไปยังตำแหน่งที่เกิดโรคถึงพิษถึงจะกำเริบได้
ดังนั้นคนที่วางยาครึ่งวัน จะต้องเป็นคนที่ใกล้ชิด มิฉะนั้นมันยากที่จะบรรลุเป้าหมายได้แน่นอน
กัวหงหยางเป็นขุนนางที่ซื่อตรงและซื่อสัตย์ จึงระมัดระวังในการตัดสินคดีเป็นอย่างยิ่งนัก และไม่ได้ให้ตัดสินโทษลั่วเสี่ยวปิงเพียงเพราะคําให้การเหล่านี้เท่านั้น เขาให้กับคนรับใช้ไปค้นห้องของลั่วเสี่ยวปิง แล้วถามคนที่เฝ้ายามอยู่ในลานนี้ อยากรู้ว่ามีคำให้การอื่นๆอีกหรือไม่
ผลลัพธ์ก็คือ คนที่ไปค้นห้องก็พบตัวยานำพาตัวยาทั้งหมดไปยังตำแหน่งที่เกิดโรคจริงๆ
เมื่อมองดูขวดยาที่อยู่ในมือของมือปราบที่เหมือนกับขวดยาที่นางถูกบังคับให้รับเอาไว้นั้น สีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงก็เปลี่ยนไปในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...