อานอานและเล่อเล่อหันมองไปทางประตูพร้อมกัน แต่กลับเห็นคุณยายใจดีคนหนึ่งเดินเข้ามาในภายใต้การประคองของสาวรับใช้สองคน
เล่อเล่อเห็นว่าผู้ที่เข้ามานั้นไม่ใช่แม่ของตัวเอง ใบหน้าอันเล็กๆนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง ในขณะนี้อานอานก็รีบจับมือเล่อเล่อไว้
ย่า ท่านแม่ของพวกข้าอยู่ที่ไหนเหรอ?” บนใบหน้าของอานอานมีความผิดหวังเล็กน้อย มองดูกัวฮูหยินใหญ่ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความหวัง ราวกับเด็กคนอื่นๆ
กัวฮูหยินใหญ่มองดูอานอานและเล่อเล่อ บนใบหน้านั้นก็มีความรักเมตตาปรากฏขึ้น
“นี่เหรอลูกสองคนของหมอเทวดาลั่ว?ดูแล้วช่างน่าเอ็นดูรักใคร่จริงๆเลย” กัวฮูหยินใหญ่พูดกับสาวรับใช้ แต่ตากลับมองดูอานอานและเล่อเล่อรักใคร่ ราวกับว่าชอบพวกเขามากจริง
อานอานและเล่อเล่อกลับใช้สายตาที่คาดหวังมองดูกัวฮูหยินใหญ่ ท่าทางเหมือนอยากเห็นแม่ของพวกเขา
“โธ ลำบากพวกเจ้าทั้งสองแล้วที่ต้องจากข้างแม่ตั้งแต่ยังเด็ก แต่ช่างบังเอิญยิ่งนัก ลูกสะใภ้ของยายล้มป่วยลงกะทันหัน และแม่ของพวกเจ้าก็กำลังช่วยชีวิตลูกสะใภ้ที่น่าสงสารของข้าอยู่ ดังนั้นจึงต้องให้พวกเจ้าอยู่ที่นี่สักพักแล้ว” ในดวงตาของกัวฮูหยินใหญ่นั้นเต็มไปด้วยความเมตตาและความรู้สึกผิด
ดวงตาของอานอานและเล่อเล่อนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง ตาก็แดง แต่ก็ดื้อรั้นไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นเช่นนี้ กัวฮูหยินใหญ่ก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็สั่งให้คนใช้ปฏิบัติต่อเด็กทั้งสองอย่างดี แล้วจากไป
หลังจากที่ทุกคนออกไปหมดแล้ว อานอานก็พาเล่อเล่อเข้าไปในห้อง
เด็กทั้งสองมองหน้ากันอย่างเข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่จำเป็นต้องพูด จากนั้นอานอานก็ถอดจี้ที่อยู่ข้างเอวออก
จากนั้น อานอานก็เอาจี้ใส่ไว้ข้างปากแล้วเป่าสามครั้ง
สามครั้ง ก็ไม่มีเสียง แต่เมื่ออานอานวางจี้ลง เล่อเล่อก็กลับหัวเราะ……
ตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงถูกพากลับไปที่ลานของหราวชิงหย่านั้น หราวชิงหย่าก็ได้ล้มป่วยไปแล้ว
ก่อนที่ลั่วเสี่ยวปิงจะกลับมา กัวหงหยางก็ได้ให้คนไปเชิญหมอมาดูอาการของหราวชิงหย่าแล้ว
เนื่องจากฮูหยินใหญ่ป่วยทุกปี ดังนั้นจึงมีหมอจวนอยู่ในจวนพอดี
ผลการตรวจจากหมอจวนคือ หราวชิงหย่าสูญเสียร่างกายเนื่องจากการคลอดลูก ดังนั้นร่างกายจึงอ่อนแอ และจำเป็นต้องนอนพักผ่อน
ดังนั้นเมื่อลั่วเสี่ยวปิงมาถึง ก็เห็นหราวชิงหย่านอนหน้าซีดอยู่บนเตียง หลับตาเล็กน้อย กัวหงหยางนั่งอยู่ข้างเตียง ดูกังวลและตื่นเต้นเล็กน้อย
เมื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิงมา กัวหงหยางก็กล่าวว่า เมี่ยวเหล่าซานปรากฏตัวแล้ว ข้าต้องไปจัดการก่อน ร่างกายของหย่าเอ๋อร์อ่อนแอ ขอแม่นางลั่วได้โปรดช่วยดูแลนางดีๆด้วย"
หลังจากพูดคำนี้จบ กัวหงหยางก็เหลือบมองหราวชิงหย่าด้วยความกังวลแล้วรีบจากไป
หลังจากที่กัวหงหยางจากไป ลั่วเสี่ยวปิงก็เดินไปที่ข้างเตียงของหราวชิงหย่า พอจับชีพจรของหราวชิงหย่า ก็ขมวดคิ้ว
ชีพจรของหราวชิงหย่าไม่มีอะไรผิดปกติ แม้ว่าร่างกายจะอ่อนแอ แต่ก็คงไม่อ่อนแอถึงเยี่ยงนี้
เมื่อมองดูดวงตาของหราวชิงหย่า แม้ว่าปิดไม่สนิท แต่ลั่วเสี่ยวปิงก็มั่นใจว่า ในขณะนี้หราวชิงหย่าเป็นลมไปแล้วจริงๆ
หรือว่ากัวฮูหยินใหญ่ทำอะไรหราวชิงหย่า? ?
ในอีกสองวันข้างหน้า ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่สามารถออกจากลานได้เลย และนางยังอยู่ภายใต้การดูแลควบคัมอีก
เพราะแม่นมข้างกัวฮูหยินใหญ่ ก็มาที่ลานนี้ในนามดูแลนาง
ส่วนอาการของหราวชิงหย่า หลังจากผ่านไปสองวัน ก็ไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นเลย แถมสีหน้ายังซีดกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ส่วนกัวหงหยาง เขาไม่ได้กลับมาสองวันแล้ว
ฟังจากปากของแม่นม ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้แล้วว่าเหตุผลที่กัวหงหยางไม่กลับมา
เมี่ยวเหล่าซานถูกจับตัวและสารภาพทั้งหมดแล้ว
แต่เมี่ยวเหล่าซานไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียว และไม่ได้ฆ่าคนไปเพียงสามคนเท่านั้น
ในบรรดาผู้เสียชีวิต มีคนหนึ่งเป็นแม่ม่าย แต่เพราะสามีเคยทำธุรกิจมาก่อน ดังนั้นจึงมีเงินจำนวนมากอยู่ในมือ และผู้หญิงอีกสองคนในหอจุ้ยหง ซึ่งทั้งคู่ก็มีเงินเก็บไว้ไม่น้อย
สร้อยข้อมือและปิ่นปักผมที่ลั่วเสี่ยวปิงได้มาจากตระกูลเมี่ยวนั้นก็คือของหญิงสาวในหอจุ้ยหง
สาเหตุที่สร้อยข้อมือและปิ่นปักผมถูกค้นพบก็ค่อนข้างเกี่ยวข้องกัน
เพราะจริงๆแล้วของสองอย่างนั้นเป็นสินสอดทองหมั้นของภรรยาลูกค้าคนหนึ่ง แต่กลับถูกลูกค้าให้กับผู้หญิงคนหนึ่งในหอจุ้ยหง เมื่อเรื่องนี้ถูกภรรยาของลูกค้านั้นรู้เข้า หญิงสาวคนนั้นก็เสียชีวิตพอดีและของสิ่งนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ของสองอย่างนี้จึงกลายเป็นของโจรที่กัวหงหยางต้องตามไล่หา
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้เสียชีวิตทั้งสามแล้ว ประเด็นทั่วไปก็คือพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้หญิงที่ผู้ร่ำรวยและมีฐานะที่ต้อยต่ำ ดังนั้นกัวหงหยางจึงคิดว่าเป็นฆาตกรคนเดียวกันหมด
แต่หลังจากจับตัวเมี่ยวเหล่าซานได้ กัวหงหยางกลับได้รู้จากคำสารภาพของเมี่ยวเหล่าซานว่า ผู้เสียชีวิตมีทั้งหมดสี่ราย และฆาตกรก็ไม่เพียงมีแต่เขาผู้เดียว
ส่วนฆาตกรอีกคนคือหลี่เกินจื่อน้องเขยของเมี่ยวเหล่าซาน ซึ่งเป็นชายที่เมี่ยวชุ่ยหลานแต่งงานใหม่ด้วย
ผู้เสียชีวิตอีกคนที่กัวหงหยางไม่รู้จักก็คืออดีตคนรักของเมี่ยวเหล่าซาน เนื่องจากครอบครัวยากจนและไม่มีใครไปแจ้งความ จึงไม่มีใครรู้
เมื่อเมี่ยวเหล่าซานอยู่กับหญิงม่ายเป้าหมายคนแรกนั้น ก็ถูกคนรักของเขาพบเข้าพอดี กลัวว่าจะทำลายเรื่องดีๆของตัวเอง เมี่ยวเหล่าซานจึงผลักคนรักลงไปในแม่น้ำ แต่บังเอิญถูกหลี่เกินจื่อที่ไม่ทำอะไรไปวันๆนั้นเห็นเข้าพอดี ดังนั้นคดีทั้งสามคดีนั้นล้วนเป็นฝีมือของเมี่ยวเหล่าซานและหลี่เกินจื่อ
เนื่องจากหลี่เกินจื่อยังไม่ถูกจับ ดังนั้นกัวหงหยางจึงยุ่งมาก
แม่นมล้วนใช้น้ำเสียงพูดคุยปกติเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ลั่วเสี่ยวปิงฟัง แถมยังพูดได้ค่อนข้างชัดเจน
ลั่วเสี่ยวปิงเกิดความสงสัยในใจ ผู้หญิงสามารถเข้าไปก้าวก่ายเรื่องคดีนี้ได้ด้วยหรือ? ไม่อย่างนั้นแม่นมมี้จะรู้รายละเอียดได้ชัดเจนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
ยังพูดให้นางฟังอีก ไม่กลัวนางจะแพร่กระจายคดีเรื่องนี้เหรอ?
แต่ในไม่ช้า ลั่วเสี่ยวปิงก็ต้องยอดรับความจริงอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้ตัวเองไม่มีอิสระ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปแพร่กระจายคดีออกไป
แต่เช่นนี้ ในใจของนางก็มีความสงสัยใหม่
แม่นมคนนี้ ทำไมต้องบอกเรื่องเหล่านี้ให้กับเธอ?
เมื่อพิจารณาจากสองวันที่อยู่กับแม่นมนี้มานั้น หากไม่ใช่เพราะในมือของลั่วเสี่ยวปิงยังถือขวดยาพิษที่แม่นมให้นั้น เพียงเพราะสองวันที่อยู่กับแม่นมคนนี้อย่าง 'สบาย' แล้ว นางก็เกือบจะรู้สึกว่าแม่นมตรงหน้านี้เป็นคนที่คบหาได้ง่ายยิ่งนัก
ดังนั้น คนประเภทไหน ก็จะมีทาสประเภทไหน แม่นมมี้นี้ช่างชอบทำให้คนหลงกลและสับสนยิ่งนัก
แต่ความเป็นจริง ในสายตาของคนรับใช้ในลานนี้ ช่วงสองวันนี้ลั่วเสี่ยวปิงก็เข้ากับแม่นมในลานของฮูหยินใหญ่ได้ดีจริงๆ
เช่นนี้ ก็ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงยิ่งไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แม่นมบอกเรื่องคดีนั้นให้กับนางเข้าไปอีก
มักรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ที่เข้าหาง่ายที่แม่นมแสดงออกมาในช่วงสองวันที่ผ่านมานั้นผิดปกติยิ่งนัก
และในไม่ช้า ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้เหตุผลแล้ว
ในวันที่สามที่ลั่วเสี่ยวปิงอยู่ในลานหลัก กัวหงหยางก็กลับมา
เมื่อเทียบกับสามวันก่อน อาการของกัวหงหยางไม่ค่อยดีนัก หน้าตาเหนื่อยล้าและเต็มไปด้วยหนวดเครา
แต่หลังจากที่เขาได้ยินว่าอาการของหราวชิงหย่าไม่ค่อยดีนั้น เขาก็รีบวิ่งไปหาหราวชิงหย่า โดยไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟังและพักผ่อนเลย
แต่เมื่อกัวหงหยางเปิดประตูเข้ามา ก็เห็นในมือข้างหนึ่งของลั่วเสี่ยวปิงถือถ้วยยาอยู่และกำลังจะป้อนยาให้หราวชิงหย่า
แต่ต่อมา กัวหงหยางก็เห็นหราวชิงหย่าที่เดิมทีนอนหมดสติไปนั้นอ้วกเลือดออกมา
เลือด เป็นเลือดสีดำ แค่ดูก็รู้ว่ามันเป็นพิษร้ายแรง
ในชั่วขณะหนึ่งหัวสมองของกัวหงหยางมีแต่ความหวาดกลัว ผ่านไปตั้งนั้นก็ยังตั้งสติไม่ได้
และในเวลานี้ แม่นมก็อุทานออกมาว่า “หมอเทวดาลั่ว ท่านวางยาพิษให้นายหญิงได้อย่างไรกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง