แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 204

ในเมื่อทำให้บ้านเพื่อนผู้บริสุทธิ์ตกใจกลัวโดยไม่ทันได้ระวัง เช่นนั้น......

“หนานซิง ออกแรงหน่อย ตีตายแล้วเจ้ารับผิดชอบ” ลั่วเสี่ยวปิงเอ่ยปากอย่างสบายๆ

การเคลื่อนไหวของหนานซิงชะงักครู่หนึ่ง เงยหน้ามองไปทางลั่วเสี่ยวปิงที่สีหน้าเฉยชาด้วยความรู้สึกยากจะเอ่ยปาก

ไม่ควรเป็น ‘ตีตายแล้วข้ารับผิดชอบเอง’หรอกหรือ? ทำไมเป็นเขารับผิดชอบล่ะ?”

แม้ว่าในใจจะเปี่ยมล้นไปด้วยคำบ่น แต่การเคลื่อนไหวของมือและเท้าของหนานซิงกลับไม่ได้หยุด

หลังจากเสียงโอดครวญอันน่าเวทนาระลอกแล้วระลอกเล่า เมี่ยวกุ้ยหายใจไม่ทัน เป็นลมไปโดยตรง

และใบหน้าของคนตระกูลเมี่ยวทุกคนกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทั้งหมดหดเป็นกลุ่มเดียวกัน ไม่กล้ามีความรู้สึกว่ามีตัวตนแม้แต่น้อย

โดยเฉพาะ ขณะที่สายตาอันล่องลอยนั่นของลั่วเสี่ยวปิงกวาดมองไปทางพวกเขา

ในส่วนของเมี่ยวกุ้ยที่หมดสติไป.......เวลานี้คนตระกูลเมี่ยวทั้งหมดล้วนสนใจความปลอดภัยของตัวเอง ไหนเลยจะจำได้ว่าต้องไปดูว่าเมี่ยวกุ้ยเป็นอย่างไรบ้าง?

“ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมบอกเบาะแสของจางเสี่ยวเหม่ย เช่นนั้น......”

ลั่วเสี่ยวปิงเปิดปากช้าๆ ขณะที่พูดถึงตรงนี้ยังจงใจหยุดไปครู่หนึ่ง

แต่การหยุดชะงักนี้ กลับทำให้คนตระกูลเมี่ยวแต่ละคนเย็นยะเยือกไปทั้งตัว

ขณะที่นิ้วมือของลั่วเสี่ยวปิงยกขึ้นอีกครั้ง ค่อยๆเปลี่ยนทิศทาง และเมื่อชี้ไปทางเมี่ยวหลิน เมี่ยวหลินก็ตกใจกลัวจนฉี่แตกแล้ว

“ข้าพูดข้าพูด ไม่ต้องตีข้า.......”

แม่งเอ๊ย หญิงงามเดี๋ยวนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว

เวลานี้ อีกด้านหนึ่ง

ในบ้านพักหลังเล็กในเมือง จางเสี่ยวเหม่ยมองดูท่านแม่ของตัวเองด้วยความกลัว

“ท่านแม่ ที่นี่คือที่ไหน?” จางเสี่ยวเหม่ยหดคอด้วยความกังวลใจ “ข้าอยากกลับไป ท่านแม่พาข้ากลับไปได้หรือไม่?”

“เสี่ยวเหม่ยเป็นเด็กดีนะ” เมี่ยวชุ่ยหลานเผยรอยยิ้มออกมาให้จางเสี่ยวเหม่ย เพียงแต่รอยยิ้มนั่นบิดเบี้ยวอย่างชัดเจน “หลังจากนี้ไปที่นี่ก็คือบ้านของเสี่ยวเหม่ยแล้ว”

ทันทีที่เสี่ยวเหม่ยได้ยิน ก็ส่ายหน้าเหมือนป๋องแป๋งเช่นนั้น

“ท่านแม่ ไม่เอา ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่ ข้าต้องการท่านพ่อ......”

“เพี้ยะ--”

จางเสี่ยวเหม่ยยังพูดไม่จบ เมี่ยวชุ่ยหลานก็สะบัดฝ่ามือหนึ่งลงไปบนหน้าของจางเสี่ยวเหม่ยโดยตรง

เวลาเพียงชั่วครู่ แก้มอันอิ่มเอิบนั่นของจางเสี่ยวเหม่ยก็บวมขึ้นมา

จางเสี่ยวเหม่ยมองดูเมี่ยวชุ่ยหลานด้วยความตะลึงงัน ในตามีความหวาดกลัว มีความสับสนงงงวย

ทำไมท่านแม่ถึงได้ตบนาง? คำถามนี้ วนเวียนอยู่ในสมองของจางเสี่ยวเหม่ยไม่หยุด

ท่านแม่บอกว่าคิดถึงนางแล้ว อยากจะรับนางมาเที่ยวเล่นในเมือง ดังนั้นนางจึงได้ตามท่านแม่มา

จากนั้น ท่านแม่ก็พานางมาสถานที่แห่งนี้ ยังบอกว่าเป็นบ้านของนางอีก นางรู้สึกหวาดกลัว อยากไปหาท่านพ่อ

แต่ว่า ทำไมท่านแม่ถึงตบนาง?

เสี่ยวเหม่ยตัวน้อย ในตอนนี้ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมท่านแม่ของตัวเองถึงได้ตบตัวเอง อีกทั้งสายตาที่มองดูตัวเองก็น่ากลัวมาก

นางรู้สึกเพียงสมองว่างเปล่า บนใบหน้าเจ็บมากเจ็บมากๆ ในตาก็มีน้ำตาไหลลง แล้วมองดูปากที่เปิดๆปิดๆของท่านแม่ตัวเองไม่รู้ว่าพูดอะไรอยู่ด้วยความดุดัน

นาทีนี้ นางอิจฉาอานอานและเล่อเล่อมาก

เพราะว่า ท่านแม่ของอานอานและเล่อเล่ออ่อนโยนมาก

“ห้ามเอ่ยถึงพ่อของเจ้าต่อหน้าข้า เขาเป็นเพียงผู้ชายทรยศลืมบุญคุณ เป็นเขาที่ทำร้ายข้าจนเป็นเช่นนี้ เขาสมควรตาย!” เมี่ยวชุ่ยหลานตะคอกด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่แปรปรวน

ทว่า ขณะที่สบสายตาเข้ากับดวงตาที่ดูเหมือนสับสนดูเหมือนการฟ้องนั้นของจางเสี่ยวเหม่ย นางก็รู้สึกผิดอย่างอธิบายไม่ถูกอีก นี่ก็ทำให้เสียงของนางสูงขึ้นเล็กน้อย

“พอแล้ว อย่ามองข้าแบบนี้ ประเดี๋ยวหากว่าไม่แสดงออกมาให้ดีๆ ดูซิว่าข้าจะจัดการเจ้ายังไง” เมี่ยวชุ่ยหลานเปล่งเสียงอย่างดุดัน

เพียงแต่เมี่ยวชุ่ยหลานก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จางเสี่ยวเหม่ยไม่ได้ยินคำพูดของตัวเองโดยสิ้นเชิง

แน่นอน นางก็ไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ เพราะเพิ่งจะสิ้นสุดคำพูดของนาง เจ้าของบ้านหลังนี้ก็มาแล้ว

คนที่ออกมาคือผู้ชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ข้างกายชายคนนั้นมีชายหนุ่มอายุราวๆสิบเจ็ดสิบแปดปีติดตามอยู่ ยิ้มเซ่อๆ น้ำลายไหลย้อยที่มุมปาก ดูจากรูปลักษณ์แล้วน่าจะมีความบกพร่องทางสติปัญญา

แต่ทว่า ขณะที่เห็นจางเสี่ยวเหม่ย ดวงตาทั้งสองข้างของชายหนุ่มก็เปล่งประกายแล้ว “ภรรยา นั่นคือภรรยาของข้า”

ขณะที่ชายหนุ่มพูด ก็พุ่งเข้าไปทางจางเสี่ยวเหม่ยอย่างเซ่อซ่า ปากก็ยังตะโกนเรียกภรรยาอย่างเต็มที่

ชายวัยกลางคนไม่ได้ห้ามปรามการกระทำของชายหนุ่ม เพียงยิ้มและมองดู แต่เมื่อเมี่ยวชุ่ยหลานเห็นดังนั้น กลับหวาดกลัวจนถอยไปก้าวหนึ่ง ปล่อยให้จางเสี่ยวเหม่ยอยู่ที่เดิม

มองดูลุงคนหนึ่งที่ท่าทางแปลกประหลาดพุ่งเข้ามาหาตัวเอง อีกทั้งปากยังพึมพำอะไรด้วยก็ไม่รู้ เข้ามาหานาง จางเสี่ยวเหม่ยสั่นเทาไปทั้งตัวด้วยความกลัว ด้วยจิตใต้สำนึก จึงมองไปทางเมี่ยวชุ่ยหลานด้วยแววตาของความขอเหลือ

“ช้าก่อน!”

แล้วในขณะที่ชายหนุ่มต้องการจะกระโจนใส่จางเสี่ยวเหม่ย ฉับพลันนั้นเมี่ยวชุ่ยหลานก็นึกอะไรขึ้นได้ เอื้อมมือไปดึงจางเสี่ยวเหม่ยมาด้านหน้าของตัวเอง และชายหนุ่มที่กระโจนใส่ความว่างเปล่า รู้สึกขุ่นเคืองเป็นที่สุด

เมื่อชายหนุ่มยังต้องการจะทำต่อ ในที่สุดชายวัยกลางคนเปิดปากแล้ว “เหว่ยเอ๋อหยุด”

ชายหนุ่มหยุดลงจริงๆ แต่ก็มองไปทางจางเสี่ยวเหม่ยด้วยสีหน้าท่าทางความน้อยใจ

จางเสี่ยวเหม่ยตกใจจนกลัวมากยิ่งขึ้น ต้องการไปหลบอยู่ด้านหลังของเมี่ยวชุ่ยหลานอีกครั้ง

ทว่าคราวนี้ เมี่ยวชุ่ยหลานหิ้วจางเสี่ยวเหม่ยออกมาโดยตรง วางไว้เบื่องหน้าของตัวเอง อยู่ต่อหน้าต่อตาของนายท่านเฉินสองพ่อลูก ปล่อยให้ชายวัยกลางคนผู้นั้นและชายหนุ่มสังเกตดูจางเสี่ยวเหม่ยที่อยู่ในมือตามใจชอบโดยไร้ความเกรงใจ

“นายท่านเฉิน มอบสิ่งของที่ท่านรับปากให้ข้าก่อนแล้วข้าจะมอบคนให้ ไม่มากเกินไปหรอกนะเจ้าคะ?” เมี่ยวชุ่ยหลานถามด้วยสีหน้าระมัดระวัง

แม้ว่าจะดูเหมือนมั่นใจเป็นที่สุด แต่อันที่จริงในใจของเมี่ยวชุ่ยหลานก็กังวลเป็นอย่างมาก

“ไม่เกินไปไม่เกินไป” เฉินโย่วหัวเราะเหอะๆ จากนั้นก็โบกมือทันที ก็มีคนรับใช้ยกถาดเดินเข้ามา

ถาดใช้ผ้าสีแดงคลุมไว้ มองดูบนผ้าแดงที่นูนขึ้นมา ดวงตาของเมี่ยวชุ่ยหลานก็แทบจะติดอยู่ตรงนั้นแล้ว แทบอยากจะมีดวงตาที่สามารถมองทะลุได้คู่หนึ่ง ดูของข้างในให้กระจ่างแจ้งล่วงหน้า

เหมือนกับว่าอ่านเสียงในใจของเมี่ยวชุ่ยหลานได้ คนรับใช้เปิดถาดออกด้วยสีหน้าเรียบเฉย เผยให้เห็นก้อนเงินเปล่งประกายอยู่ด้านใน เพียงแต่สายตาที่มองดูเมี่ยวชุ่ยหลานแฝงไปด้วยการดูถูกเล็กน้อย

เห็นเงินที่มีอยู่สี่สิบตำลึงเต็มๆนั่น เมี่ยวชุ่ยหลานดีใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่มีเวลาไปสังเกตสายตาของคนรับใช้โดยสิ้นเชิง

เมี่ยวชุ่ยหลานปล่อยมือจากจางเสี่ยวเหม่ยทันทีโดยไม่ต้องคิด วิ่งไปหน้าถาดแล้วหยิบแท่งเงินสี่สิบตำลึงนั่นขึ้นมา “ในเมื่อนายท่านเฉินเปิดเผยตรงไปตรงมา เช่นนั้นการซื้อขายสินค้าของพวกเรา ก็ไม่ติดค้างกันอีก”

ขณะที่เมี่ยวชุ่ยหลานกล่าว หลังจากที่เห็นท่าทางบอกใบ้ของนายท่านเฉิน เมี่ยวชุ่ยหลานหมุนตัวแล้วเดินจากไปโดยที่ไม่ได้เหลือบมองดูจางเสี่ยวเหม่ยเลยแม้สักแวบเดียว

แม้ว่าหูจะอื้อฟังไม่ได้ยิน ถึงจางเสี่ยวเหม่ยจะโง่เขลาเพียงใดก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง

นาง ถูกท่านแม่แท้ๆขายแล้ว

ก็ขายเป็นแท่งเงินสองแท่งนั้นที่ไม่รู้ว่ามากน้อยเท่าไหร่

น้ำตาอาบแก้ม แต่จางเสี่ยวเหม่ยกลับฝืนไว้ไม่ให้น้ำตาไหลลงมา ยอมรับความจริงตรงหน้าด้วยความสงบนิ่ง

มองดูจางเสี่ยวเหม่ยเป็นเช่นนี้ นัยน์ตาของนายท่านเฉินกลับแสดงถึงความพึงพอใจเล็กน้อย

เด็กสาวตัวน้อยเช่นนี้ผู้หนึ่ง น่าจะทำให้สบายใจไปได้อีกนานสินะ?

“ให้คนมา พาฮูหยินไปล้างตัวให้สะอาด”

ไม่ช้าก็มีมาคนพาตัวจางเสี่ยวเหม่ยออกไป ในห้องโถงเหลือเพียงนายท่านเฉินและลูกชายของเขา

“ท่านพ่อ ภรรยา เหว่ยเอ๋อต้องการภรรยา” เฉินเหว่ยแบะปาก สีหน้าไม่พอใจ

นายท่านเฉินยิ้มด้วยความรักความเมตตา ลูบศีรษะของเฉินเหว่ย “ไปรอที่ห้องของเจ้าเถอะ รอจนล้างตัวจนสะอาดแล้วพ่อจะให้คนพาไปส่ง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง