“น้องเสี่ยวปิง ขอร้องให้เจ้าช่วยเสี่ยวเหม่ยของข้าด้วย ข้ายอมเป็นวัวเป็นม้าให้เจ้า” ชายชาตรีสูงแปดศอก เวลานี้กำลังคุกเข่าร้องไห้ไม่เป็นเสียงอยู่เบื้องหน้าของลั่วเสี่ยวปิง
ลั่วเสี่ยวปิงรีบแสดงท่าทางให้หนานซิงประคองคนขึ้นมาทันที เอ่ยถามอย่างรีบร้อน “พี่ต้าหลาง ท่านไม่ได้ไปเอาคนที่หมู่บ้านเมี่ยวเจียแล้วหรือ? เสี่ยวเหม่ยเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่ได้กลับมาพร้อมกับท่าน?”
“เสี่ยวเหม่ย เขา.......พวกเขาบอกว่า เอาเสี่ยวเหม่ยไปขายแล้ว ทั้งยังไม่ยอมบอกข้าอีกว่าเสี่ยวเหม่ยถูกขายไปที่ไหน น้องเสี่ยวปิง ข้ารู้ว่าเจ้าช่วยข้าไว้มากมายแล้ว แต่เจ้ามีความคิดที่สุดแล้ว ไม่ขอร้องเจ้า ข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี พวกเขาทั้งบ้านจิตใจไร้คุณธรรมสิ้นดี ข้ากลัว......” จางต้าหลางพูดพลาง คนก็สะอึกสะอื้นขึ้นมา
ล้วนกล่าวกันว่าผู้ชายจะไม่คุกเข่าให้ใครพร่ำเพรื่อ ผู้ชายมีน้ำตาแต่จะไม่ร้องอย่างง่ายดาย แต่เพื่อเสี่ยวเหม่ยลูกสาวคนนี้ จางต้าหลางไม่สนใจอะไรโดยสิ้นเชิง เห็นได้ว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของเสี่ยวเหม่ยจริงๆ ในยุคสมัยที่ผู้หญิงต้อยต่ำเช่นนี้ ก็หาได้ยากจริงๆ
“พี่ต้าหลาง คำพูดจะเป็นวัวเป็นม้าที่ดูเป็นคนอื่นคนไกลเช่นนี้ต่อไปไม่ต้องพูดมากมายแล้ว ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือไปตามเสี่ยวเหม่ยกลับมา”
ลั่วเสี่ยวปิงพูดจบ ก็ไม่ได้พูดพร่ำอีก แล้วให้จางต้าหลางขึ้นรถม้า
แต่ในขณะที่จางต้าหลางกำลังจะขึ้นรถม้า เพราะหนานซิงจงใจแสงความกดดันชนิดนั้นออกมากับเขา ดังนั้นสุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะนั่งอยู่ข้างๆหนานซิง
ไม่นานรถม้าก็มาถึงหมู่บ้านเมี่ยวเจีย
หากมีรถม้ามาจากหมู่บ้านใกล้เคียง พวกชาวบ้านจะต้องมุงล้อมเข้ามาเหมือนดูของแปลกเช่นนั้น
แต่หมู่นี้มีผู้คนมาที่หมู่บ้านเมี่ยวเจียมากเกินไป และล้วนไม่ได้เป็นเรื่องดีอะไร ดังนั้นเมื่อเห็นรถม้า พวกชาวบ้านไม่เพียงไม่มุงเข้ามา กลับยังแอบอยู่ไกลๆทั้งหมด กระทั้งยังมีคนที่ปิดประตูบ้านไปโดยตรงด้วย
“ถุย เคราะห์ร้าย ขี้หนูเม็ดเดียวทำข้าวต้มเสียไปทั้งหม้อ”
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่แน่รถม้านี่ก็ไปที่บ้านของเมี่ยวกุ้ยอีก หากว่าครอบครัวของเขาทำให้หมู่บ้านเสียชื่อเสียงอีกล่ะก็ ข้าจะไปขอความยุติธรรมให้ทุกคนกับผู้ใหญ่บ้าน”
“เสียดายก่อนหน้านี้ข้ายังไปช่วยเหลือครอบครัวของเขาไว้อีก ตอนนี้ดี ทำให้เยว่จี้ของข้าได้รับความลำบากอยู่บ้านแม่สามีก็ถูกทำสีหน้าไม่พอใจใส่ ลูกชายของข้าตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย.....”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้ พัดตามลมเข้าไปในรถม้า ถ่ายทอดเข้าหูของลั่วเสี่ยวปิงอย่างชัดเจน
ก็ไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงดังเกินไปนัก แต่หลังจากที่ลั่วเสี่ยวปิงดื่มน้ำแร่วิญญาณไป ก็ราวกับว่าหูตาว่องไวเฉียบแหลมมากกว่าเมื่อก่อนแล้ว
ฟังคำซุบซิบนินทาด้วยความโกรธเคืองก็จบไป ไม่ช้ารถม้าก็หยุดอยู่หน้าประตูบ้านตระกูลเมี่ยว
แต่อาจเป็นเพราะได้เห็นการมาถึงของรถม้าล่วงหน้าแล้ว คนตระกูลเมี่ยวจึงหลบอยู่ในบ้านปิดประตูหน้าต่างแน่นสนิทล่วงหน้า
ลั่วเสี่ยวปิงมุดออกจากรถม้า ส่งสัญญาณให้หนานซิงไปเคาะประตูโดยตรง
หลังจากเสียง “ปังปังปัง” ดังขึ้นไม่กี่ทีก็เป็นความเงียบเชียบทั้งผืน แต่ในบ้านตระกูลเมี่ยวกลับไม่มีคนต้องการจะเปิดประตู
เจรจากันด้วยเหตุผลก่อนหากใช้ไม่ได้ก็ต้องใช้กำลัง ลั่วเสี่ยวปิงส่งสายตาให้หนานซิงโดยตรง
หนานซิงเข้าใจ ร่างกายกระโดดพรวดขึ้น คนก็ปรากฏตัวในลานบ้านตระกูลเมี่ยวแล้ว หลังจากหมุนตัวหนานซิงก็เปิดประตูลานบ้าน แล้วเดินไปทางประตูหลักที่ปิดสนิทบานนั้น
ถึงข้างประตู ยื่นขายาวๆออกไปโดยไม่มีความลังเลใดๆ “ปัง”เสียงหนึ่ง เดิมทีประตูไม้ที่ยังนับได้ว่ามั่งคงก็ส่งเสียงและแตก
“อ้า—”
พร้อมกับประตูไม้ที่แตกหัก เสียงกรีดร้องด้วยความกลัวสองสามเสียงดังออกมาจากในบ้าน
มองการเคลื่อนไหวที่เด็ดขาดคล่องแคล่วเช่นนี้ของหนานซิง จางต้าหลางอดกลืนน้ำลายไม่ได้ แต่ในใจกลับมีความสะใจเป็นพิเศษชนิดหนึ่งขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
“ท่านชายไว้ชีวิตด้วย ท่านชายไว้ชีวิตด้วย”
แล้วในเวลานี้ เสียงร้องขอชีวิตของเมี่ยวกุ้ยก็ดังมาจากในห้อง
“พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นเมี่ยวเซินที่ทำ ไม่เกี่ยวกับพวกเราเลยนะ”
“อย่าจับข้า ข้าไม่รู้อะไรเลย.......”
ท่ามกลางเสียงร้องขอชีวิตที่วุ่นวายไปทั้งห้อง ลั่วเสี่ยวปิงเดินเข้ามา กวาดตามองทุกคนในตระกูลเมี่ยวที่หลบอยู่ใต้โต๊ะ หรือหดตัวอยู่หลังเก้าอี้ หรือว่ากุมศีรษะอยู่กับที่ด้วยสายตาที่เย็นชา เอ่ยปากอย่างหนักเน้นว่า “จางเสี่ยวเหม่ยถูกพวกเจ้าขายไปที่ไหนแล้ว?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...