แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 206

“ท่านอาโอหยาง ข้าสามารถเลือกเองได้หรือไม่ว่าจะเล่นอะไร” เล่อเล่อกะพริบตา ถามด้วยหน้าตาไร้เดียงสา

“แน่นอน!” โอหยางฉี่หยู่พยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่แม้แต่จะคิด

เป็นสิ่งที่ดีที่เด็กผู้หญิงตัวน้อยๆจะมีข้อเรียกร้อง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องดีกว่าเจ้าหนุ่มนั่นที่ทำอะไรก็ชนะไปทุกอย่างใช่ไหมล่ะ?

โอหยางฉี่หยู่คิดพลาง จากนั้นก็มองดูอานอานที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือโดยไม่ได้สนใจตัวเองครั้งหนึ่ง แล้วก็ยิ้มให้เล่อเล่อด้วยความสนิทยิ่งขึ้น

“ท่านอาโอหยางดีจริงๆ” เล่อเล่อกล่าวอย่างดีใจ แล้วก็อ้าแขนออกวิ่งเข้ามาทางโอหยางฉี่หยู่และกอดโอหยางฉี่หยู่ทีหนึ่ง

“ท่านอาโอหยางท่านนั่งให้ดีๆนะ ข้าจะไปเตรียมอุปกรณ์ ไปครู่เดียวก็มา” เล่อเล่อพูดพลาง ก็วิ่งไปทางห้องของตัวเอง

โอหยางฉี่หยู่ยังคงดื่มด่ำอยู่ในความสุขที่ถูกเล่อเล่อกอด และไม่ได้คิดลึกซึ้งว่าเล่นเกมจะต้องการอุปกรณ์อะไร ก็นั่งรอตามความต้องการของเล่อเล่อด้วยความอดทนแล้ว และไม่ได้เห็นว่าอานอานที่อยู่ด้านข้างส่งสายตามาว่า ‘มองดูคนโง่’

ไม่ช้าเล่อเล่อก็ออกมาแล้ว ในมือหิ้วกล่องไม้ของนางไว้

เพียงแต่หลังจากที่มือน้อยๆเอื้อมได้พอกับความสูงของโอหยางฉี่หยู่ ก็วิ่งอย่างเหนื่อยหอบเข้าไปหยิบเก้าอี้ตัวเล็กตัวหนึ่ง “ท่านอาโอหยาง อานั่งอันนี้”

โอหยางฉี่หยู่มองไปที่เก้าอี้เล็กๆนั่น ลำบากใจเล็กน้อย

ความสูงของเก้าอี้ตัวเล็กนั่นกว้างเพียงแค่สองฝ่ามือ เขาตัวสูงเจ็ดแปดฟุตนั่งลงไปก็รู้สึกไม่สบายนิดหน่อยจริงๆ

แต่ภายใต้สายตาที่คาดหวังของเล่อเล่อ สุดท้ายโอหยางฉี่หยู่ก็นั่งลงไปอย่างเชื่อฟังด้วยท่าทางแปลกประหลาดชนิดหนึ่งแล้ว

จนกระทั่งเล่อเล่อเหยียบขึ้นไปบนเก้าอี้ด้านหลังของเขา คลายผมของเขาออก โอหยางฉี่หยู่จึงได้มีความรู้สึกตัวขึ้นมาช้าๆ เอ่ยถามด้วยทั้งตัวที่แข็งทื่อ: “เล่อเล่อ เจ้าจะเล่นเกมอะไร?”

ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ไม่ค่อยจะดีนักชนิดหนึ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน?

“เล่นเกมแต่งตัวไงล่ะ!” เล่อเล่อไม่ได้สังเกตเห็นความแข็งทื่อของโอหยางฉี่หยู่แม้แต่น้อย เอ่ยปากด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ท่านอาโอหยางหน้าตาดีเช่นนี้ เล่อเล่อจะต้องแต่งตัวให้ท่านอาโอหยางได้สวยงามมากเป็นแน่”

สวยงาม!

เขาสง่างามเสรี ใช้ชีวิตตามใจตัวเองไม่ถูกสิ่งใดผูกมัด ไม่ต้องการความสวยงาม

อีกทั้ง ถูกเด็กผู้หญิงตัวน้อยแต่งตัว เขายังต้องการภาพลักษณ์อีกหรือไม่? อย่าคิดรังแกเขาว่าไม่เคยเห็นคนที่ถูกเด็กผู้หญิงตัวน้อยแต่งตัวให้มาก่อน!

นั่นเรียกว่าน่าสังเวชจนทนมองไม่ได้เชียวล่ะ!

ไตร่ตรองถึงตรงนี้ โอหยางฉี่หยู่ลุกขึ้นอย่างฉับพลัน “ไม่ได้ พวกเราเปลี่ยน......” ไปเล่นอีกเกมหนึ่ง

ห้าคำด้านหลังโอหยางฉี่หยู่ไม่ได้พูดออกจากปาก ก็ถูกสายตาที่น้อยใจน่าสงสารนั่นของเล่อเล่อกดดันออกไปแล้ว

เมื่อกำลังจะผ่อนคลายน้ำเสียง ก็ได้ยินเล่อเล่อเอ่ยขึ้นอย่างน่าสงสาร “ท่านอาโอหยาง ท่านไม่ได้รับปากเล่อเล่อแล้วหรือ?”

“ใช่ แต่ว่า......” เขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเกมแต่งตัวนี่นา

ไม่รอให้โอหยางฉี่หยู่พูดจบ เล่อเล่อก็เหมือนซึมไปเช่นนั้น พูดด้วยความน้อยใจ “หากว่าท่านอาโอหยางไม่เต็มใจจริงๆ เช่นนั้นเล่อเล่อก็ไม่ฝืนใจท่านอาโอหยางแล้ว เล่อเล่อเล่นเองยังจะดีซะกว่า”

ลองถามว่า การร้องขอของเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆที่น่ารักน่าชังผิวพรรณขาวใสอมชมพูผู้หนึ่ง ใครจะสามารถปฏิเสธได้?

สติปัญญาและการโทษตัวเองตีกัน โอหยางฉี่หยู่ใช้สติปัญญามองไปทางอานอานเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับเห็นอานอานยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้น ไม่กระดิกแม้แต่น้อย ท่าทางไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

ด้วยเหตุนี้ เศษเสี้ยวสุดท้ายของสติไปลงนรกแล้ว

ก่อนที่เล่อเล่อจะวิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเอง โอหยางฉี่หยู่เรียกนางไว้ “รอเดี๋ยว อาให้เจ้าแต่งตัว”

หลังจากผ่านประสบการณ์ไปไม่กี่วัน โอหยางฉี่หยู่นึกเสียใจอยู่นับครั้งไม่ถ้วน: หากเวลาสามารถย้อนคืนได้อีกครั้ง โอหยางฉี่หยู่สาบานว่า เขาจะถอนคำพูดนั้นของตัวเองอย่างแน่นอน

แน่นอน!

แน่นอน นี่เป็นคำพูดด้านหลัง

เอ่ยถึงตอนนี้ ลั่วเสี่ยวปิงได้พาจางเสี่ยวเหม่ยไปยังบ้านเช่าของจางต้าฉวนแล้ว

มองดูความยับเยินของจางเสี่ยวเหม่ย ซิ่งฮวาอุทานออกมาด้วยความตกใจ แล้วรีบไปเอาน้ำที่ห้องครัว

ต่อจากนี้ไม่ใช่เรื่องอะไรของลั่วเสี่ยวปิงแล้ว จางซิ่งฮวาและจางเฉินซื่อร่วมแรงกันเช็ดตัวของจางเสี่ยวเหม่ยเบาๆรอบหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นชุดผ้าฝ้ายละเอียดที่แห้งสบายทั้งตัว

รอจนทำสิ่งเหล่านี้เสร็จสิ้น ตระกูลจางจึงได้มองไปทางลั่วเสี่ยวปิงพร้อมกัน

“สถานการณ์ของเสี่ยวเหม่ยไม่ค่อยดี” เห็นดังนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่มีความลังเลที่จะพูดออกมา

เป็นดังคาด คนทั้งตระกูลจางสีหน้าซีดเผือด ลั่วเสี่ยวปิงจึงได้เสริมว่า “แต่ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต”

ได้ยินดังนั้น จางเฉินซื่อมองไปทางลั่วเสี่ยวปิงด้วยความลังเล “เสี่ยวปิง เจ้าบอกอาสะใภ้ สถานการณ์ของเสี่ยวเหม่ยเป็นอย่างไรกันแน่?”

ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินดังนั้นก็มองไปยังรอยตบที่บวมนูนมากๆบนหน้าของจางเสี่ยวเหม่ยด้วยความเคร่งขรึม แววตาเย็นชาเล็กน้อย

เมี่ยวชุ่ยหลาน สมควรตายโดยแท้

“ตบนั่นออกแรงมากเกินไป ทำให้เส้นประสาทหูของเสี่ยวเหม่ยได้รับความเสียหาย ชั่วขณะนี้นางอาจจะไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย”

คนตระกูลจางคิดไม่ถึงว่าจางเสี่ยวเหม่ยจะหูหนวกแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อยในทันที

และหลังจากนั้น จางเฉินซื่อและจางซิ่งฮวาสองแม่ลูกก็กอดกันร้องไห้รอบหนึ่ง

ที่สำคัญคือจางเสี่ยวเหม่ยยังเด็กเกินไป ประสบกับเคราะห์กรรมเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกปวดใจ แม้แต่ลั่วเสี่ยวปิงก็อยากจะร้องไห้ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

ต่อจากนั้น จางเสี่ยวเหม่ยไข้ขึ้นแล้ว

ลั่วเสี่ยวปิงที่เป็นหมอก็งานยุ่งแล้ว แม้ว่าจะคิดถึงลูกๆที่อยู่ในบ้าน แต่ลั่วเสี่ยวปิงกลับไม่มีแนวโน้มจะกลับไปเลย

รอจนถึงช่วงกลางวันของวันที่สอง ในที่สุดจากเสี่ยวเหม่ยก็ฟื้นแล้ว

แล้วในขณะที่ทุกคนคิดว่าสามารถโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง กลับพบความไม่เหมือนเดิมของจางเสี่ยวเหม่ย

ในเวลานี้จางเสี่ยวเหม่ยดูเซ่อๆซึมกะทือ ไม่พูดจา ไม่ขยับตัว แม้กระทั่งเห็นจางต้าฉวนและจางเอ้อหลางก็หดตัวด้วยความกลัว จะอยู่ใกล้ชิดสนิทเพียงแค่กับจางเฉินซื่อและจางซิ่งฮวารวมทั้งลั่วเสี่ยวปิงอยู่บ้างเท่านั้น

ลั่วเสี่ยวปิงตรวจชีพจรจางเสี่ยวเหม่ย แต่คิ้วกลับขมวดอย่างรุนแรง “เสี่ยวเหม่ยได้รับความกระทบกระเทือนค่อนข้างรุนแรง น่าจะสูญเสียความสามารถในด้านภาษาไปแล้ว”

จากนั้น มองไปที่คนตระกูลจางอย่างจริงจัง “หูของเสี่ยวเหม่ยรักษาง่าย ก็ปัญหาก็คือเวลา แต่อาการป่วยทางจิตใจกลับยากที่จะรักษา หลังจากนี้เกรงว่าจะต้องมีคนดูแลโดยเฉพาะมากขึ้นคนหนึ่ง”

จางเฉินซื่อกล่าวรับโดยตรงโดยไม่แม้แต่จะคิดว่า “อีกสองสามวันสถานการณ์ของเสี่ยวเหม่ยคงที่แล้วข้าจะพานางกลับบ้านไปพักฟื้น”

ชนบทเงียบสงบ อากาศดี พักฟื้นในชนบทเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ห้าม

แต่เพราะอาการของจางเสี่ยวเหม่ยยังไม่แน่ชัด ลั่วเสี่ยวปิงจึงได้อยู่ที่ตระกูลจางอีกหนึ่งวัน ระหว่างนี้จางต้าหลางกลับมาแล้ว แต่มองดูความยับเยินทั้งตัวของจางต้าหลาง ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรไม่ได้ไปถามจางต้าหลางถึงสถานการณ์ตระกูลเมี่ยว คิดว่าไม่ช้าไม่เร็วหนานซิงกลับมาก็จะต้องบอกนาง

หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าสถานการณ์ของจางเสี่ยวเหม่ยไม่ได้เป็นอันตราย เพียงแค่ต้องการพักรักษาตัว ลั่วเสี่ยวปิงจึงขอตัวลาออกมาจากตระกูลจาง

เพราะว่าพรุ่งนี้มะรืนนี้ตระกูลจางก็ต้องกลับไปในหมู่บ้าน บวกกับตัวเองขับรถไม่เป็น ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงจึงทิ้งรถม้าไว้ให้ตระกูลจางอีกครั้ง ตัวเองกลับเดินเท้าออกมาจากซอยถงหลิง

ทีแรกคิดจะซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ในบ้านเล็กน้อย แล้วไปเช่าเกวียนหลังหนึ่งที่ปากทางเข้าเมืองเพื่อกลับบ้าน ทำอาหารอร่อยๆเลี้ยงลูกๆที่ไม่ได้เจอกันมาสามวัน

แต่สิ่งที่ลั่วเสี่ยวปิงคิดไม่ถึงก็คือ ตัวเองเพิ่งจะออกจากซอยถงหลิง ก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งจับตามองแล้ว

ลั่วเสี่ยวปิงลองพยายามคิดต้องการสลัดทิ้งหลายครั้งแต่สุดก็ล้มเหลว ลั่วเสี่ยวปิงจึงตัดสินใจว่าจะไม่หลบอีก

ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่เลี้ยวเข้าซอยซอยหนึ่งอีกครั้ง ลั่วเสี่ยวปิงก็หันหลังกลับไปในขณะที่ไม่ได้มีการระวังทางด้านหลังใดๆ

“พวกท่านตามข้ามานานเช่นนี้ มีเรื่องอะไร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง