แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 315

คนที่เรียกรั้งลั่วเสี่ยวปิงแน่นอนว่าย่อมเป็นจูเหวินรุ่ยแต่ลั่วเสี่ยวปิงไม่สนใจเขาเลย ฝูงชนหลีกทางให้นางเดินออกไปพร้อมกับฉีเทียนเห้าท่ามกลางสายตาชื่นชมศรัทธาของเหล่าผู้คน

สำหรับจูเหวินรุ่ยนั้นไม่ต้องรีบร้อนไป ไม่นานนางจะให้เขามีโอกาสได้พบในภายหลัง เพราะท้ายที่สุดแล้วค่าชดเชยที่ควรต้องจ่ายนางก็ยังต้องการ

แต่วันนี้มีเทศกาลโคมไฟ นางไม่อยากทำลายบรรยากาศงานรื่นเริงเพิ่มอีก

สิ่งที่ลั่วเสี่ยวปิงไม่รู้ก็คือ หลังจากที่นางออกจากหยาเหมิน มีการบอกปากต่อปาก ชื่อของนางในฐานะหมอเทวดาได้หยั่งรากลึกในเมืองหลินอาน สิ่งนี้ยังทำให้นางมีปัญหาเล็กน้อยในภายหลังอีกด้วย ว่าแต่มาพูดถึงทางฝั่งอานอานกับเล่อเล่อกัน

หลังจากลั่วเสี่ยวปิงกับฉีเทียนเห้าจากไป อานอานกับเล่อเล่อก็ไม่ได้สนใจตลาดตอนกลางวันมากนัก ตั้งตารอเทศกาลโคมไฟตอนกลางคืนเท่านั้น

แต่เด็กทั้งสองมีไหวพริบดี มองออกว่าสี่เป่าโหยหาความตื่นเต้นตรงหน้า ดังนั้นรอจนหนานซิงบังคับรถม้าเข้าจอดในจวนเรียบร้อยแล้ว เด็กทั้งสองจึงเสนอให้ออกไปเดินเล่น

อานอานกับเล่อเล่อรู้ว่าการมีคนจำนวนมากมันอันตรายแค่ไหน ดังนั้นพี่ชายกับน้องสาวจึงจับมือกันตลอดเพื่อไม่ให้หนานซิงและไป๋เสาเป็นกังวล

เพียงแต่คนเยอะเกินไป และเด็กทั้งสองก็ยังเล็กมาก ผ่านไปครู่หนึ่งจึงแยกกับสี่เป่า

พอดีกับที่เวลานี้หนานซิงอยู่ใกล้กับสี่เป่ามากกว่า ส่วนไป๋เสายังคงมองอานอานกับเล่อเล่อตลอด ดังนั้นสุดท้ายทั้งห้าคนจึงถูกฝูงชนมาแทรกให้แยกกันไปโดยสมบูรณ์

โชคดีที่ไป๋เสาจับอานอานกับเล่อเล่อเอาไว้ได้ทันในตอนที่ออกห่างตัวเองไปเรื่อยๆ นับเป็นสัญชาติญาณเตือนภัยที่ปลอดภัยไว้ก่อน

เพียงแต่สถานการณ์แบบนี้การจะไปหาสี่เป่ากับหนานซิงอีกคงไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาจึงต้องเดินหน้าต่อไปตามกระแสผู้คน

“พวกเขาจะไปไหนกัน” เล่อเล่อทำหน้าประหลาดใจ เพราะมีคนเยอะเกินไปจนนางมองอะไรไม่เห็น

ไป๋เสาเสนอว่าจะอุ้มนางขึ้น แต่เล่อเล่อปฏิเสธ

เล่อเล่อคิดง่ายๆ ว่า ถ้าตนให้น้าไป๋เสาอุ้ม พี่ชายจะเดินเองได้ลำบาก

ถ้าน้าไป๋เสาอุ้มทั้งนางทั้งพี่ชาย น้าไป๋เสาคงต้องเหนื่อย เพราะช่วงนี้นางกับพี่ชายเริ่มโตขึ้น หนักกว่าเมื่อก่อนค่อนข้างมาก และน้าไป๋เสาดูผอมบางกว่าท่านแม่เสียอีก

ไป๋เสาไม่ได้คิดมากไปกว่าที่เล่อเล่อคิด หลังจากถูกปฏิเสธก็ไม่พูดอะไรอีก

ได้ยินเล่อเล่อถาม ไป๋เสาจึงสอบถามสถานการณ์กับคนผ่านทาง

“อ๋อ ร้านหนังสือบนถนนซานซิงข้างหน้ากำลังทายปริศนาโคมไฟ บอกว่าผู้ชนะจะได้เงิน 50 ตำลึง”

โดยปกติการทายปริศนาโคมไฟจะทำในตอนกลางคืน แต่ตอนกลางคืนทุกที่บนถนนจะมีแต่การทายปริศนาโคมไฟ รางวัลไม่ได้มากมาย ดังนั้นฝูงชนจึงกระจายกันไป จะไม่ไปรุมอยู่ในที่เดียว

ทันทีที่ได้ยินว่าถ้าชนะจะได้ 50 ตำลึง เล่อเล่อก็ดวงตาเป็นประกาย แต่อานอานไม่ได้สนใจมากนัก

เวลานี้คนผ่านทางที่ถูกไป๋เสาหยุดไว้ได้พูดอีกว่า “อ้อ จริงสิ ไม่เพียงแต่เงิน 50 ตำลึงเท่านั้นนะ แต่ยังรวมถึงให้ชุดหมึกคัดลายมือล้ำค่าระดับชั้นยอดด้วย”

ตอนนี้ ทั้งอานอานและเล่อเล่อต่างก็มีดวงตาเป็นประกาย

ดังนั้นทั้งสามคนจึงตามฝูงชนไปยังถนนซานซิงด้วยกัน

สี่เป่านั้นหลังจากถูกฝูงชนมาแทรกจนแยกออกมา ความตื่นเต้นก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็ถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว

ในตอนที่สี่เป่ากำลังไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เสียงที่เป็นอันตรายอย่างเห็นได้ชัดก็ดังขึ้นข้างหลังสี่เป่า “เจ้าหนูน้อย เจ้าพลัดหลงกับครอบครัวเหรอ”

สี่เป่าอยู่กับย่าเจียงมาตั้งแต่เล็ก และย่าเจียงก็มีหลานชายเพียงคนเดียว ด้วยกลัวว่าหลานชายจะเจอเรื่องร้าย จึงสอนเกร็ดความรู้แก่หลานชายตั้งแต่ยังเล็กเรื่องพวกหลอกจับเด็กไปขาย โดยบอกสี่เป่าว่าอย่าพูดคุยกับคนแปลกหน้าและอย่าไปกับคนแปลกหน้าสุ่มสี่สุ่มห้า

ดังนั้นเมื่อสี่เปาหันไปเห็นชายวัยกลางคนที่มีดวงตาเจ้าเล่ห์คิ้วขี้โกง แววตาจึงเกิดความระแวดระวังในทันใด

ชายตาเจ้าเล่ห์คิดไม่ถึงว่าสี่เป่าจะคอยระวังเขา มองซ้ายขวาครู่หนึ่ง ไม่มีครอบครัวของเด็กอยู่แถวนั้นจริงๆ ชายตาเจ้าเล่ห์จึงยื่นมือเข้าหาสี่เป่าและพูดว่า “เจ้าหนูน้อย เจ้าตามข้ากลับบ้านก่อน ข้าจะช่วยหาครอบครัวให้เจ้าเอง”

“เจ้าเป็นพวกหลอกจับเด็กไปขาย ข้าไม่ตามเจ้าไปหรอก” สี่เป่าตะโกน

ทันทีที่คนสัญจรไปมาได้ยิน ก็พลันมองชายตาเจ้าเล่ห์ด้วยสายตาไม่ดี เมื่อชายตาเจ้าเล่ห์เห็นสิ่งนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ตื่นตระหนก แต่ยังทำหน้าเสียใจมองคนเหล่านั้น “ขอโทษจริงๆ เด็กในครอบครัวกำลังอารมณ์เสีย โธ่ เด็กคนนี้พูดไม่ฟังเลย เกินเยียวยาจริงๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง