ในตอนท้าย ด้วยความช่วยเหลือของหมออู๋และไป๋เสา ครีมถูกแจกจ่ายให้กับผู้หญิงที่เสียโฉม และสอนวิธีการใช้ครีมด้วย
ท่ามกลางความซาบซึ้งของผู้หญิงเหล่านั้น ในที่สุดลั่วเสี่ยวปิงก็จากไป
เพิ่งกลับถึงจวนในเมือง ก็เห็นฉีเทียนเห้ารออยู่หน้าประตู ใบหน้าของฉีเทียนเห้ามีอาการตึงเครียด ราวกับกำลังอารมณ์ไม่ดี ดวงตาที่มองมายังตนก็ดูหงุดหงิดเหมือนมีอะไรในใจ
เห็นอย่างนี้แล้วใจลั่วเสี่ยวปิงก็เกิดความคิดหนึ่ง แต่กลับมองฉีเทียนเห้าและถามว่า “ท่านเป็นอะไรไป”
ฉีเทียนเห้าจับมือลั่วเสี่ยวปิงเข้าไป ลั่วเสี่ยวปิงมองซ้ายมองขวาครู่หนึ่งแต่ไม่เห็นเงาของเด็กทั้งสามคน
“ข้าให้หนานซิงพาพวกเขาออกไป” ฉีเทียนเห้าพูดบางเบา อธิบายกับลั่วเสี่ยวปิงว่าเด็กไปไหน
ได้ยินแล้วลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้ถามต่อ เพียงให้ฉีเทียนเห้าจูงมือนางเดินไป บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง
จวนที่ฉีเทียนเห้าซื้อในเมืองนั้นไม่เล็ก มีสวนเล็กๆ แต่ตอนนี้เป็นฤดูหนาว ในสวนจึงรกร้าง
ฉีเทียนเห้าพาลั่วเสี่ยวปิงเข้าไปในสวน มองดูความรกร้างที่อยู่ตรงหน้า ฉีเทียนเห้าขมวดคิ้ว รู้สึกว่าทิวทัศน์ไม่ดี จึงเตรียมจะพาลั่วเสี่ยวปิงไปที่อื่น
ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ขยับ ฉีเทียนเห้าจึงหยุดและมองไปที่ลั่วเสี่ยวปิง
ลั่วเสี่ยวปิงก็มองฉีเทียนเห้าเงียบๆ “ท่านกำลังจะไปแล้วเหรอ”
ฉีเทียนเห้าเคยบอกว่าจะจากไปหลังจากเทศกาลโคมไฟ แต่นางคิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้
ฉีเทียนเห้าเห็นลั่วเสี่ยวปิงเดาได้ สายตาพลันเจือความซึมเศร้า รู้สึกอาลัยอาวรณ์อย่างแรงกล้า จากนั้นจึงเอาลั่วเสี่ยวปิงเข้าสู่อ้อมแขนและกอดเอาไว้แน่น “อยากพาเจ้าไปด้วย”
ไม่อยากจะแยกจากนางแม้วินาทีเดียว
ลั่วเสี่ยวปิงรู้ว่าฉีเทียนเห้าพูดแบบนี้เพราะไม่มีวิธีพาตัวเองไปได้
แต่นางไม่อยากตามไปด้วย เพราะปีต่อจากนี้นางมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากทำ
ดังนั้นนางจึงไม่พูด ความจริงคือเวลานี้ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร
“เสี่ยวปิง ข้ามีเรื่องบอกเจ้า”
เวลานี้เสียงของฉีเทียนเห้าดังขึ้นเหนือหัวของลั่วเสี่ยวปิง
ลั่วเสี่ยวปิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “หืม?”
“ข้า...” ฉีเทียนเห้านิ่งไป
มีหลายเรื่องที่เขาอยากบอกเสี่ยวปิง อย่างเช่น เมื่อหกปีที่แล้ว
และอย่างเช่น ภูมิหลังของนาง รวมทั้งภูมิหลังของเขา
สัญชาตญาณบอกเขาว่าสิ่งที่ควรพูดก็ต้องพูด ไม่อย่างนั้นหากนางรู้ในภายหลัง เกรงว่าจะเกิดการเปลี่ยนไป
หลังจากคิดแล้ว เสียงของฉีเทียนเห้าก็เปลี่ยนไป “เจ้าไม่เคยถามเกี่ยวกับตัวตนของข้า ไม่สงสัยจริงเหรอ”
เสี่ยวปิงรู้ว่าเขาเป็นแม่ทัพ แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขากลับไม่เคยถามเลย
แม้ว่าจะอิงจากความสัมพันธ์ในปัจจุบัน เมื่อนางถามเขาต้องตอบแน่นอน แต่เขาไม่รอจนนางถามเอง
ลั่วเสี่ยวปิง “เมื่อท่านอยากพูดย่อมพูดเอง”
ถ้าเขาไม่อยากพูด นางก็จะไม่ถาม
เพียงแต่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ตลอดเวลา
ทันทีที่ฉีเทียนเห้าได้ยินก็ปล่อยลั่วเสี่ยวปิง เพื่อให้ลั่วเสี่ยวปิงเงยหน้าขึ้นมามองกับตัวเอง
ฉีเทียนเห้า “ถ้าข้าบอกว่า ข้าคือเชื้อพระวงศ์อ๋องเซ่อเจิ้ง เจ้าจะว่ายังไง”
ลั่วเสี่ยวปิงเงียบ สายตายังคงมองฉีเทียนเห้า โดยไม่มีสีหน้าใดๆ
เมื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิงเป็นอย่างนี้ ฉีเทียนเห้ารู้สึกประหม่ามาก
จากนั้นก็เห็นแววตาของลั่วเสี่ยวปิงที่เรียบเฉยในตอนแรกพลันสดใส มองฉีเทียนเห้าด้วยสายตาเป็นประกาย
“ท่านพูดจริงเหรอ” ลั่วเสี่ยวปิงถาม
ฉีเทียนเห้า “จริง”
ปฏิกิริยาของเสี่ยวปิงเหมือนจะผิดปกติไปนิดหน่อย
ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกยินดีในทันใด “เยี่ยมเลย ข้าจะมีที่พึ่งได้กอดแข้งกอดขาใหญ่ๆ แล้วสิ”
นี่คือความคิดที่แท้จริงของลั่วเสี่ยวปิง
อ๋องเซ่อเจิ้ง เป็นบุคคลที่ทรงอำนาจยิ่งกว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเสียอีก
นางมีที่พึ่งยิ่งใหญ่แบบนี้ ทำไมจะไม่ดีใจล่ะ
ฉีเทียนเห้าได้ยินแล้วมองขาตัวเองโดยอัตโนมัติ
ขาของเขาใหญ่มากเลยเหรอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...