ถึงบ้านผู้ใหญ่บ้านแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงรีบพูดความคิดที่อยู่ในใจออกมา
ไม่ใช่ความคิดที่แปลกใหม่พิเศษอะไร ก็คือลั่วเสี่ยวปิงอยากก่อตั้งโรงเรียนในหมู่บ้าน
แต่ว่าโรงเรียนนี้กับโรงเรียนอื่นไม่เหมือนกัน โรงเรียนนี้ลั่วเสี่ยวปิงอยากทำเป็นห้องเรียนศิลปะและวิทยาศาสตร์
ห้องเรียนศิลปศาสตร์มุ่งไปทางด้านสอบเป็นขุนนาง ห้องวิทยาศาสตร์อบรมให้เป็นผู้ทำบัญชี
โรงเรียนเจาะจงเปิดให้สำหรับเด็กที่อายุเหมาะสม จากนั้นก็คือเปิดให้สำหรับลูกของคนงานที่ทำงานในโรงงาน
แน่นอน คนอื่นที่ต้องการอยากเข้าเรียนก็ได้ แต่ว่าคนนอกอยากเข้าเรียนก็ต้องจ่ายค่าครู ไม่สามารถให้เข้าโดยไม่เสียเงิน
พูดได้ว่า โรงเรียนที่เธออยากทำนี้ เป็นสวัสดิการภายในสำหรับหมู่บ้านต้าซิงและคนงานในโรงงาน
แน่นอน เด็กหมู่บ้านเฉินเจียก็สามารถมาได้
ก่อนห้องเรียนศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จะเปิดห้องเรียนพื้นฐานหนึ่งห้อง
ห้องพื้นฐาน ก็เปิดเพื่อให้รู้หนังสือ
เมื่อพัฒนาพื้นฐานแล้ว หากมีความสนใจต่อการสอบขุนนาง ก็ไปห้องศิลปศาสตร์ หากไม่มีความสนใจต่อการสอบขุนนาง สนใจต่อลูกคิด ก็ไปห้องวิทยาศาสตร์
ถ้าหากไม่มีความสนใจทั้งสองอย่าง ห้องพื้นฐานสามารถสอนให้รู้จักหนังสือได้ รู้หนังสือแล้วก็จะเข้าใจหลักการ จากนั้นออกไปแล้วก็ดีกว่าไม่รู้หนังสืออะไรเลย
ลั่วเสี่ยวปิงพูดสิ่งที่คิดในใจออกมาให้ผู้ใหญ่บ้านฟัง ผู้ใหญ่บ้านฟังจนตะลึง
เขาเคยได้ยินการเปิดโรงเรียนในหมู่บ้าน เพียงแค่ไม่เคยได้ยินการเปิดโรงเรียนยังแบ่งอะไรศิลปศาสตร์วิทยาศาสตร์ แต่ว่าไม่เป็นไร ความคิดของลั่วเสี่ยวปิงไม่เคยแย่ อีกอย่างนี่เป็นเรื่องที่สร้างสวัสดิการให้ทั้งหมู่บ้าน เขาจะไม่ตกลงได้อย่างไร?
ขอแค่โรงเรียนเปิดขึ้นมา หมู่บ้านต้าซิงก็จะเป็นหมู่บ้านที่แข็งแกร่งที่สุดในระยะแปดลี้สิบลี้แล้วไม่ใช่หรือ? ผู้ใหญ่บ้านอย่างเขาทำจนถึงอายุขนาดนี้ก็ไม่ศูนย์เปล่า
คิดไปแล้ว จางเต๋อหวั่งก็พูดว่า “สิ่งที่เจ้าพูดนี้ทำได้ ต้องการให้ข้าทำอะไร?”
ลั่วเสี่ยวปิง “ต้องการให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยแบ่งพื้นที่ออกมาส่วนหนึ่ง จากนั้นก็ช่วยจัดการเรื่องต่างๆของโรงเรียน”
จางเต๋อหวั่งพยักหน้า พูดว่า “นี่เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว”
จากนั้น จางเต๋อหวั่งก็ไปเอาแผนที่ของหมู่บ้านมา มองไปมาบนแผนที่ จากนั้นก็แบ่งพื้นที่ออกมาส่วนหนึ่งที่อยู่ระหว่างหมู่บ้านต้าซิงและหมู่บ้านเฉินเจีย
“จุดอื่นล้วนมีที่นา ส่วนที่สามารถแบ่งออกมาได้ขนาดก็กว้างไม่พอ ในเมื่อโรงเรียนนี้จะใช้ร่วมกับหมู่บ้านเฉินเจีย โรงเรียนนี้ก็จัดให้อยู่ระหว่างสองหมู่บ้านดีกว่า”
พอลั่วเสี่ยวปิงดูแล้ว พื้นที่นั้นก็อยู่ไม่ห่างจากบ้านตัวเองเท่าไหร่ อยู่ระหว่างหมู่บ้านต้าซิงและหมู่บ้านเฉินเจียพอดี เด็กของทั้งสองหมู่บ้านจะเข้าเรียน เดินเพียงสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว คนในโรงงานจะรับส่งลูกก็เป็นทางผ่าน และสะดวก จึงรีบพยักหน้า
เห็นลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า จางเต๋อหวั่งก็ม้วนแผนที่ในมืออย่างยิ้มแย้ม “ในเมื่อเจ้าตกลงแล้ว ข้าก็ไปปรึกษาเฉินฟู่ชุนที่หมู่บ้านเฉินเจียเสียหน่อย อย่างไรเสียพื้นที่นี้ส่วนหนึ่งก็เป็นของหมู่บ้านเฉินเจีย”
บอกทำก็ทำ จากเต๋อหวั่งไม่มีเวลาดูแลต้อนรับลั่วเสี่ยวปิงก็ต้องออกไป
ดีที่เมื่อลั่วเสี่ยวปิงพูดธุระจบแล้วก็จะจากไป เพราะฉะนั้นทั้งสองก็ออกไปพร้อมกัน
เดินไปถึงทางเข้าหมู่บ้าน ก็เห็นรถวัวคันหนึ่งวิ่งมาจากในเมืองอย่างเร่งรีบ
ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้สังเกตเป็นพิเศษ หลังแยกทางกับผู้ใหญ่บ้านแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็เดินไปทางบ้าน
ในเวลานี้เอง เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง “เจ้านาย——”
เป็นเสียงของเฉินต้าจ้วง
ลั่วเสี่ยวปิงหันหลัง ก็เห็นเฉินต้าจ้วงที่นั่งในรถวัวยืนขึ้นแล้ว ไม่รอรถวัวจอดสนิทเลย เฉินต้าจ้วงก็กระโดดลงจากรถวัวแล้ว จ่ายเงินให้กับคนขับรถวัวอย่างเร่งรีบ ก็วิ่งมาทางลั่วเสี่ยวปิง สภาพอันรีบร้อนนั้น ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงอดขมวดคิ้วไม่ได้
เมื่อถึงตรงหน้าลั่วเสี่ยวปิงแล้ว เฉินต้าจ้วงก็ถามด้วยสีหน้าร้อนรน “ข้าไปหาเสี่ยวหลิงในเมืองแต่หาไม่เจอ เจ้านายท่านรู้ไหมว่าเสี่ยวหลิงอยู่ไหน?”
ลั่วเสี่ยวปิงมองดูสภาพอันร้อนรนของเฉินต้าจ้วง ถามด้วยสีหน้าใจเย็น “เจ้าหาเสี่ยวหลิงทำไม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...