แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 386

เมื่อคนรับใช้ที่ติดตามลั่วเสี่ยวปิงไปเดินออกมา ก็ตรงไปหาเหล่านายๆของตระกูลจู นำบทสนทนาตอนที่ทั้งสองคุยกันในเวลาที่ลั่วเสี่ยวปิงไปที่เรือนของลั่วเสี่ยวอวี่พูดซ้ำขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง

“ปัง!”

บุตรชายคนโตของนายสองจูจุ้นฟาอดไม่ได้ที่จะตบโต๊ะ

“นังหญิงเลวทราม เป็นนางจริงๆ!”

ณ เวลานี้ ไม่เพียงแต่จูจุ้นฟา คนอื่นๆในตระกูลจูเองก็รู้สึกว่าลั่วเสี่ยวปิงถูกลั่วเสี่ยวอวี่หลอกล่อมา ต่างก็โกรธกันเป็นอย่างมาก

“แล้วลั่วเสี่ยวปิงล่ะ? ตอนนี้อยู่ที่ใด?” จูซิ่วจื้อถาม

คนใช้คนนั้นได้ยิน กล่าวเพียงว่า“ตอนที่ข้าน้อยออกมานางยังอยู่กับลั่วอี๋เหนียงขอรับ”

จูซิ่วจื้อให้คนรับใช้ออกไป แล้วจึงมาปรึกษากับจูซิ่วเต๋อและจูซิ่วหยวนว่า“สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือรักษาอาการป่วยของนายท่านใหญ่ พวกเรายังต้องเจรจากับลั่วเสี่ยวปิงดีๆอีกสักหน่อย”

คนตระกูลจูต่างก็มีความรู้สึกเกรงกลัวนายท่านใหญ่ ไม่ใช่เพราะความกตัญญู นั่นเพราะถึงแม้ว่านายท่านใหญ่จะมีอายุมากแล้ว แต่อำนาจการปกครองส่วนใหญ่ในตระกูลรวมทั้งกุญแจของห้องเก็บสมบัติต่างก็อยู่ในมือของนายท่านใหญ่

ที่จูซิ่วหยวนกับจูซิ่วเต๋อไม่กล้าเอ่ยปากไล่ลั่วเสี่ยวปิงออกไปก็เพราะเหตุผลนี้ กลัวว่าหากนายท่านใหญ่รู้จะสูญเสียสิทธิ์ในการสืบทอดอำนาจไป

ส่วนเรื่องที่จูซิ่วจื้อเสนอขึ้นมาว่าให้ไปประนีประนอมกับลั่วเสี่ยวปิงเพื่อมารักษาอาการป่วยให้กับนายท่านใหญ่ก็ไม่ใช่ว่าจูซิ่วหยวนและจูซิ่วเต๋อจะไม่เคยคิดมาก่อน แต่ก็กลัวที่จะต้องรับกับความเสี่ยง จึงได้ไม่พูด

ตอนนี้จูซิ่วจื้อเสนอขึ้นมาแล้ว แน่นอนว่าทั้งสองคนคัดค้านไม่ได้ และยิ่งไม่สามารถให้จูซิ่วจื้อทำตัวเป็นคนดีอยู่คนเดียว ดังนั้นจึงได้ตอบตกลง

สำหรับเด็กรุ่นหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าคนรุ่นก่อน พวกเขาไม่มีสิทธิ์ในการพูด

เพียงแต่ว่าในท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็นคนไปเจรจาเรื่องนี้ กลับกลายเป็นปัญหาอีกครั้ง

“เจิ่งเย่ไปเถอะ” จูซิ่วเต๋อเอ่ยขึ้น

จากนั้นไม่รอให้จูซิ่วจื้อปฏิเสธ จูซิ่วเต๋อก็กล่าวว่า“เจิ่งเย่คือคนที่หน้าตาดีที่สุดในหมู่คนรุ่นหลัง และไม่ได้มีอายุต่างกับลั่วเสี่ยวปิงมากนัก เขาไปเหมาะสมที่สุดแล้ว”

จูเจิ่งเย่ คือบุตรชายคนรองที่เป็นทายาทโดยตรงของจูซิ่วจื้อ ปีนี้อายุยี่สิบห้าปี เป็นชายรูปงามที่ติดอันดับของเมืองหลัว

เมื่อได้ยินลุงจูซิ่วเต๋อให้ตัวเองไป จูเจิ่งเย่ไม่ได้ปฏิเสธ“ได้ช่วยแบ่งเบาภาระของตระกูล มันคือหน้าที่ของข้า”

จูเจิ่งเย่กล่าวเช่นนั้น แต่ในหัวสมองกลับนึกถึงรูปลักษณ์ของลั่วเสี่ยวปิง

หญิงสาวที่งดงามปานนั้น แล้วยังมีความสามารถอีก หากได้มาครอบครอง เขาจะดูมีน้ำหนักมากขึ้นในตระกูลจู

คิดอยู่เช่นนั้น ในสายตาของจูเจิ่งเย่ก็มีประกายแสงวาบผ่าน

ในเวลานี้ลั่วเสี่ยวปิงไม่รู้ว่ามีใครบางคนในตระกูลจูเริ่มตั้งเป้ามาที่นางอีกครั้ง เมื่อได้รู้ผลสรุปที่ต้องการ หลังออกจากเรือนของลั่วเสี่ยวอวี่ ลั่วเสี่ยวปิงก็เริ่มเดินเล่นในตระกูลจู

ไม่ได้ไปในที่ที่คนพลุกพล่าน แต่กลับไปในทิศทางที่ห่างไกล

เมื่อพิจารณาจากสถานที่ที่ตัวเองตื่นขึ้นมา สถานที่ที่อยู่ห่างไกลของตระกูลจูแห่งนี้อาจจะซ่อนสิ่งสกปรกเอาไว้

ตลอดทางลั่วเสี่ยวปิงตั้งใจหลบเลี่ยงคนรับใช้ของตระกูลจู เพียงไม่นานก็มาถึงเรือนที่ค่อนข้างห่างไกลและทรุดโทรม

เสียงภายในค่อนข้างดัง ลั่วเสี่ยวปิงสงสัย จึงได้ทำให้ยามสองคนที่เฝ้าอยู่สลบแล้วก็เดินเข้าไป

ลั่วเสี่ยวปิงเพิ่งจะผลักประตูเดินเข้าไป เสียงทั้งหมดในเรือนก็เงียบลงอย่างกะทันหัน ดวงตาที่ตื่นกลัวหลายสิบคู่มองไปทางประตูพร้อมๆกัน เมื่อเห็นว่าคนที่มานั้นคือลั่วเสี่ยวปิง ความตื่นกลัวที่อยู่ในดวงตาเหล่านั้นก็หายไป สายตาส่วนใหญ่เปลี่ยนจากความตื่นกลัวเป็นความประหลาดใจ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่นิ่งเงียบไม่แสดงอาการใดๆ

ลั่วเสี่ยวปิงมองเด็กที่มีอยู่เต็มเรือน ดวงตาของนางมืดมนเล็กน้อย

ใช่ เจ้าของดวงตาหลายสิบคู่เหล่านั้นเป็นเพียงเด็กผู้หญิง

มองดูแล้วคนที่ตัวเล็กที่สุดก็น่าจะมีอายุเพียงแค่เจ็ดแปดขวบ โตสุดก็น่าจะแค่สิบสองสิบสาม ไม่มีคนที่ดูจะบรรลุนิติภาวะเลยสักคน

ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น บรรยากาศดูอึมครึมไปชั่วขณะหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง