แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 420

ไม่นาน พฤติกรรมของฝั่งร้านหนังสือ ก็ถูกเปิดเผย

และเหตุที่ถูกเปิดเผยเป็นเพราะว่ามีอาจารย์คนหนึ่ง ถามลูกศิษย์คนหนึ่งว่า เหตุใดถึงไม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียนเป็นเวลานาน ทุกครั้งที่อาจารย์ถามถึง ลูกศิษย์มักจะพูดว่าได้เจอหนังสือดีๆเล่มหนึ่งที่ร้านหนังสือ อยากจะดูให้จบ ไม่งั้นไม่มีใจเรียน

อาจารย์รู้สึกว่าการอ่านหนังสือไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และเขาก็ได้ยินชื่อเสียงของร้านหนังสือนั้นมาตั้งนาน เลยมองว่าลูกศิษย์ก็แค่ขยันใฝ่หาความรู้ คิดอยู่ว่าจะหาเวลาไปดูสักหน่อย

พอดีว่าได้เจอโอกาส อาจารย์เลยพาเพื่อนหลายคนไปที่ร้านหนังสือ

ร้านหนังสือมีกฎอยู่ว่า คนที่ไปใหม่ๆ ก็จะถูกนำพาไปที่ที่อ่านหนังสือทั่วไป แต่หากมีคนแนะนำไป ก็จะถูกนำไปที่ที่สกปรกโดยตรง

ส่วนตอนที่อาจารย์เข้าไป กำลังพูดกับเพื่อนตัวเองว่าลูกศิษย์ตัวเองอยู่ข้างในพอดี พนักงานที่ร้านหนังสือได้ยินคำพูดนี้พอดี เลยถามเขาว่าลูกศิษย์ชื่ออะไร

หลังจากอาจารย์บอกชื่อออกมา พนักงานก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะพนักงานรู้จักลูกค้าที่มี'เกียรติ'เหล่านั้นอยู่แล้ว

พนักงานนึกว่าอาจารย์และเพื่อนหลายคนนั้นเป็นคนที่ลูกศิษย์นั้นแนะนำมา ก็เลยพาพวกเขาไปที่ๆลูกศิษย์อยู่

พื้นที่นั้นแบ่งเป็นข้างในและข้างนอก ข้างนอกเป็นหนังสือ ข้างในเป็นเตียง

หลังจากอาจารย์และเพื่อนหลายคนนั้นถูกพาไปแล้ว ก็ไม่ได้คิดมาก หยิบหนังสือขึ้นมาดูโดยตรง พอเห็นเนื้อหาในนั้น สีหน้าของไอ้แก่หลายคนนั้นก็ค่อยๆจากปกติกลายเป็นสีเขียวม่วง

เพราะในนั้นไม่ใช่หนังสือที่มีความรู้แต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งลามก

ยังไม่ทันรอให้พวกเขาด่าออกมา ยังไม่ทันได้พูดว่า'เสียชื่อเสียงของปัญญาชน' ข้างในก็มีเสียงที่ประหลาดส่งออกมา

ผลักประตูเข้าไป หลายคนก็เห็นปัญญาชนหลายคน......ไม่ได้ใส่เสื้อ และนอนอยู่กับผู้หญิงที่ยั่วยวนหลายคน ในนั้นก็มีลูกศิษย์ของอาจารย์ ทำให้อาจารย์โกรธจนเกือบจะสลบ

อาจารย์คนนั้นและเพื่อนของอาจารย์ล้วนเป็นคนที่นิสัยเข้มงวดมาก เจอเรื่องแบบนี้จะทนได้อย่างไร?

ดังนั้นเรื่องนี้ก็ถูกเปิดเผยออกไป

ทำเรื่องที่สกปรกแบบนี้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ แน่นอนว่าปัญญาชนหลายๆคนล้วนไม่ยอม

เรื่องมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เจ้านายที่อยู่เบื้องหลังของร้านหนังสือก็ถูกค้นออกมา

มีการลงทุนของตระกูลจู แต่เจ้านายกลับเป็นลั่วเสี่ยวจู๋ ชาวบ้านคนหนึ่ง

และพอดีในเวลานี้ ภาพวาดของลั่วเสี่ยวจู๋ถูกคนที่ตั้งใจแปะออกมา

ดังนั้นลั่วเสี่ยวจู๋ก็กลายเป็นคนที่ทุกคนล้วนอยากจะลงโทษ

เดิมทีนึกว่าลั่วเสี่ยวจู๋มีชื่อเสียงมากพอแล้ว ลั่วเสี่ยวจู๋ต้องซ่อนไม่อยู่แล้ว

แต่ผ่านไปสิบวันต่อเนื่อง อย่าพูดถึงว่าประชาชนทั่วไปไม่มีข่าวของลั่วเสี่ยวจู๋เลย แม้กระทั่งหนานซิงก็ไม่ได้ร่องรอยของลั่วเสี่ยวจู๋แม้แต่นิด เหมือนกับว่าลั่วเสี่ยวจู๋หายไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิง

แต่ในระยะเวลาสิบกว่าวันนี้ เรื่องที่ลั่วเสี่ยวจู๋รู้จักกับตระกูลจูยังไง แม้กระทั่งเรื่องที่ทำไมอยู่ๆนายท่านจูเกิดชอบลั่วเสี่ยวอวี่ขึ้นมานั้นล้วนตรวจสอบได้ชัดเจน

ถึงแม้ตอนนี้ตระกูลจูไม่อยู่แล้ว แต่เรื่องบางอย่างเคยเกิดขึ้น ก็ต้องหาเจอร่องรอยได้แน่นอน

รู้ล่วงหน้า

นี่เป็นข้อสรุปที่ลั่วเสี่ยวปิงได้มา

ไม่ว่าเป็นลั่วเสี่ยวจู๋ที่'บังเอิญ'ได้ช่วยคนตระกูลจู หรือว่าเสนอความคิดให้ตระกูลจูจากขาดทุนกลายเป็นได้กำไร ล้วนเหมือนเป็นการรู้ล่วงหน้า

เพราะในฐานะที่เป็นมุมมองของคนดู เรื่องเหล่านั้นมันบังเอิญมาก หรือโลกนี้มีคนที่รู้ล่วงหน้าจริงหรือ?

เมื่อเทียบกับการรู้ล่วงหน้า ลั่วเสี่ยวปิงยิ่งยอมเชื่อว่าลั่วเสี่ยวจู๋เป็นคนเกิดใหม่

ถูกคนที่เกิดใหม่มองเป็นศัตรู นางรู้สึกกังวลมาก

เพราะเรื่องบางอย่างลั่วเสี่ยวจู๋รู้ล่วงหน้า รู้แนวโน้มของเรื่อง เหมือนมีคนช่วย

แถมตอนนี้ลั่วเสี่ยวจู๋อยู่ที่มืด นางอยู่ที่สว่าง

แต่ความกังวลก็แค่เกิดขึ้นชั่วพริบตา

ลั่วเสี่ยวจู๋รู้ล่วงหน้าก็ยังไงล่ะ?

หากมีชาติก่อนจริงๆ งั้นชาติก่อนนางไม่ได้ย้อนยุคมาแน่นอน นางไม่เชื่อหรอกว่านางในฐานะที่เป็นคนย้อนยุคจะเอาชนะคนที่เกิดใหม่ไม่ได้ ถึงแม้เป็นฝ่ายเสียเปรียบก็อย่างไรล่ะ การย้อนยุคของนางจะเป็นสิ่งเปลี่ยนแปลงที่มากที่สุดของลั่วเสี่ยวจู๋

ลั่วเสี่ยวจู๋สามารถเพลิดเพลินไปกับชีวิตใหม่ของนางก็ว่าไปอย่าง แต่หากกล้ามาทำอะไรต่อหน้านาง นางจะไม่ยอมแน่นอน

เมื่อนึกถึงที่นี่ ลั่วเสี่ยวปิงก็สั่งลงไป"หาร่องรอยของลั่วเสี่ยวจู๋ให้ได้ หากหาได้จับมาให้ข้าโดยตรง"

หยุดสักครู่หนึ่ง พูดต่อ"แล้ว ลั่วเสี่ยวจู๋เป็นคนเจ้าเล่ห์ มีความคิดลึกซึ้ง ในเมื่อนางลงมือต่ออานอานและเล่อเล่อไปครั้งหนึ่งแล้ว ก็น่าจะมีครั้งที่สอง เจ้าให้คนปกป้องความปลอดภัยของอานอานและเล่อเล่อด้วย"

ถึงแม้ลั่วเสี่ยวปิงไม่สั่ง คนของฉีเทียนเห้าก็จะปกป้องความปลอดภัยของอานอานและเล่อเล่ออยู่แล้ว

แต่ลั่วเสี่ยวปิงสั่งมา พวกเขาก็ไปทำตาม

คำสั่งของนายหญิง พวกเขาในฐานะที่เป็นลูกน้อง ไม่เพียงแต่ต้องฟัง ยังต้องปฏิบัติอย่างเต็มที่

และครั้งนี้หาคนไม่ได้ เดิมก็เป็นความผิดพลาดของพวกเขา

หลังจากลูกน้องออกไป ลั่วเสี่ยวก็นวดขมับ เนื่องจากช่วงนี้วิเคราะห์เรื่องของลั่วเสี่ยวจู๋เลยรู้สึกปวดขมับมาก

พแดีในเวลานี้ มีเสียงเคาะประตูส่งมาจากประตู

จากนั้นก็มีคนเปิดประตู

ส่วนลั่วเสี่ยวปิงได้ยินเสียงของผู้ใหญ่บ้านจางเต๋อหวั่ง

ได้ยินว่าเป็นเสียงของจางเต๋อหวั่ง ลั่วเสี่ยวปิงก็ลืมตาขึ้นมาใหม่ หลังจากกินน้ำแร่วิญญาณฟื้นสติขึ้นมาหน่อยแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็เดินออกจากห้องนอน

"ท่านปู่ เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?"

ผู้ใหญ่บ้านมาหา ต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน

จางเต๋อหวั่งมองลั่วเสี่ยวปิง รู้สึกรีบร้อน"เสี่ยวปิง เจ้าลืมแล้วหรือว่าวันนี้เป็นวันอะไร?"

ลั่วเสี่ยวปิงมึนงง วันอะไรหรือ?

ถึงแม้ความจำของนางดี แต่ก็เฉพาะเจาะจงเรื่องที่ไว้ในใจ

สำหรับวันที่ผู้ใหญ่บ้านบอกมา นางจำไม่ได้จริงๆ

จางเต๋อหวั่งเห็นลักษณะของลั่วเสี่ยวปิง รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ก็สงสารนางด้วย"ช่วงนี้เจ้ายุ่งแน่เลย ถึงกับลืมวันของวันนี้ไป"

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นด้วยกับคำพูดของเขา

จริงๆแล้วช่วงนี้นางไม่ยุ่งเลย

เรื่องทางธุรกิจ ตอนนี้นางล้วนสามารถปล่อยให้คนอื่นไปทำ

ขนาดการปลูกเห็ดก็ขยายตัวในทุกๆหมู่บ้าน เกษตรกรรม ป่าไม้ การประมง และการเลี้ยงสัตว์ของโอหยางฉี่หยู่ก็ขยายตัวในหลายๆที่ นางไม่ต้องไปถามอะไรมาก โรงงานเซรามิคและโรงงานอื่นๆก็ล้วนขยายตัวเรื่อยๆ นางไม่ต้องทำเอง มีแต่บางเรื่องที่ผู้จัดการตัดสินใจไม่ได้นางถึงจะไปเข้าร่วม ปกตินางดูแค่บัญชีก็พอ

ถ้าจะว่ายุ่ง เรื่องที่ยุ่งที่สุดในช่วงนี้ก็คือการร่วมมือกับหอฝูหม่าน

เนื่องจากงานเลี้ยงวันเกิดขึ้นนายท่านหราวได้เชิญพ่อครัวจากหอฝูหม่าน แต่เรื่องเมนูนั้นหอฝูหม่านตัดสินใจไม่ได้ เลยถามมาที่ลั่วเสี่ยวปิง หวังว่าลั่วเสี่ยวปิงจะสามารถมีช่วยคิดอะไรที่แปลกใหม่ให้

เพราะปกติหอฝูหม่านไม่รับงานเลี้ยงเหล่านี้ แต่งานวันเกิดของนายท่านหราวเชิญคนจากทุกๆที่ หอฝูหม่านต้องการใช้ครั้งนี้เปิดตลาดของทุกๆที่

ตอนนี้ลั่วเสี่ยวปิงก็มีส่วนแบ่งในหอฝูหม่านด้วย แน่นอนว่าตั้งใจหน่อยนึง

แต่สิ่งเหล่านี้ยังกล่าวไม่ได้ว่านางยุ่งมาก

"ท่านปู่เจ้าคะ ท่านอย่าอุบไว้เลย ตกลงวันนี้เป็นวันอะไรหรือเจ้าคะ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง