แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 43

เถ้าแก่ฉินก้าวเดินไปด้วยถอนหายใจไปด้วย แต่ในขณะนั้นเองกลับมีเกวียนวัวคันหนึ่งแล่นเข้ามาใกล้ทางด้านนี้อย่างช้าๆ

เดิมทีเถ้าแก่ฉินก็ไม่ได้ไปสนใจอะไร กระทั่งได้เห็นคนที่นั่งอยู่บนเกวียนวัว เถ้าแก่ฉินจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเผยรอยยิ้มออกมาแล้วเดินเข้ามาใกล้เกวียนวัว

เมื่อจางเอ้อหลางเห็นดังนั้น เขาก็หยุดเกวียนวัวอย่างรวดเร็ว

เมื่อนั่งอยู่บนเกวียนวัวจางเอ้อหลางก็รู้สึกว่าไม่รู้ว่าจะวางมือวางเท้าเอาไว้ที่ไหนดี เขาก็เลยกระโดดลงมาจากเกวียน แล้วเหยียดมือทั้งสองข้างให้ตรงดิ่งแนบชิดข้างขาทั้งสองข้าง โดยที่นิ้วมือของเขาขยี้ชายเสื้อไม่หยุด และเขาดูไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง

อย่าไปโทษที่เอ้อหลางทำเช่นนี้เลย เถ้าแก่ฉินเป็นเจ้าของภัตตาคารอันดับที่สองในตัวเมือง และคนที่เข้ามาในเมืองเกือบทุกคนล้วนแต่คุ้นหน้าคุ้นตาเคยกับเขา

ถึงแม้ว่าในบรรดาบัณฑิต ชาวนา กรรมกร และพ่อค้า ชาวนาจะเรียงอยู่หน้าพ่อค้า แต่ถึงอย่างไรเสียพ่อค้าก็มีเงินทอง ดังนั้นในสายตาของชาวนาธรรมดาๆนั้นคนอย่างเถ้าแก่ฉินนี้จึงเป็นคนที่ดำรงอยู่ในที่สูงเหนือมวลชนคนหนึ่งจริงๆ

จู่ๆบุคคลเช่นนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าตัวเองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม สำหรับจางเอ้อหลางแล้ว มันก็เหมือนกับการกระโจนเข้าไปอยู่ในก้อนเมฆ ซึ่งมันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงอย่างยิ่ง

ความสนใจของเถ้าแก่ฉินล้วนตกไปอยู่ที่ลั่วเสี่ยวปิงทั้งหมดแล้ว ซึ่งเขาไม่ได้ให้ความสนใจจางเอ้อหลางที่กำลังมือไม้อ่อนอยู่ข้างๆเลย เขาจึงเดินผ่านจางเอ้อหลางไปหาลั่วเสี่ยวปิงโดยตรง

แต่ทว่าจางเอ้อหลางกลับถอนหายใจด้วยความโล่งอกตอนที่เถ้าแก่ฉินเดินผ่านเขาไป

ลั่วเสี่ยวปิงกำลังคิดที่จะฝึกบ่มเพาะเอ้อหลาง ดังนั้นทุกๆการเคลื่อนไหวของจางเอ้อหลางก็ย่อมอยู่ในสายตาของนางอยู่แล้ว เมื่อเห็นความกระวนกระวายใจของจางเอ้อหลาง ลั่วเสี่ยวปิงก็ทอดถอนใจอยู่ในใจ

ดูเหมือนว่านางคงต้องพาเขาออกไปดูโลกให้มากๆสักหน่อยน่าจะดี ลั่วเสี่ยวปิงแอบสรุปรวบยอดอยู่ในใจเงียบๆ

“แม่นางลั่ว เจ้ามาถึงสักที ถ้าเจ้าไม่มาที่นี่อีก เกรงว่าวันนี้ภัตตาคารแห่งนี้ของข้าจะต้องมีปัญหาเสียแล้ว” เถ้าแก่ฉินยกรอยยิ้มของเขาขึ้นมา และพูดคำพูดที่พอฟังแล้วก็รู้สึกว่าเกินจริงมากไปหน่อย

แท้ที่จริงแล้ว เมื่อวันก่อนหลังจากที่ลั่วเสี่ยวปิงได้แสดงฝีมือออกมา บรรดาแขกทุกคนก็เลยกำลังเฝ้ารอที่จะรับประทานเห็ดที่สดใหม่นั่นอยู่ในหอฝูหม่านต่างหาก

คิดไม่ถึงเลยว่าอาหารจานนั้นจะได้รับความนิยมในชั่วข้ามคืนเสียแล้ว

เห็ดที่ลั่วเสี่ยวปิงนำมาด้วยก่อนหน้านี้นั้น หลังจากที่เปิดร้านได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็ถูกแขกที่มาเพราะเลื่อมใสในชื่อเสียงแย่งกันซื้อจนหมดเกลี้ยงไปแล้วเมื่อวานนี้

เมื่อไม่มีเห็ดแล้ว เขาก็เลยต้องขอให้แขกลับมาอีกครั้งในวันนี้

แต่เป็นเพราะว่าเขาร้อนใจมากจริงๆ ดังนั้นเขาจึงไปรออยู่หน้าประตูร้านตั้งแต่ฟ้าเพิ่งจะสว่าง เพราะกลัวว่าลั่วเสี่ยวปิงจะหนีไปและไม่มาที่นี่แล้ว

หลังจากที่ฟังคำพูดของเถ้าแก่ฉินจบแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ยิ้มอย่างเดียว และไม่แสดงท่าทีใดใดเลย

เมื่อเถ้าแก่ฉินเห็นดังนั้น เขาก็เก็บอาการเล็กน้อย แล้วยื่นมือไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อต้อนรับลั่วเสี่ยวปิงเข้าไปในภัตตาคาร ก่อนที่จะถามว่า “วันนี้แม่นางลั่วนำเห็ดมามากเท่าไหร่รึ?”

“ประมาณเก้าสิบกว่าชั่ง”

ที่เก็บได้เก้าสิบกว่าชั่งนี้ นั่นเป็นเพราะว่าเห็ดที่เพิ่งจะเริ่มเก็บมานั้นมีการเติบโตค่อนข้างหนาแน่น ดังนั้นจึงเก็บง่าย

แต่เมื่อได้ยินว่ามันหนักเพียงเก้าสิบชั่ง บนใบหน้าของเถ้าแก่ฉินก็อดไม่ได้ที่จะมีความผิดหวังปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย

“แม่นางลั่ว ทั้งวันเจ้าสามารถเก็บมาได้แค่นี้เองหรือ?” เถ้าแก่ฉินลองถามหยั่งเชิง

ลั่วเสี่ยวปิงมองย้อนกลับไปที่เถ้าแก่ฉินด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย “แล้วเถ้าแก่ฉินต้องการเท่าไหร่ล่ะ?”

แม้ว่าก่อนหน้านี้เถ้าแก่ฉินจะเคยบอกว่ามีเท่าไหร่ก็เก็บมาเท่านั้น แต่ทว่าหลายคำที่เขาพูดมานี้ไม่ได้จำกัดขอบเขตให้นางเลย

ยิ่งกว่านั้น เห็ดบนภูเขาถึงมีเยอะ แต่ก็มีวันที่จะเก็บหมด

ถ้าอยากจะจัดจำหน่ายได้เป็นจำนวนมากในระยะยาว นางยังต้องคิดหาวิธีเพาะเห็ดด้วยตัวเองจึงจะใช้ได้

แน่นอนว่า หากความคิดนี้ยังไม่มีการดำเนินการจริงๆนางก็จะไม่เปิดเผยมันออกไปก่อน

“พูดตรงๆแบบไม่ปิดบังเลยนะ หลังจากที่เจ้าส่งเห็ดมาในวันนั้น ข้าก็ได้ให้คนส่งเห็ดบางส่วนไปที่เมืองหลินอาน และผลตอบรับจากทางนั้นก็ดีมากๆเช่นกัน และข้ายังส่งไปให้ภัตตาคารใกล้เคียงอีกสองสามแห่งด้วย วันเดียวคงสามารถบริโภคอย่างต่ำเท่านี้นะ”

ในระหว่างการสนทนา เถ้าแก่ฉินได้ยกมือขึ้นมาวาดตัวห้าออกมา

ถึงแม้ว่าลั่วเสี่ยวปิงจะทำตัวนิ่งเฉยสักเพียงใด นางก็ยังคงตื่นตระหนกตกใจ

วันเดียวก็สามารถกินเห็ดหมดได้ตั้งห้าร้อยชั่ง นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังหอฝูหม่านนั้นไม่ธรรมดาเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง