แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 452

สรุปบท บทที่ 452 ซาบซึ้ง: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง

สรุปเนื้อหา บทที่ 452 ซาบซึ้ง – แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง โดย สือเยว่วีอัน

บท บทที่ 452 ซาบซึ้ง ของ แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย สือเยว่วีอัน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“นายท่าน เป็นนาง เป็นนาง——” ฉวี่ซื่อปิดหน้าร้องไห้ คือความตื่นเต้น และคือความปวดใจ

คือความดีใจ และเสียใจ

เพราะว่า พบกัน กลับอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

เว่ยหยวนหมิงก็ตาแดง จ้องมองลั่วเสี่ยวลั่วเสี่ยวปิง

เขาก็ไม่เคยคิดเลย พบกับหลายสาวแท้ๆของตัวเอง คาดไม่ถึงว่าอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

สำหรับเว่ยเหลียงเฉิง เว่ยเจ๋อเหวิน เว่ยเจ๋อชาว เว่ยเจ๋ออี้ หลายคนนี้ ปกติไม่ว่าจะเป็นนิสัยอย่างไร เย็นชาก็ดี เรียบร้อยก็ดี หรือแปลกไม่เหมือนใครก็แล้ว ในวินาทีนี้เห็นลั้วเสี่ยวปิงที่หน้าตาเหมือนน้องสาวบ้านตัวเองเหมือนแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ไม่มีใครไม่ตื่นเต้น

เหล่าผู้ชายของตระกูลเว่ย ยกเว้นป้าคนเดียว ความคิดปกติของคนที่รู้เรื่องก็คือหาน้องสาวตัวจริงที่ท่านป้าคลอด คนที่ไม่รู้เรื่องหลายวันนี้ก็รู้เรื่องหมดแล้ว ในใจก็คาดหวังอย่างมาก

แต่ว่า ความคาดหวังแบบนี้สุดท้ายก็ได้รับการยืนยันในสถานการณ์แบบนี้ นี่ทำให้เหล่าผู้ชายของตระกูลเว่ยหดหู่ในใจอย่างมาก จึงทำให้สีหน้าแต่ละอย่างดูแล้วประหลาดเล็กน้อย

ไป๋เสามองดูภาพนี้ ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร

ไป๋เสาในหลายวันนี้ ก็เหมือนกันอาสาสมัครคนหนึ่ง รักษาระเบียบในสวนนี้ แต่วินาทีนี้ เห็นได้ชัดว่าบรรยากาศไม่เหมือนกัน กลับทำให้ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร

หรือพูดได้ว่า ถ้าหากไม่ใช่คนตระกูลเว่ยเหล่านี้ยืนยันจะทำเช่นนี้ นางก็ไม่ให้พวกเขาวิ่งมาที่นี่ทั้งหมด

อย่างไรเสีย จากสามวันนี้มา ในจวนมีคนรับใช้พบคนติดเชื้อเพิ่มหลายคนแล้ว โรงหมอในเมืองก็มีคนป่วยไปรักษาไม่ขาดสาย กัวหงหยางรู้ว่าล่าช้าไม่ได้ จึงออกคำสั่งปิดเมืองแล้ว

ส่วนในตระกูลเว่ยทั้งหมด การควบคุมแบบนี้ก็ยิ่งเคร่งครัดขึ้น

โดยพื้นฐานแล้ว คนรับใช้ยกเว้นเก็บหนึ่งคนปรนนิบัติข้างกายในห้องนอนของเจ้านายแล้ว ไม่กี่คนไว้ทำอาหารต่างๆ พักอยู่ข้างนอก คนรับใช้คนอื่นๆห้ามออกจากสวนคนรับใช้อย่างเด็ดขาด

สำหรับคนรับใช้ที่ติดเชื้อ ก็ถูกแยกกักตัวรวมกัน ดูแลโดยท่านซุน

ส่วนเจ้านายทั้งหลายถึงแม้ว่าจะทำกิจกรรมได้อย่างอิสระในบริเวณตระกูลเว่ย แต่ว่าสวนของเว่ยเจ๋อฉีห้ามเข้าไปเด็ดขาด

สองวันนี้ เจ้านายทั้งหลายของตระกูลเว่ยก็ทำได้เป็นอย่างดี ไม่ได้เข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว แค่ว่าวันนี้ คนเหล่านี้กลับเหมือนนัดกันไว้แล้ว มากันทั้งหมดเลย และจากการห้ามปรามของนาง ยังไงก็ต้องดูประตูนั้นเปิดออก

ตอนแรกไป๋เสานึกว่าพวกเขามาเพราะเว่ยเจ๋อฉี ตอนนี้เห็นสีหน้าของพวกเขาตอนที่เจอนายหญิง หรือว่า......

ไป๋เสารู้สึกตะลึง จากนั้นสีหน้าก็สงบลง

ลั่วเสี่ยวปิงมองดูคนเหล่านี้ของตระกูลเว่ย มองดูสีหน้าอันตื่นเต้นของพวกเขา พูดตามตรง ไม่ซาบซึ้งนั้นไม่จริงเลย

ยกเว้นคุณปู่และคุณย่าที่มีเวลาอยู่กับตัวเองค่อนข้างน้อย ชาติที่แล้วของเธอ ไม่เคยถูกครอบครัวใส่ใจเลย

ความรู้สึกที่ถูกใส่ใจอย่างกะทันหัน ทำตัวไม่ถูกเลย แต่กลับ ช่างทำให้คนอย่างที่จะโลภแบบนี้ อย่างนี้จริงๆ

ถ้าหาก ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้......

สูดหายใจเข้าอย่างเงียบๆ ลั่วเสี่ยวปิงทำได้เพียงไม่รู้อะไรเลย มองดูคนตระกูลเว่ยทั้งหลายอย่างเรียบเฉย พูดด้วยเสียงเย็นชาเข้มงวด “กลับไปสวนของตัวเองให้หมด คิดว่าโรคระบาดในครั้งนี้เป็นเรื่องล้อเล่นหรืออย่างไร?”

ถึงแม้ว่า เธอศึกษาโรคระบาดในครั้งนี้อยู่ในห้องไม่ได้ออกไป แต่ว่าสถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรเธอก็ได้ยินไป๋เสาพูดแล้ว

จึงยิ่งเข้มงวดขึ้นมา เรื่องโรคระบาดก็ใกล้ที่จะปิดบังไม่ได้แล้ว ซุนมู่หยางในเวลานี้ก็ออกไปข้างนอกแล้ว และยังแสดงฐานะหมอเทวดามู่หยางของตัวเองออกมา แต่สถานการณ์ข้างนอกก็ไม่ค่อยดี

เป็นเช่นนี้แล้ว เธอก็ต้องวิจัยวิธีการรักษาโรคระบาดนี้ให้เร็วขึ้น

ในเวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่จะใช้อารมณ์ความรู้สึก

หลังจากพูดประโยคนี้จบด้วยความเย็นชา ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่อยากเห็นสีหน้าของคนตระกูลเว่ยแบบนี้ ไม่เห็นแก่ความรู้สึก เสียงดัง “ปัง” ปิดประตูห้อง

และยังพูดอีกประโยค “ไป๋เสา จากนี้ไปนอกจากส่งอาหาร ห้ามให้ใครเข้ามา”

ข้อยกเว้นอีกคน แน่นอนก็คือเว่ยเจ๋อฉี

เพราะว่าเว่ยเจ๋อฉีเป็นคนเล็กที่สุดในครอบครัว ทุกคนล้วนรักใครเขาเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นก็รู้สึกเหมือนไม่ได้เรียนการต่อสู้เลย ไม่รู้วิชาไม่รู้การต่อสู้

แน่นอน เป็นเพียงแค่ความค่อนข้างที่จะเป็นเท่านั้น

บู๊ แน่นอนว่าไม่ค่อยได้ มิเช่นนั้นก็ไม่ถูกอู๋เทียนป้าทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต

บุ๋น พอเป็นบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับพี่ชายที่ความรอบรู้ลึกซึ้งกว้างขวาง นั่นมันช่างไม่พอดูเลยสักนิด

เพราะฉะนั้น ตอนที่ฝึกฝนร่างกาย ทุกคนต่างก็หาวิธีที่ถูกต้องไม่ได้

ส่วนเวลานอกเหนือจากการฝึกฝน ทุกคนก็พูดคุยถึงลั่วเสี่ยวปิงขึ้นมาเป็นธรรมดา

ต่างก็ไม่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของลั่วเสี่ยวปิง ต่างก็ไม่มีใครรู้ว่าลั่วเสี่ยวปิงคือคนที่พวกเขาหาหรือไม่ แต่ว่ามีผู้ชักนำที่เด่นชัดแล้ว ทุกคนก็เปลี่ยนมาสนใจลั่วเสี่ยวปิงเป็นพิเศษ

ดังนั้น เว่ยหยวนหมิงจึงเล่าสิ่งที่ตัวเองรู้เกี่ยวกับลั่วเสี่ยวปิง

แน่นอน สิ่งที่เวยหยวนหมิงรู้ โดยพื้นฐานแล้วล้วนรู้มาจากปากของอานอาน

นอกเหนือจากนี้ ยังเคยฟังหราวหยูหลินพูด......สรุปก็คือ เว่ยหยวนหมิงรู้เรื่องราวเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับลั่วเสี่ยวปิงบ้าง โดยไม่ตั้งใจ เว่ยหยวนหมิงก็นำมาปะติดปะต่อกัน จากนั้นก็อธิบายวิเคราะห์ให้คนในครอบครัวฟัง

ตอนแรกที่ทุกคนฟังรู้สึกแค่ว่าลั่วเสี่ยวปิงหญิงสาวคนนี้ช่างยากลำบากแล้วผ่านความลำบากได้เสพสุข เพราะว่าตอนนั้นยังไม่แน่ใจว่าลั่วเสี่ยวปิงก็คือคนที่พวกเขาหา เพราะฉะนั้นถึงแม้ใจมีความรู้สึก แต่ว่าก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น

วันนี้ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของลั่วเสี่ยวปิง แค่ครู่เดียว คนตระกูลเว่ยก็รู้ นั่นก็คือคนที่พวกเขาหา คนในครอบครัวของพวกเขา แบบที่ไม่มีวันดูผิดอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะ ตอนที่ได้ยินฉวี่ซื่อร้องไห้ลั่วเสี่ยวปิงลำบาก ความรู้สึกแบบนั้นก็ถึงที่สุด

จนกระทั่งผู้ชายในตระกูลเว่ยเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา หากพวกเขาไม่ไร้ปัญญาไม่หาคนเจอเร็วหน่อย คงไม่ต้องให้นางทนลำบากถึงขนาดนี้?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง