แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 459

ลั่วเสี่ยวปิงตามชายกลุ่มนั้นไป เดินอ้อมถนนสองสามสาย จนมาถึงบ้านที่ไม่เล็กไม่ใหญ่หลังหนึ่ง

ขณะเดินทางลั่วเสี่ยวปิงได้ทราบจากปากชายผู้นำหน้าคนนั้นที่ชื่อว่าสวีจี้เหว่ย เดิมทีพวกเขาเป็นพ่อค้า ในวันปกติก็มีกจะขึ้นเหนือล่องใต้อยู่เป็นประจำ

ครั้งนี้ที่ไปถึงเมืองหลินอาน ก็เพียงเพราะว่าสวีจี้เหว่ยและพี่น้องอีกสองสามคนได้พาภรรยาของตนเองกลับมาเยี่ยมบ้านพ่อแม่

ภรรยาของพวกเขาสองสามคนล้วนเป็นคนภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่เคยกลับมาบ้านพ่อแม่ ครั้งนี้ไปฉลองตรุษจีนที่บ้านแม่ยายที่อยู่ภาคเหนือ ฉะนั้นจึงได้พาครอบครัวมาด้วย

แต่เพราะพวกเขาเป็นพ่อค้า ฉะนั้นหลังจากจบเทศกาลตรุษจีน ขากลับจึงไม่ได้กลับไปโดยตรง แต่เดินๆ หยุดๆ นำสินค้าไปพลาง ขายสินค้าไปพลาง และยังพาภรรยาและลูกไปดูขนบธรรมเนียมประเพณีทุกที่อีกด้วย

และด้วยเหตุนี้ จากภาคตะวันตกเฉียงเหนือ จนมาถึงเมืองหลินอานที่อยู่ใกล้ชายแดนตะวันตก พวกเขาจึงใช้เวลาถึงหลายเดือน

เพราะทุกครั้งที่ไปสถานที่เล็กใหญ่ พวกเขาจะพักค้างอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง

หลังจากมาถึงเมืองหลินอานในครั้งนี้ พวกเขาก็พักค้างเหมือนตามเคย

แต่การพักค้างในครั้งนี้ไม่เหมือนกับแต่ก่อน เพราะบังเอิญคือ ภรรยาของสวีจี้เหว่ยและพี่น้องคนหนึ่งได้ตั้งครรภ์เมื่อช่วงที่ออกเดินทาง แต่เพราะไม่ได้ให้หมอตรวจ ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่รู้

พอรู้ตัวเข้า ก็ผ่านฉลองตรุษจีนไปแล้ว

นี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมระหว่างทางกลับเมืองหลวงถึงได้ช้าขนาดนี้

ชำเลืองมองผู้หญิงสองคนที่กำลังรอจะคลอดลูก บวกกับเมืองหลินอานมีสินค้าดีๆ ไม่น้อยที่ดึงดูดพวกเขา ต้องการที่จะนำกลับไปขายทางตอนใต้ ฉะนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจเช่าบ้านหลังหนึ่งที่เมืองหลินอาน รอให้ภรรยาสองคนคลอดบุตรและอยู่เดือนเสร็จไปพลาง และเลือกสินค้าดีๆ ไปพลาง

อย่างเช่น ทางตอนใต้ของพวกเขาไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดี ตลอดจนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางอย่างของหอเหมยเซียงแล้วก็ของจำพวกหม้อไฟ สิ่งเหล่านี้ทางด้านนั้นของพวกเขาล้วนไม่มีเลย และเป็นสิ่งของที่แปลกที่สุดนับตั้งแต่พวกเขาเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ จึงต้องการจะนำกลับไปทางตอนใต้ ทำการค้าเป็นคนแรก ซึ่งจะต้องขายดีอย่างแน่นอน

เพียงแต่ เพิ่งจะเลือกบ้านได้ คนก็เพิ่งจะจัดการที่พักเรียบร้อย กระทั่งยังไม่ทันได้ไถ่ถามถึงที่มาของสิ่งของเหล่านั้นเลย ก็ต้องพบกับการปิดเมืองเสียแล้ว

โชคดีที่พวกเขาเป็นพ่อค้าเคลื่อนที่ ปกติก็จะมีนิสัยเก็บสำรองเสบียงและข้าวของเครื่องใช้ทุกชนิดอยู่แล้ว ฉะนั้นถึงแม้จะปิดเมือง พวกเขาจึงไม่ถึงกับลำบากยากแค้นมากนัก

แต่ในเวลานี้ มีเด็กสองสามคนในกลุ่มพ่อค้าเดินทาง ที่อาเจียนและถ่ายท้อง และกินอะไรไม่ได้เลย

ขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในสภาพอึดอัดใจ แต่ภรรยาสองคนที่รอคลอดก็มีการเคลื่อนไหวทั้งก่อนและหลัง

เริ่มแรกนั้น เจ็บปวดอยู่สองวันสองคืน ถุงน้ำคร่ำก็แตกแล้ว แต่ไม่ได้ต้องการที่จะคลอดบุตรแม้แต่น้อย

ส่วนอีกคนหนึ่ง ก็เจ็บปวดทั้งวันทั้งคืน

เพราะรู้ว่าจะคลอดได้ทุกเมื่อ ฉะนั้นพวกเขาจึงได้เชิญหมอตำแยมา แต่หมอตำแยไม่ได้อยู่ด้วยกันกับพวกเขา เป็นคนท้องถิ่นของเมืองหลินอาน อยู่ทางถนนฝั่งตรงข้าม

เดิมทีได้ฝ่าความเสี่ยงไปหาหมอตำแยแล้ว แต่พอดีว่าหมอตำแยผู้นั้นติดเชื้อโรคระบาด หายใจแขม่วๆ ยากที่จะรักษาตนเองเอาไว้ได้ แล้วจะสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างไรกัน?

โดยธรรมชาติแล้วผู้หญิงคนอื่นๆ ในบรรดาพ่อค้าก็มีประสบการณ์ในการคลอดบุตร และสามารถช่วยเหลือได้ แต่ผู้หญิงทั้งสองนี้มีสภาวะตำแหน่งของทารกในครรภ์ที่ผิดปกติ

ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาที่จัดการได้ยากก็คือ มีเด็กหลายคนในจำนวนนั้นที่อาเจียนและท้องร่วง คาดไม่ถึงว่ายังมีสีหน้าที่ซีดเซียว เบ้าตาจมลึก สลบไม่ได้สติ และอาการของเด็กคนอื่นๆ ก็ไม่สู้ดีนัก

ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักนี้ ผู้ชายหลายคนจึงเดินไปตามถนนเพื่อตามหาหมอโดยไม่คำนึงถึงอันตรายแม้แต่น้อย

เพียงแต่ เมืองหลินอานในตอนนี้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่หมอไม่พอใช้ อยู่ในสถานการณ์ที่คนป่วยมากหมอน้อย แล้วพวกเขาจะไปหาหมอจากที่ไหนได้อีกเล่า?

เป็นการยากที่จะได้เห็นหมออาวุโสสะพายกระเป๋ายาสักคนหนึ่ง แต่ชายร่างกายแข็งแรงกำยำคนนั้นที่ตามมาข้างๆ เขา ทำให้พวกเขาหวาดกลัว

ขณะที่กำลังปรึกษากันว่าจะเสี่ยงเข้าไปชิงตัวหมอมาจากมือของชายร่างสูงใหญ่คนนั้นดีไหม ทันใดพวกเขาก็ได้ยินหมอคนนั้นเรียกหมอลั่วลั่วเสี่ยวปิง

เมื่อเทียบกับหมอผู้ชายคนหนึ่งที่ข้างกายยังมีผู้ช่วยที่ร่างกายแข็งแรงกำยำตามมาด้วยแล้ว พวกเขาก็คิดว่าไปหาลั่วเสี่ยวปิงจะเหมาะสมกว่า

แน่นอนว่า จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่า อันที่จริงแล้วกำลังของลั่วเสี่ยวปิงและไป๋เสาก็มีไม่น้อยเลย

เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไร ในที่สุดพวกเขาก็เชิญหมอมาจนได้

พอลั่วเสี่ยวปิงและไป๋เสามาถึงในบ้านของสวีจี้เหว่ยและคนอื่นๆ อันดับแรกก็คือได้ยินเสียงร้องไห้ดังออกมาเป็นระยะ

ได้ยินเสียงร้องไห้ สวีจี้เหว่ยและผู้ชายอีกสองสามคนก็ไม่มีเวลาดูแลลั่วเสี่ยวปิงและไป๋เสา และรีบวิ่งเข้าไปทางเสียงร้องไห้

ลั่วเสี่ยวปิงและไป๋เสาได้ยินเสียงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเพิ่มความเร็วฝีเท้า

เพื่อความแม่นยำ ลั่วเสี่ยวปิงก็เร่งฝีเท้าด้วยสัญชาตญาณความเป็นหมอ และไป๋เสาก็ติดตามไปอย่างใกล้ชิด

หลังจากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงและไป๋เสาก็มาถึงในห้องห้องหนึ่ง

ภายในห้องรายล้อมไปด้วยคนจำนวนไม่น้อย

ภายในห้องนี้มีเตียงหลายเตียง แต่เวลานี้มีเพียงเตียงเดียวที่มีเด็กคนหนึ่งนอนอยู่ สถานการณ์ของเด็กคนนั้นแย่อย่างมาก

เพียงแค่เห็น ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้ว่า เด็กคนนี้น่าจะถ่ายท้องจนสูญเสียน้ำ และอันตรายร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต

คนจำนวนมากต่างก็รู้ดีว่าท้องร่วงเป็นเรื่องหนึ่งที่ทุกข์ทรมานอย่างมาก แล้วก็เป็นอันตรายอย่างมาก แต่คนจำนวนน้อยมากที่รู้ว่า สิ่งที่อันตรายที่สุดของการท้องร่วงอันที่จริงแล้วก็คือการสูญเสียน้ำ

ท้องร่วงไม่น่ากลัว การสูญเสียน้ำจึงจะน่ากลัวที่สุด ซึ่งสามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้

และเด็กคนนี้ เห็นเพียงว่าอายุห้าหกขวบ แล้วได้ถ่ายท้องจนสูญเสียน้ำไปแล้ว

ดูจากสีหน้าการแสดงออกของทุกคนในบ้านแล้ว น่าจะเป็นเด็กคนนั้น.....

หัวใจของลั่วเสี่ยวปิงตึงเครียด แต่ด้วยความรู้ความสามารถของหมอ ลั่วเสี่ยวปิงก็ยังเดินเข้าไป

ก่อนอื่นลั่วเสี่ยวปิงก็ได้ลูบคลำผิวหนังของเด็ก ซึ่งไม่มีความยืดหยุ่นเลย จึงนำมือไปจับชีพจรของเด็ก จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น

"ทำไมพวกเจ้าไม่ป้อนน้ำให้เขา?" ลั่วเสี่ยวปิงถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

ที่เด็กหมดสติไปเพราะว่าสูญเสียน้ำ ชีพจรเบาอ่อนแรง จนใกล้เสียชีวิต

"พอป้อนน้ำให้เขาเขาก็อาเจียนออก ฉะนั้นพวกเราจึงไม่ป้อนน้ำให้เขาแล้ว" มีผู้หญิงคนหนึ่งถึงแม้จะไม่รู้ว่าลั่วเสี่ยวปิงเป็นใคร แต่เมื่อเห็นการกระทำจับชีพจรของลั่วเสี่ยวปิงแล้ว ก็รู้ได้ว่าลั่วเสี่ยวปิงคือหมอที่สวีจี้เหว่ยและคนอื่นๆ เชิญกลับมาจากข้างนอก จึงเอ่ยปากอย่างอ่อนน้อม

และคนข้างๆ ก็คาดว่าน่าจะเป็นแม่ของเขา ที่สลบไปเพราะเสียใจอย่างมาก และถูกคนประคองเอาไว้

ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่มีเวลาอธิบายปัญหาการสูญเสียน้ำกับพวกเขา และดึงขวดหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อโดยตรง ซึ่งด้านในบรรจุน้ำแร่วิญญาณเอาไว้

หลังจากใช้วิธีรินให้เด็กดื่มแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงจึงกำชับสั่งว่า "รินน้ำเกลือให้เขาดื่มด้วยนะ"

พูดจบ ก็กล่าวเสริมอีกว่า "ถึงแม้อาเจียนก็จำเป็นต้องรินให้ดื่ม"

พูดพลาง กล่าวขึ้นอีกว่า: "ส่วนเด็กคนอื่นๆ ที่ท้องร่วง ก็ให้ดื่มน้ำเกลือทั้งหมด หลังจากดื่มน้ำเกลือเพียงพอแล้ว พวกเจ้าก็ให้คนสองสามคนคั่วเมล็ดข้าวจนเป็นสีเหลืองทอง จากนั้นก็นำไปต้มให้พวกเขาดื่ม"

พูดจบ ลั่วเสี่ยวฟิงก็หันไปทางสวีจี้เหว่ย กล่าวด้วยเสียงที่รวดเร็วและดุดันว่า "หญิงตั้งครรภ์อยู่ที่ไหนหรือ?"

เด็กที่ท้องร่วง เพียงแค่รักษาน้ำให้เพียงพอ ไม่ว่าจะถ่ายท้องอย่างไรก็ไม่เป็นอะไร แต่หญิงตั้งครรภ์ไม่เหมือนกัน

ถ้าหากไม่รักษาให้ทันเวลา อาจจะทำให้เสียชีวิตทั่งคู่

สวีจี้เหว่ยถูกเสียงที่รวดเร็วและดุดันของลั่วเสี่ยวปิงทำให้ได้สติกลับมา จึงนึกขึ้นได้ว่า ยังมีหญิงตั้งครรภ์สองคนที่อยู่ในสภาวะอันตราย ด้วยเหตุนี้จึงกล่างด้วบสีหน้ารีบร้อนว่า "ตามข้ามา"

หนึ่งในนั้นที่อันตรายที่สุดก็คือภรรยาของเขา

เท้าของสวีจี้เหว่ยอ่อนแรงเล็กน้อย แต่ก็ต้องอดทนและพาลั่วเสี่ยวปิงไปยังห้องที่อยู่ข้างๆ

เพียงแค่มาถึงห้องข้างๆ เมื่อได้เห็นสภาพภายในห้อง สีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงก็จมดิ่งลงทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง