เมื่อเหตุการณ์นี้กำลังจะควบคุมไม่ได้ ฉับพลันก็มีเสียงล้อรถดังมาจากไกลๆ
ในตอนแรกเสียงล้อรถถูกเสียงของประชาชนกลบหมด แต่เมื่อขบวนรถเข้ามาใกล้ ไม่ว่าเหตุการณ์จะจ้อกแจ้กจอแจแค่ไหน ขบวนรถนั้นก็ยังคงถูกให้ความสนใจ
ขบวนรถไม่ค่อยราบรื่น มีเกวียนวัว มีเกวียนล่อ มีเกวียนลา และมีเกวียนม้าด้วย
มีรถเกวียนที่ใช้สำหรับคนนั่ง และมีรถเกวียนที่ใช้บรรทุกสินค้า ยังมีรถเกวียนทั่วๆ ไป รถเกวียนบางคันมีตู้โดยสารที่งดงาม กระทั่งมีรถเกวียนที่เป็นล้อหักๆ สองล้อและประกอบด้วยไม้กระดานขึ้นไม่กี่แผ่น
อย่างไรก็ตามรถเกวียนเหล่านี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน ก็คือบนรถเต็มไปด้วยกระสอบ ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในกระสอบ แต่ในเวลานี้ ขบวนรถที่ยาวและเต็มไปด้วยสิ่งของแปลกๆ เช่นนี้ กลับได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขบวนรถเหล่านี้ยังถูกคุ้มกันมาด้วยมือปราบ
"ดูสิ นั่นคือท่านกัว เขาไม่ได้ออกไปนอกเมืองจริงๆ ด้วย" ในเวลานี้ ประชาชนที่สายตาแหลมคมมองเห็นภาพเงาของกัวหงหยางในขบวนรถ ก็ตะโกนออกมาเสียงดัง
ทันทีที่คนคนนี้จะโกน ประชาชนคนอื่นๆ ก็มองไปที่กัวหงหยาง
ไม่นาน ขบวนรถก็หยุดอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าหยาเหมิน
กัวหงหยางมองเห็นคนจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่หน้าหยาเหมิน สีหน้าของเขาก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก
ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้ไม่ใช่เวลาปกติ คนมารวมตัวกันจำนวนมากเช่นนี้ มันจะเร่งการแพร่กระจายของโรคระบาดได้ ซึ่งไม่เอื้อต่อการป้องกันการแพร่ระบาดเลย
แต่ในฐานะที่เป็นขุนนางมาหลายปี กัวหงหยางจึงไม่อาจมองข้ามจุดประสงค์ของประชาชนเหล่านี้ได้ ฉะนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าจากด้านหลังขบวนรถ
"เหตุใดทุกๆ คนจึงมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ล่ะ?" กัวหงหยางเอ่ยถาม
เพราะปกติแล้วกัวหงหยางเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์สุจริต ฉะนั้นประชาชนจึงประทับใจเขาอย่างมาก ต่อให้การปิดเมืองของเขาในครั้งนี้จะทำให้ประชาชนไม่พอใจเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของเขาในใจประชาชนไม่ได้
เมื่อได้ยินคำเอ่ยถามของกัวหงหยาง ก็มีประชาชนเดินออกมา "นายท่าน เราได้ยินมาว่าโกดังสมุนไพรถูกเผาทำลายหมดแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่?"
กัวหงหยางได้ยินเช่นนี้ ก็มีสีหน้าหนักใจ : "ใช่......เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของข้า......"
"นายท่าน ในเมื่อในเมืองไม่มียาแล้ว เช่นนั้นท่านต้องการให้เราตายกันอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่?" ไม่รอให้กัวหงหยางพูดจบ ก็มีประชาชนตะโกนขึ้นมาอย่างแตกตื่น
จากนั้น พวกประชาชนก็ฮึกเหิมกันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง "ใช่แล้วนายท่าน เราไม่อยากตายนะ ท่านเปิดประตูเมืองเถอะ ปล่อยให้เรามีหนทางที่จะเอาชีวิตรอดด้วยเถอะ!"
"ได้ยินมาว่าในเมืองไม่มีอาหารแล้ว เป็นอย่างนี้ต่อไป เราคงต้องตายกันหมด......"
“……”
เหตุการณ์นี้ วุ่นวายขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
กัวหงหยางจึงตะโกนเสียงดังให้ทุกๆ คนอยู่ในความเงียบสงบ แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ประชาชนต่างแตกตื่นกันเหลือเกิน
ลั่วเสี่ยวปิงเห็นสภาพเหตุการณ์นี้ จึงขยิบตาให้ไป๋เสา
ไป๋เสาเข้าใจแล้ว จึงพูดขึ้นว่า : "พวกเจ้าเงียบๆ กันก่อน แล้วฟังที่นายท่านพูด"
น้ำเสียงของไป๋เสาผสมกับกำลังภายใน ไม่ได้ดังมาก แต่ยังคงเข้าถึงหูของทุกๆ คน
ได้ยินเสียงนี้ อารมณ์ของทุกๆ คนสงบลงเล็กน้อย หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เหตุการณ์ก็กลับมาสงบดังเดิม
กัวหงหยางเหลือบมองกลุ่มฝูงชน และเหลือบมองลั่วเสี่ยวปิงอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นจึงมองไปยังประชาชน "สำหรับสิ่งที่พวกเจ้าพูดมา พวกเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลใจไป"
เมื่อกล่าวจบ ก็ชี้ไปที่ขบวนรถด้านหลังของตนเอง "ในรถเหล่านั้นเต็มไปด้วยเสบียงอาหารและสมุนไพร เพียงพอที่จะให้ทุกคนอยู่ได้ไปหลายวัน"
ได้ยินว่ามีเสบียงอาหารอยู่ในรถม้าแต่ละคัน แววตาของทุกๆ คนก็เกือบจะโกรธจนตาเขียว
เสบียงอาหาร พวกเขาขาดแคลนอย่างมาก
ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นกับอดตาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้กินอิ่มท้องมานานแล้วจริงๆ
"เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งของเหล่านั้นของท่านเป็นเสบียงอาหารจริงๆ? ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าจะมีเสบียงอาหารค้ำจุนเราไปอีกสองสามวัน โรคระบาดอีกกี่วันจึงจะดีขึ้นล่ะ? นายท่านนำเรามาขังอยู่ในเมืองด้วยกันกับคนป่วย นี่คือต้องการฝังเราไปด้วยกันกับพวกเขาเลยสินะ"
ได้ยินเช่นนี้ กัวหงหยางจึงให้คนสุ่มกระสอบขึ้นมา แล้วให้ทุกๆ คนมองดูข้าวด้านในนั้น
จากนั้น ก็ให้ดูยาสมุนไพร
แต่ถึงกระนั้นแล้ว ก็ยังมีคนกังวลใจว่าโรคระบาดจะสามารถรักษาหายขาดไหม
เวลานี้ ลั่วเสี่ยวปิงกับซุนมู่หยางได้เดินมาที่กัวหงหยาง.
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...