แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 49

สรุปบท บทที่ 49 ผู้หญิงคนนั้นใจดำยิ่งนัก: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง

สรุปเนื้อหา บทที่ 49 ผู้หญิงคนนั้นใจดำยิ่งนัก – แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง โดย สือเยว่วีอัน

บท บทที่ 49 ผู้หญิงคนนั้นใจดำยิ่งนัก ของ แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย สือเยว่วีอัน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ในเวลานี้ ฉีเทียนเห้ายังคงนอนอยู่บนเตียง แต่เขากลับลืมตาขึ้นมาแล้ว

เดิมทีฉีเทียนเห้า ยังคงมองดูหลังคาที่ผุพังและทรุดโทรมอยู่ แต่เมื่อเขาเห็น ลั่วเสี่ยวปิงเข้ามา สายตาของเขาก็ตกลงไปอยู่บนตัวลั่วเสี่ยวปิงแล้ว

สายตาแบบนั้นเป็นอย่างไร?

ลั่วเสี่ยวปิงไม่สามารถใช้คำพูดที่ดีมากมาบรรยายได้ นางรู้สึกเพียงว่าดวงตาคู่นั้น ราวกับหมาป่าที่เดียวดายเป็นอย่างมาก เย็นชาเหมือนน้ำแข็ง โอหังถือดีและมีการฆ่าฟันที่ไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ด้วย ซึ่งทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ลั่วเสี่ยวปิงได้รับข้อสรุปนี้อีกครั้ง

ฉีเทียนเห้าเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ตอนแรกเขายังไม่รู้ตัวว่าเขาอยู่ที่ไหน จนกระทั่งเขาเห็นลั่วเสี่ยวปิงเขาจึงนึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และความเย็นชาที่อยู่ในดวงตาของเขาก็หายไป แล้วเขาก็เอาแต่มองไปที่ ลั่วเสี่ยวปิงอย่างสงบเยือกเย็น

หญิงสาวชาวบ้านที่หน้าตาเสียโฉมและดูมีรูปร่างผอมบางมาก ผอมจนลมพัดมาก็สามารถล้มลงได้อย่างไรอย่างนั้น นอกจากประกายแสงที่แวววาวแตกต่างจากคนทั่วไปที่มีอยู่ในสายตานั้นแล้ว เขาก็มองสิ่งผิดปกติอย่างอื่นไม่ออกเลยจริงๆ

ถึงขนาดที่ว่าเขาไม่สามารถเอาผู้หญิงที่อัปลักษณ์ที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้มาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันกับผู้หญิงที่กล้าหาญบนภูเขาผู้นั้นได้เลย

ด้วยเหตุนี้เอง ฉีเทียนเห้าจึงเอาแต่สังเกตมองลั่วเสี่ยวปิงและไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเลย

หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่งลั่วเสี่ยวปิงก็สงบลงมาอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา และกล่าวทักทายเขาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “เจ้าฟื้นแล้ว”

นางยังนึกว่าเขาได้รับผลกระทบจากยาพิษคงไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆเสียอีก

เมื่อฉีเทียนเห้าได้ยินเสียงนี้ของลั่วเสี่ยวปิงเขาก็มั่นใจอย่างยิ่งแล้วว่า ลั่วเสี่ยวปิงก็คือผู้หญิงบนภูเขาคนนั้นอย่างแน่นอน ดวงตาคู่หนึ่งของเขาก็เปลี่ยนเป็นดวงตาที่คมกริบขึ้นมาในทันที

ในเวลานั้นเองลั่วเสี่ยวปิงก็ได้ค้นพบเส้นสนกลในในตัวของฉีเทียนเห้า ดังนั้นนางจึงไม่เกรงกลัวเมื่อเผชิญกับดวงตาเย็นชาที่คมกริบคู่นี้เลยแม้แต่นิดเดียว

นางจึงเดินไปที่ข้างเตียงอย่างนิ่งเฉย แล้วเอื้อมมือออกไปตรวจชีพจรให้ฉีเทียนเห้า

“พิษในร่างกายของเจ้าน่ะ ข้าถอนได้” ลั่วเสี่ยวปิงสบสายตาเย็นชาที่คมกริบนั้นของฉีเทียนเห้าอย่างสงบ แล้วพูดอย่างใจเย็น

ผู้ชายที่ขยับตัวไม่ได้คนหนึ่ง ต่อให้สายตาจะน่ากลัวแค่ไหน ในสายตาของนางเขาก็เป็นแค่คนที่เป็นดั่งเสือกระดาษคนหนึ่งเท่านั้น

พอฉีเทียนเห้าได้ยินคำพูดของ ลั่วเสี่ยวปิงในดวงตาของเขาก็มีความระแวดระวังปรากฏขึ้นมา

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงเห็นดังนั้นก็หยิบจี้หยกที่ฉีเทียนเห้ามอบให้ออกมา และเมื่อฉีเทียนเห้าได้เห็นจี้หยกนั้น รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงเล็กน้อย

ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาของฉีเทียนเห้าเลย นางแค่พูดกับฉีเทียนเห้าไปว่า “ข้าช่วยชีวิตเจ้าเพียงเพื่อเงินเท่านั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องระแวงข้าหรอก ในเมื่อจี้หยกนี้เป็นสิ่งที่เจ้ามีไว้ให้คู่หมั้นของเจ้า แน่นอนว่าข้าจะไม่เก็บมันไว้หรอก ก็อย่างที่เจ้าเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้นั่นแหล่ะ หลังจากที่เจ้าหายดีแล้ว ก็ให้เอาเงินมาไถ่จี้หยกกลับไปก็พอแล้ว”

ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็ได้ครุ่นคิดไปมาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “แน่นอนว่าราคาของที่ข้าเสนอไปนี้ค่อนข้างสูง หากอยากจะไถ่จี้หยกคืน อย่างน้อยต้องมีเงินสักหนึ่งพันตำลึง เจ้าเห็นด้วยหรือไม่?”

ฉีเทียนเห้า “......” ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้จักสินค้าเอาซะเลย

จี้หยกนี้ของเขามีมูลค่ากว่าพันตำลึงเชียวหรือ?

ฉีเทียนเห้าขยับริมฝีปากล่างขยุกขยิกไปมา ในขณะที่กำลังจ้องมองไปที่ลั่วเสี่ยวปิง เขาก็ถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจเล็กน้อยว่า “เจ้าสามารถแก้พิษให้ข้าได้จริงๆหรือ?”

“ไม่มีพิษใดที่ข้าจะแก้ไม่ได้หรอก” ลั่วเสี่ยวปิงเชิดคางขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ภาคภูมิใจ

ในขณะที่ฉีเทียนเห้ากำลังมองไปที่ ลั่วเสี่ยวปิงซึ่งมีท่าทางมั่นใจในตนเองและหยิ่งยโสอยู่นั้น เขาก็รู้สึกไว้วางใจขึ้นมาบ้างแล้วอย่างอธิบายไม่ได้

แน่นอนว่า เขาไม่ได้ไว้วางใจนางอย่างสมบูรณ์ ถึงอย่างไรพิษที่อยู่ในร่างกายของเขาอยู่กับเขามานานเกินไป แม้แต่หมอเทวดามู่หยางก็ทำได้เพียงยังยั้งเอาไว้เท่านั้นแต่ไม่สามารถขจัดออกไปได้หมด

ถ้าครั้งนี้เขาไม่ได้ประสบกับการถูกคนลอบทำร้าย แล้วโดนวางยาพิษชนิดใหม่ เขาก็คงไม่ต้องตกที่นั่งลำบากเช่นนี้

แต่ทว่า ในเมื่อฉีเทียนเห้ายังมีความไว้วางใจนางอยู่บ้าง เขาก็สามารถลองไว้ใจนางได้อยู่แล้ว เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนประเภทที่ไม่กล้าลองจนหัวหดแบบนั้นเช่นกัน

ดังนั้น พวกเขาทั้งสองคนจึงตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว

ทว่าลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้แก้พิษให้ฉีเทียนเห้าในทันที แต่นางจะไปทำอาหารก่อน

ในมุมมองของลั่วเสี่ยวปิงคิดว่า อย่างไรเสียฉีเทียนเห้าก็ไม่มีทางตายได้ในเวลาเพียงชั่วครู่ชั่วยามอยู่แล้ว แต่นางจะปล่อยให้ลูกทั้งสองคนอดอาหารเพราะเขาไม่ได้

ลั่วเสี่ยวปิงรีบรุดเข้าไปในครัวแล้วเร่งมือทำงาน โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าอานอานกับเล่อเล่อลูกสองคนของนางได้จูงมือกันเดินเข้าไปในห้องแล้ว

สิ่งที่ลั่วเสี่ยวปิงไม่รู้ก็คือ ตอนที่นางไม่อยู่บ้าน เด็กสองคนมักจะเข้ามาในห้องเพื่อดูว่าลุงที่นอนอยู่บนเตียงนั้นฟื้นขึ้นมาแล้วหรือยังอยู่บ่อยๆ

“ท่านแม่บอกว่า ท่านเป็นเพื่อนของท่านพ่อ ท่านต้องรู้อย่างแน่นอนว่าท่านพ่ออยู่ที่ไหน ถูกป่ะ?” เล่อเล่อจ้องมองฉีเทียนเห้าด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสา

ฉีเทียนเห้า “......” ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนวางกับดักเลยล่ะ?

ถึงแม้ว่าเขาจะเข้ากันกับเด็กๆได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ฉีเทียนเห้าก็ไม่อยากทำให้เด็กต้องรู้สึกเสียใจอย่างอธิบายไม่ถูก หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว เขาจึงพยักหน้าอย่างระมัดระวัง “อืม......”

คิดไม่ถึงว่าพอได้เห็นฉีเทียนเห้าพยักหน้า เล่อเล่อก็ทำสีหน้าที่มีดีอกดีใจขึ้นมา “แล้วท่านพ่อของข้าจะกลับมาเมื่อไหร่?”

ปัญหาวนกลับมาอีกแล้ว

ฉีเทียนเห้า รู้สึกปวดหัวอย่างอธิบายไม่ถูก เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าพ่อของนางจะกลับมาเมื่อไร

แต่ภายใต้การจ้องมองของสายตาที่ไร้เดียงสาคู่นั้น ฉีเทียนเห้า จำเป็นต้องโกหกขึ้นมาว่า “ข้าแยกกันกับพ่อของเจ้าแล้ว ถ้าเขารู้ว่าเจ้าคิดถึงเขามากขนาดนี้ เขาจะต้องกลับมาในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน”

“จริงหรือ?” เล่อเล่อพูดด้วยสีหน้าที่มีความหวัง

“อืม” ฉีเทียนเห้าพยักหน้า แต่การพูดโกหกทำให้การแสดงออกทางสีหน้าของเขาแข็งทื่อเล็กน้อย

แต่เล่อเล่อกำลังตกอยู่ในความสุขของตัวเองจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นเอะไรลย

“พี่ พี่ ได้ยินหรือเปล่า ไม่นานท่านพ่อก็จะกลับมาแล้ว” เล่อเล่อหันหน้าไปมองอานอานด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นดีใจ

อานอานถอนสายตากลับมาจากฉีเทียนเห้าแล้ว เขาไม่รู้ว่าทำไมในใจของเขาถึงมักจะรู้สึกว่ามันแปลกๆอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าแท้ที่จริงแล้วมันแปลกตรงไหนกันแน่นั้น เขาก็คิดไม่ออกเหมือนกัน ต่อให้เขาจะฉลาดแค่ไหนเขาก็เป็นแค่เด็กอายุไม่ถึงห้าขวบคนหนึ่งเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าน้องสาวของตัวเองมีความสุข อานอานก็พยักหน้าไปมา แล้วพูดว่า “อืม” อันที่จริง เขาไม่ได้ตั้งตารอพ่อที่ไม่มีรับผิดชอบคนนั้นเลย ไม่เลยสักนิด

แต่ทว่า ด้วยความที่เขากลัวว่าน้องสาวกับแม่จะเสียใจ เขาจึงไม่กล้าแสดงออกมา

“ฮัดชิ่ว”

ทันใดนั้นฉีเทียนเห้าก็จามเสียงดังขึ้นมา จนเด็กทั้งสองต้องมองมาทางเขาอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ ซึ่งมันทำให้เขาต้องแสดงสีหน้าที่แข็งทื่อและเก้อเขินออกมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง