แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 525

คนที่ตะโกนคำพูดนี้ออกมานั้น คือหูเหอไห่ที่เป็นบัณฑิตคลุมสำนักฮั่นหลิน

หูเหอไห่เป็นคนที่ชื่นชอบบทกลอนที่สุด ฝีมือการแต่งกลอนก็ค่อนข้างจะดี กลอนที่แต่งโดยนักเรียนทั่วไปก็ยากที่จะได้รับความเห็นด้วยจากเขา ก็อย่าพูดถึงผู้หญิงเลย

ดังนั้น หลังจากหูเหอไห่พูดออกมาแล้ว ข้างล่างก็วุ่นวายขึ้นมา บ้างก็เป็นสายตาที่ชื่นชมซ่งฉงปิง บ้างก็เป็นความอิจฉา

แต่ไม่ว่ายังไง ซ่งฉงปิงก็ได้เลื่อนขั้นในการแข่งขันครั้งนี้

แถมยังมีหลายคนรู้สึกว่า ถ้าการแต่งกลอนมีการจัดลำดับด้วย ซ่งฉงปิงเป็นที่หนึ่งแน่นอน เพราะเมื่อเทียบกับกลอนที่ฉูดฉาดของผู้หญิงคนอื่นแล้ว ของซ่งฉงปิงมีชีวิตชีวามากกว่า

การแข่งขันรอบที่สอง ทีมผู้หญิงแข่งกันยิงธนู

มีตัวอย่างของเมื่อกี้ เจียงหรูเยว่จึงเดินมาถึงข้างซ่งฉงปิง"อย่าบอกนะว่าเจ้ายิงธนูเป็นด้วย?"

สายตาที่เจียงหรูเยว่มองซ่งฉงปิงเต็มไปด้วยความระมัดระวัง

หากซ่งฉงปิงชนะการยิงธนูด้วย งั้นนาง......

คิดอยู่แบบนี้ เจียงหรูเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะกำมือไว้อย่างแน่น

ซ่งฉงปิงได้ยินเช่นนี้ก็มองธนูที่ทำมาจากไม้ แล้วพูดอย่างใจเย็น"ธนูแบบนี้ข้ายังไม่เคยจับเลย"

ชาติก่อน มี่นางเล่นนั้นล้วนเป็นธนูที่อยู่ในชมรมยิงธนู

เจียงหรูเยว่นึกว่าความหมายของซ่งฉงปิงคือนางไม่เคยยิงธนู ในที่สุดก็โล่งใจลง

นางว่าแล้ว เป็นแค่หญิงชนบทคนหนึ่งจะแต่งกลอนเป็นและยิงธนูเป็นด้วยอย่างไรได้?

เจียงหรูเยว่เป็นคนแรก ยิงได้ห้าคะแนน หกคะแนนและเจ็ดคะแนน ทั้งหมดสิบแปดคะแนน

จากนั้นคุณหนูคนอื่นก็เริ่มยิงธนู

มีคนไม่โดนเป้าเลย มีคนได้แค่สองสามคะแนน พอเทียบกันแบบนี้แล้วเจียงหรูเยว่ถือว่าคะแนนเยอะอยู่

ตอนที่มาถึงซ่งฉงปิง หลายคนล้วนตื่นเต้นมาก

เพราะเมื่อกี้ซ่งฉงปิงได้แต่งกลอนที่ดีออกมา ทุกคนก็เกรงว่าซ่งฉงปิงจะยิงธนูได้ดีเช่นกัน

ดีที่ดอกแรกซ่งฉงปิงก็ไม่โดนเป้า ทีแรกจะยิงได้หนึ่งคะแนน แต่แรงไม่พอก็เลยหล่นลงไป

"ข้ายังนึกว่านางเก่งมากเลย ไม่ได้สักคะแนนเลยนิ"เจียงหรูเยว่ประชด

"พวกเจ้าเห็นไหม มือที่ถือธนูอยู่ของนางยังสั่นอยู่เลย อย่าบอกนะว่าในชนบทไม่มีแม้กระทั่งธนูหรือ?"

"......"

ท่ามกลางเสียงหลากหลายอย่าง ซ่งฉงปิงได้เริ่มอีกครั้ง

ครั้งแรกนางรู้สึกว่าธนูมีความหนัก จึงเสียความสมดุลไป แต่ตอนนี้นางเกือบจะชินกับน้ำหนักของธนูแล้ว น่าจะไม่เป็นปัญหา

ดังนั้นท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะของทุกคน ซ่งฉงปิงก็ยิงออกไปดอกหนึ่ง

หกคะแนน!

คนที่หัวเราะเยาะซ่งฉงปิงล้วนหน้าแข็งขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าซ่งฉงปิงจะยิงได้หกคะแนน

ต้องรู้นะว่า ในบรรดาผู้หญิงในนี้ คนที่ฝีมือดีสุดก็แค่ได้แปดคะแนนเอง

"บังเอิญ บังเอิญแน่นอน"

"ใช่แล้ว คนที่จับธนูยังจับไม่แน่นเลย จะยิงได้หกคะแนนได้อย่างไร"

"นางโชคดีจริงๆ"

จากนั้นท่ามกลางเสียงแบบนี้ ซ่งฉงปิงยิงดอกที่สามของตัวเองออกไป

แปดคะแนน!

ครั้งนี้ไม่มีใครกล้าบอกว่าเป็นความบังเอิญแล้ว

"ฮ่าๆๆ แม่นางคนนี้มีพรสวรรค์"ขุนนางทหารคนหนึ่งหัวเราะคึกคักขึ้นมา

จากนั้นสีหน้าของผู้หญิงคนอื่นก็แย่ลง

เพราะพวกนางส่วนใหญ่คะแนนไม่เท่าซ่งฉงปิงเลย

ซ่งฉงปิงได้ทั้งหมดสิบสี่คะแนน เข้ารอบอีกครั้ง

รอถึงรอบที่สาม ฝั่งผู้หญิงก็เหลือแค่แปดคน

รอบนี้แข่งดนตรี

ซูซือฉีได้เลือกขิมโบราณ และดีดเพลง《หงส์ฟ้าหาคู่》ได้รับการชื่นชอบจากผู้คน

เจียงหรูเยว่ใช้พิณสี่สาย บรรเลงเพลงขั้นสูง ซึ่งก็ได้รับการชื่นชอบของผู้คนเช่นกัน

ต่อมามีคนใช้ทั้งกู่เจิง พิณสี่สายและขิมโบราณ แต่ล้วนไม่ได้เด่นมากนัก

มาถึงซ่งฉงปิง ซ่งฉงปิงเดินไปทางเครื่องดนตรีเหล่านั้นอย่างใจเย็น มองนานมากแต่ไม่ได้เลือกเลย

เจียงหรูเยว่เห็นเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะอ้าปากอีกครั้ง"คุณหนูรองซ่งคิดจะเลือกเครื่องดนตรีอะไร?ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ได้มานานเลย อย่าบอกนะว่าไม่เป็นสักอย่าง?"

ไม่เพียงแต่เจียงหรูเยว่คิดแบบนี้ กระทั่งซ่งหยุนดาและเว่ยหยุนซีก็คิดแบบนี้ด้วย

ถ้าพูดถึงแต่งกลอน ซ่งฉงปิงเคยอยู่กับนายท่านเว่ยช่วงหนึ่ง เคยเรียนหน่อยนึงก็ว่าได้

ส่วนยิงธนู คนชนบทยิงธนูเป็นก็ว่าได้เช่นกัน

แต่ยกเว้นเครื่องดนตรี ไม่ใช่ว่าเคยเห็นเคยจับก็เล่นได้ เครื่องดนตรีต้องอาศัยพรสวรรค์และความขยันฝึกฝนด้วย ไม่เคยฝึกอย่างเป็นทางการจะบรรเลงเพลงดีๆออกมาไม่ได้หรอก

และเห็นได้ชัดว่า สิ่งแวดล้อมที่ซ่งฉงปิงอยู่นั้นไม่มีโอกาสที่จะฝึกฝนเครื่องดนตรี ดังนั้นซ่งหยุนดาและเว่ยหยุนซีล้วนกลัวว่าซ่งฉงปิงจะแพ้

แต่หลังจากเป็นห่วงเสร็จ ซ่งหยุนดาและเว่ยหยุนซีสองคนล้วนรู้สึกว่า แม้ซ่งฉงปิงแพ้ก็ไม่เป็นไรมาก เดี๋ยวพวกเขาไปขอเจ้าของหอปิงอวี้ ให้เขาช่วยทำชุดพิเศษให้คุณหนูเหล่านั้นก็พอ แม้เสี่ยวปิงแพ้ก็เสียไม่มาก

ส่วนคนตระกูลเว่ย ถึงแม้ก็ตื่นเต้นมาก แต่เมื่อเทียบกับเว่ยหยุนซีและซ่งหยุนดาแล้ว คนตระกูลเว่ยมีความคาดหวังมากกว่า

เพราะคนตระกูลเว่ยจะรู้ความสามารถของซ่งฉงปิงมากหน่อย ดังนั้นตอนนี้พวกเขาล้วนคาดหวังมาก ต่อมาซ่งฉงปิงสร้างความปาฏิหาริย์อะไรอีก?

"สิ่งเหล่านี้ ข้าล้วนไม่เลือก"ซ่งฉงปิงมองสักครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างใจเย็น

ทุกคน : ไม่เป็นจริงๆด้วย

ตอนที่ทุกคนเพิ่งเกิดความคิดแบบนี้ ซ่งฉงปิงก็เดินมาถึงต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วเด็ดใบไม้ใบหนึ่ง

"หมู่บ้านของพวกข้าไม่มีเครื่องดนตรีอะไรเลย ทุกคนล้วนใช้ใบไม้เป่าเพลง ช้าใช้ใบไม้เป่าเพลงให้ทุกคนฟัง"ซ่งฉงปิงพูดอย่างใจเย็น

พอพูดคำพูดนี้ออกมา ก็มีคนสงสารซ่งฉงปิง

เป็นสตรีผู้มีตระกูล แต่กลับไปอยู่ที่ชนบท

แถมยังมีคนดูถูกประชดซ่งฉงปิง รู้สึกว่าซ่งฉงปิงบ้านนอกเกินไป

เพราะที่นี่เป็นพระราชวัง คนที่มาจากชนบทมีความสามารถอะไรที่แสดงให้เห็นได้?

หลายคนที่รู้สึกว่าตัวเองสูงส่งนั้น ยังรู้สึกว่าต่อมาซ่งฉงปิงจะรำคาญหูของพวกเขาด้วย

จนกระทั่ง ทำนองเพลงที่ไพเราะค่อยๆส่งออกมาจากใบไม้ในมือของซ่งฉงปิง เร็วบ้างช้าบ้าง เสียงสูงบ้างเสียงต่ำบ้าง ไพเราะน่าฟังมาก ไม่มีความบ้านนอกสักนิดเลย ถ้าไม่ใช่ว่าเห็นกับตา คนในนี้ยังนึกว่าซ่งฉงปิงใช้เครื่องดนตรีแปลกใหม่อะไรเลย

ทันใดนั้น ทุกคนล้วนหลงไหลในเพลงที่ซ่งฉงปิงเป่าออกมา ฟื้นสติกลับมาไม่ได้

แถมยังมีคนนึกถึงอดีต นึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่ถูกลืมไป เพราะเพลงของซ่งฉงปิง

เหมือนกับว่าเพลงของซ่งฉงปิง สามารถทำให้คนนึกถึงเรื่องอดีต สัมผัสกับความสุขแต่เดิม บางคนที่มีอารมณ์คล้อยตามง่าย ยังอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมา

พอจบสิ้นเพลงๆหนึ่ง ยังมีหลายคนหลงใหลในนั้น ฟื้นสติกลับมาไม่ได้

สถานการณ์เงียบขรึมไปเลย

"ปังๆ"

ในเวลานี้ เสียงปรบมือส่งมา

คือซ่งหยุนดา

ซ่งหยุนดาตื่นเต้นมาก

ลูกสาวของตัวเองเก่งที่สุดแล้ว ใช้ใบไม้ใบหนึ่งยังสามารถเป่าเพลงที่ทำให้คนหลงใหลออกมาได้ เป็นการสร้างสิ่งธรรมดาให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์

และเสียงปรบมือของซ่งหยุนดาก็ทำให้คนที่จมอยู่ในความทรงจำนั้นฟื้นสติกลับมา

คนเหล่านั้น มีทั้งคนที่ชอบซ่งฉงปิง และคนที่ไม่ชอบซ่งฉงปิงด้วย ทันใดนั้นสายตาที่ทุกคนมองซ่งฉงปิงเต็มไปด้วยความซับซ้อน

ในเวลานี้ ทุกคนล้วนรู้ว่า ไม่ว่าซ่งฉงปิงจะมาจากชนบท หรือเติบโตในเมืองหลวง ล้วนไม่ใช่คนง่ายๆ

อย่างที่คิด ซ่งฉงปิงเป็นจุดเด่นอีกแล้ว

เดิมทีทีมผู้ชายเข้ารอบสามคน ทีมผู้หญิงก็ควรที่จะเข้ารอบสามคน แต่ฮ่องเต้ซ่งหยุนจางบอกว่า ซ่งฉงปิงเด่นเกินไป หญิงคนอื่นล้วนสู้ไม่ได้ เลยตัดสินให้ซ่งฉงปิงเข้ารอบคนเดียว

แต่คำพูดของฮ่องเต้ไม่เพียงแต่ทำให้ซ่งฉงปิงกลายเป็นศัตรูของทุกคน ยังทำให้ซ่งฉงปิงต้องแข่งกับผู้ชายยอดเยี่ยมสามคน

มีคนดีใจก็ต้องมีคนเศร้า แต่ซ่งฉงปิงเพียงมองฮ่องเต้ซ่งหยุนจางทีหนึ่ง ก็กราบขอบพระทัยด้วยความใจเย็น

ส่วนซ่งหยุนดา แม้จะรู้ว่าซ่งหยุนจางไม่หวังดีเลย แต่กลับทำอะไรไม่ได้ มีแต่ต้องกำหมัดไว้อย่างแน่น ก้มหน้าลง ไม่รู้คิดอะไรอยู่......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง