“คือพิษหงอนกระเรียนแดง” สวีเจี๋ยพูดอย่างมั่นใจที่สุด “ในท้องเขา มีพิษหงอนกระเรียนแดงและหญ้าไส้ขาด”
พิษหงอนกระเรียนแดง เป็นเพียงยาพิษธรรมดา ค่อนข้างถูก และหาซื้อได้ง่าย
คนๆหนึ่งมีพิษหงอนกระเรียนแดงและหญ้าไส้ขาดในกระเพาะ เศษซากในปากกลับมีหญ้าไส้ขาดเหลืออยู่ นี่อธิบายว่าอะไร?
อย่างน้อย สามารถอธิบายได้ว่า ก่อนหญ้าไส้ขาด คนๆนี้ก็กินพิษหงอนกระเรียนแดงไปแล้ว
ถึงแม้พิษหงอนกระเรียนแดงจะพิษร้ายแรง แต่ว่าก็ไม่เห็นผลในทันที
ส่วนหญ้าไส้ขาด ก็จะเกิดอาการได้เร็วกว่า
แต่ จุดนี้ ก็เพียงพอที่จะอธิบายได้ว่า ผู้ตาย อาจจะไม่ใช่เพราะว่าหญ้าไส้ขาดเลยแม้แต่น้อย หรือพูดได้ว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะตายเพราะอาหารของหอหยุนเซียง
เพราะว่าไม่มีคนก่อนไปกินอาหารที่ร้านอาหาร จะกินยาพิษเข้าไปพอดี หลังจากกินยาพิษแล้ว ก็บังเอิญถูกวางยาอีก
ยกเว้น คนนั้นถูกเทพแห่งความซวยเข้าสิง มิเช่นนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะบังเอิญเช่นนี้?
ผลลัพธ์เช่นนี้ แม้แต่ชาวบ้านไร้สมองที่มุงดูอยู่ก็สามารถตัดสินได้ว่าในนั้นมีความผิดปกติ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลางซิงเหอ
ดังนั้น หลางซิงเหอไม่พูดอะไรสักคำ ก็ตะโกนไปท่ามกลางฝูงชน “เข้ามา”
จากนั้น ทุกคนก็เห็น ชายชุดเขียวหลายคนเดินออกมาจากตรอกที่อยู่ด้านหลังฝูงชน
คนที่ใช้ชีวิตในเมืองหลวงเป็นเวลานานต่างก็รู้ คนเหล่านี้เป็นองครักษ์ติดตามหลางซิงเหอ เวลาปกติที่หลางซิงเหอสืบคดี ล้วนมีเงาของคนพวกนี้
เขาเหล่านี้ เป็นผู้ช่วยของหลางซิงเหอ ถึงแม้จะไม่ใช่มือปราบในหยาเหมิน แต่ว่าอยู่ข้างกายหลางซิงเหอ แต่ก็เสมือนทำงานอย่างมือปราบ
มองเห็นคนเหล่านี้ ทุกคนก็รู้แล้ว หลางซิงเหอจะจับคนแล้ว
ส่วนผู้หญิง เห็นได้ชัดว่าเป็นคนเมืองหลวงเช่นกัน เมื่อเห็นคนพวกนั้น ในสายตากระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด
เพียงแค่ ขณะนี้นางยังคงถูกไป๋เสาจับไว้ อยากขัดขืนให้หลุดก็ไม่ได้ ทันใดนั้นก็ฉุนเฉียวขึ้นมาบ้าง
ส่วนคนพวกนี้เข้ามา หลางซิงเหอก็ออกคำสั่ง “จับผู้หญิงคนนี้ไว้ พากลับกรมราชทัณฑ์สืบสวน”
ผู้หญิงฟังแล้ว ก็เพราะว่ารีบร้อนจึงพูดอย่างไม่ยั้งคิด “พวกท่านนี่มันขุนนางปกป้องขุนนาง พวกท่านทำให้สามีข้าตายแล้วยังมาจับข้า นี่มันเหตุผลอะไร? นี่มันไม่มีเหตุผล”
ผู้หญิงในเวลานี้ คำพูดมีเรี่ยวแรงมากกว่าก่อนหน้านี้ขึ้นเยอะ
สามีตายแล้ว นางยังมีเรี่ยวแรงเต็มที่ นี่มันก็ไม่ปกติ
อย่างไรเสีย สภาพก่อนหน้านี้ที่ผู้หญิงดูอ่อนแรงเพราะความร้อนรนเพราะความเสียใจ ถึงควรจะเป็นสภาพของญาติผู้เสียชีวิต
มิหนำซ้ำ ขุนนางปกป้องกันเอง
ทุกคนคิดไปแล้ว นิสัยของหลางซิงเหอ
เมื่อก่อน หลางซิงเหอยังเป็นชายหนุ่มอายุน้อยคนหนึ่ง ตอนที่ยังไม่มีชื่อเสียง เคยเกิดคดีความเรื่องหนึ่ง
ว่ากันว่า มีขุนนางปกป้องกันเอง รังเจ้าชาวบ้านของผู้ใหญ่บ้านรอบข้างเมืองหลวง ทำให้ชาวบ้านพวกนั้นไร้ที่ร้องเรียน
คือหลางซิงเหอ เขาไม่เกรงกลัวความสัมพันธ์อันวุ่นวายเหล่านั้น ลากตัวขุนนางเหล่านั้นออกมากทีละคน
สุดท้ายฮ่องเต้เตรียมจะให้เรื่องนี้เงียบ แต่ว่าเสมือนวิธีการอันเด็ดขาดของอ๋องเซ่อเจิ้งในตอนนั้น ถึงให้ความยุติธรรมกับขุนนางเหล่านั้น
นั่นก็หมายความว่า หลางซิงเหอคนนี้ สำหรับทัศนคติในการสืบคดี ไม่สามารถใช้คำว่าขุนนางปกป้องกันเองอย่างเด็ดขาด
เพราะฉะนั้น หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำพูดของผู้หญิงแล้ว ก็ไม่พอใจต่อผู้หญิงบ้างแล้ว
พูดได้ว่า ถึงแม้จะไม่เชื่อเจียเล่อจวิ้นจู่ พวกเขาก็ควรเชื่อหลางซิงเหอ
เผชิญต่อความหยาบคายของผู้หญิง หลางซิงเหอสีหน้าเรียบเฉย “วันที่สามีเจ้ากินข้าวที่หอหยุนเซียง คือเจ้าที่อยู่เป็นเพื่อนหรือ?”
ร่างกายผู้หญิงเกร็ง จากนั้นก็พูดอยางมั่นใจ “เป็นข้าที่ไปด้วยกันแล้วอย่างไร? นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่พวกท่านสามารถจับข้าได้”
หลางซิงเหอ “ตอนที่พิษพิษหงอนกระเรียนแดงกำเริบ เวลาประมาณครึ่งชั่วยาม หักเวลาทำอาหาร ก่อนที่สามีเจ้าจะกินอาหารในหอหยุนเซียง เป็นไปได้แค่สัมผัสกับเจ้า เพราะฉะนั้นข้อสงสัยเยอะที่สุด พาเจ้ากลับไปสอบสวนที่กรมราชทัณฑ์ มีอะไรไม่ถูก?”
จะมีอะไรที่ไม่ถูก?
นั่นมันก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง สามารถโต้แย้งได้ถึงตอนนี้ ก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...