“ท่านปู่ ท่านเร่งรีบเช่นนี้จะไปทำอะไร?” ลั่วเสี่ยวปิงหยุดจางเต๋อหวั่งซึ่งกำลังจะผ่านนางไป
จางเต๋อหวั่งได้ยินมีคนเรียกเขา และเมื่อเงยหน้าขึ้นได้เห็นลั่วเสี่ยวปิง ดวงตาสว่างขึ้นทันที
“เสี่ยวปิงเจ้าอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว เรื่องที่เจ้าซื้อที่ดินข้าจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ก็เหลือแค่เจ้าไปศาลเพื่อประทับรอยมือมอบโฉนดที่ดิน ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว งั้นพวกเราไปจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จเถอะ”
เดิมทีในใจจางเต๋อหวั่งกำลังคิดเกี่ยวกับการซื้อที่ดินของลั่วเสี่ยวปิง จึงพลิกตัวไปมานอนไม่หลับทั้งคืน ดังนั้นเขาจึงตื่นแต่เช้าตรู่แล้วให้ลูกชายตัวเองขับเกวียนมาส่งตัวเองที่เมือง ซึ่งช้ากว่าลั่วเสี่ยวปิงเพียงหนึ่งก้าว
อย่างไรก็ตามตามคำกล่าวที่ว่ามีเงินทำอะไรก็ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นพื้นที่ว่างเปล่าไม่มีเจ้าของก็เป็นการซื้อขายเล็กๆ ผลกำไรเกือบทั้งหมดสามารถกลับมาในพื้นที่ได้
ดังนั้นจางเต๋อหวั่งจึงไม่ได้ใช้ความพยายามมากนักในการจัดการ และเรื่องที่ดินนั้นก็คลี่คลายลงแล้ว
หลังจากการจัดการเสร็จ จางเต๋อหวั่งยังคงมีเงินเหลืออยู่สองสามตำลึงเงิน และตอนนี้ในใจกำลังมีความสุข เมื่อได้เห็นลั่วเสี่ยวปิงอยู่ที่นี่จางเต๋อหวั่งยิ่งมีความสุขมากขึ้น
เมื่อได้ยินว่าเรื่องจัดการเสร็จแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็มีความสุขเป็นธรรมดา
คิดว่าตัวเองมีที่ดินแล้วก็สามารถสร้างบ้านได้แล้ว ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้รอช้า และได้ตามจางเต๋อหวั่งไปที่ศาล
หลังจากที่ลงนามในโฉนดที่ดิน และประทับลายนิ้วมือแล้ว ในที่สุดลั่วเสี่ยวปิงก็ได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เมื่อออกจากศาล จางเต๋อหวั่งมองไปที่ลั่วเสี่ยวปิงและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“ท่านปู่ มีอะไรพูดมาตรงๆ เถอะ” ลั่วเสี่ยวปิงเห็นความลังเลของจางเต๋อหวั่ง จึงเริ่มเอ่ยปากขึ้น
“คือเรื่องเป็นแบบนี้” จางเต๋อหวั่งไม่ปิดบังอีกต่อไป “ในหมู่บ้านยังมีที่ดินอีกหลายแปลงที่จะขาย ข้าคิดว่าถ้าเจ้ายังมีเงินเหลือ ลองซื้อที่นาบ้างก็ได้ เจ้าว่าอย่างไร?”
ถึงอย่างไรคนในชนบทก็อาศัยที่ดินในเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จางเต๋อหวั่งคิดว่ามีเงินมาซื้อที่นาไว้จะดีกว่า นี้เพื่อประโยชน์ของลั่วเสี่ยวปิงที่แท้จริง
ลั่วเสี่ยวปิงอึ้งไปเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางกลับลืมจุดนี้ไปแล้ว
จางเต๋อหวั่งเห็นว่าลั่วเสี่ยวปิงอึ้งนิ่งไม่พูดอะไร คิดว่านางไม่ได้หมายความอย่างนั้น และได้เอ่ยว่า “เสี่ยวปิง ข้าไม่ได้หมายความอย่างอื่น...... เจ้าอย่าคิดมาก ข้าแค่พูดไปเรื่อย เจ้าจะซื้อหรือไม่ตามแต่เจ้า”
เมื่อเห็นผู้ใหญ่บ้านเข้าใจผิด ลั่วเสี่ยวปิงจึงถามขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ท่านปู่ในมือมีที่ดินเท่าไร?”
“หมู่บ้านนี้มีที่ดินแห้งแล้งอยู่สิบแปลง นาที่อุดมสมบูรณ์มีสองแปลง นาระดับปานกลางอยู่สามแปลง”
ที่ดินในหมู่บ้าน โดยพื้นฐานมาจากหลากหลายสาเหตุ
เช่น บางคนที่ไม่สามารถผ่านเข้าไป จะขายที่ดินให้คนในหมู่บ้านในช่วงเวลาที่คับขัน หรือได้ทำอะไรผิดแล้วถูกลงโทษ
จะเห็นได้ว่า ขณะนี้มีที่ดินมากกว่าสิบแปลงในหมู่บ้าน ซึ่งปกติแล้วจะให้ชาวบ้านได้เช่า และค่าเช่ายังเป็นของหมู่บ้านเช่นกัน
“ถ้าเช่นนั้น ท่านปู่ ราคาของที่นาเหล่านี้คือเท่าไหร่?” ลั่วเสี่ยวปิงได้ใจเต้นเล็กน้อย
เมื่อได้มาถึงในยุคนี้แล้ว นางมีเป้าหมายที่จะมีชีวิตที่ดี
และอย่างแรกที่จะมีชีวิตที่ดีได้คือการกินอิ่มเครื่องนุ่งห่มเพียงพอ จากนั้นมีบ้านอยู่อาศัย
ตอนนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าแล้ว และบ้านก็อยู่ในขั้นตอนที่สำคัญ นั้นเป็นเรื่องปกติที่จะซื้อที่ดินบางส่วน พอมีที่ดินแล้ว นางถึงสามารถใช้ชีวิตแบบเจ้าของที่ดินได้
“พื้นที่แห้งแล้งอยู่ที่หกตำลึงเงินต่อหนึ่งแปลง นาที่อุดมสมบูรณ์สิบตำลึงต่อหนึ่งแปลง และแปดตำลึงสำหรับนาระดับปานกลาง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเสี่ยวปิงได้คิดคำนวณอยู่ในใจ พื้นที่แห้งแล้งสิบแปลงคือหกสิบตำลึง นาที่อุดมสมบูรณ์สองแปลงคือยี่สิบตำลึง และนาระดับปานกลางสามแปลงยี่สิบสี่ตำลึง ทั้งหมดนี้รวมกันได้หนึ่งร้อยกับสี่ตำลึงเงิน
ตอนนี้ในมือนางบวกกับเงินที่ได้รับในวันนี้ ทั้งหมดยังเหลืออยู่ประมาณสามร้อยตำลึง จะเอาออกหนึ่งร้อยกว่าตำลึงเพื่อซื้อที่ดินก็ใช่ว่าจะไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...