ไป๋ซู่เห็นภาพเหตุการณ์ ก็ไม่ได้สนใจ นางมองไปทางซ่งฉงปิง
ซ่งฉงปิงมองไปทางเด็กหนุ่มทั้งสองคน แล้วกล่าวว่า“ได้หมดทุกอย่างจริงหรือ?”
เด็กหนุ่มทั้งสองคนได้ยินที่ซ่งฉงปิงกล่าว จึงรีบพยักหน้า“ใช่ขอรับ ให้พวกเราทำอะไรได้หมดเลยขอรับ อย่าแจ้งศาลเลยนะขอรับ”
ซ่งฉงปิงพยักหน้า กล่าวว่า“แต่พวกเจ้าแย่งชิงสิ่งของของพวกข้า หากพวกข้าไม่แจ้งศาล ไม่ได้หรอกมั้ง?”
เด็กหนุ่มทั้งสองคนได้ยิน สูญเสียสติข้อคิดเห็นทันที
จู่ๆเด็กหนุ่มที่อายุน้อยหน่อยก็โขกศีรษะลง กล่าวว่า“แม่นาง คุณหนู พี่สาว ขอร้องพวกท่านล่ะ พวกหู่จื่อรอการกลับไปของพวกข้า หากพวกท่านแจ้งศาล พวกเขาตายแน่ ขอร้องพวกท่านล่ะขอรับ”
เด็กหนุ่มที่อายุมากสักหน่อย อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางไป๋ซู่ ตามด้วยสายตาค่อนข้างอึมครึม มีความรู้สึกอับอาย สุดท้ายได้คุกเข่าโขกศีรษะลง กล่าวว่า“ขอร้องพวกท่านล่ะ อย่าแจ้งศาลเลยขอรับ”
คนจำนวนมากบริเวณโดยรอบมุงดู แต่ไม่มีคนเข้ามาขอความเมตตาเลย
เรื่องเยี่ยงนี้ แม้พวกเขาไม่ได้พบเจอบ่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเห็นน้อยครั้ง
แต่สุดท้าย โดยพื้นฐานล้วนถูกส่งไปพบขุนนาง
พอพบขุนนาง จะมีกี่คนที่มีชีวิตรอดกลับมาได้?
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ท่าทางสายตาเหล่านี้ที่มองล้วนเฉยชา ท้อแท้ จนกระทั่งชินชา
ซ่งฉงปิงมองสายตาเหล่านั้น รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
มีคนประเภทหนึ่ง แม้แต่ปกป้องดูแลตัวเองยังยาก จะไปช่วยเหลือคนได้อย่างไร?
คนประเภทนี้ ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน สังคมแบบไหน บ้านเมืองไหนล้วนมีหมด แต่มันอยู่ที่ว่ามีปัญหาเท่าไหร่แค่นั้นเอง
ซ่งฉงปิงละสายตามา แล้วมองไปทางเด็กหนุ่มสองคน
“ในเมื่อกลัวแจ้งศาล เช่นนั้นเหตุใดถึงเสี่ยงอันตรายเพราะเข้าตาจน?”
แม้จะไม่ใช่พวกเขา ก็มีคนอื่นที่จะลงมือกับพวกนาง
อีกอย่าง ทุกคนล้วนมีความคิดเหตุผลของตัวเอง เหตุผลใครล้วนแต่ไปบีบบังคับไม่ได้
แต่ความรู้สึกบอกนางว่า เบื้องหลังของสองคนนี้มีที่มาที่ไป
โดยเฉพาะ ตอนเด็กหนุ่มที่อายุน้อยหน่อยพูดถึง‘หู่จื่อ’นัยน์ตาฉายแววความสิ้นหวังและหวาดกลัว
ภายในใจของนางมีสิ่งที่คาดเดาไว้ เพียงแค่รอพิสูจน์และยืนยัน
“พวกเขา——เพราะพวกเขาป่วยจะตายแล้ว ——”
ซ่งฉงปิงกับไป๋ซู่ไป๋เสา และองครักษ์ที่ติดตามมาด้วยสองคนได้ตามเด็กหนุ่มทั้งสองที่เป็นคนนำทางมา และได้พากันมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าห้องเก่าซอมซ่อแห่งหนึ่ง
ตามที่เด็กหนุ่มทั้งสองคนแนะนำ เด็กหนุ่มอายุมากกว่าชื่อหวู่เจียง ส่วนอีกคนชื่อฟางอิง
ห้องเก่าผุพังทรุดโทรม เป็นบ้านของหวู่เจียง
แต่เพราะพ่อแม่หวู่เจียงป่วยตายแล้ว
ต่อมาหวู่เจียงได้รับฟางอิงมาอยู่ด้วย และยังรับเด็กที่สูญเสียพ่อแม่อีกทั้งไร้บ้านมาอยู่ด้วย
เพราะฉะนั้น ตอนซ่งฉงปิงเข้ามา เลยได้เห็นห้อง แม้จะเป็นห้องชำรุดทรุดโทรมแต่ห้องสะอาดมาก
ด้านในห้อง มีสายตาหลายคู่มองพวกเขาอยู่
และบ่อยครั้งจะได้ยินเสียงเด็กเหล่านั้นไอ
หวู่เจียงบอกกับซ่งฉงปิงว่าที่นี่บวกเขากับฟางอิงแล้ว มีเด็กรวมทั้งหมดสิบสองคน
โตที่สุดคือหวู่เจียง ปีนี้เขาอายุสิบเจ็ดปี——เรื่องนี้ทำซ่งฉงปิงประหลาดใจมาก เพราะมองดูแล้วท่าทางของหวู่เจียงอย่างมากคือสิบห้าปี
และอายุน้อยที่สุด คือสี่ขวบ
ด้านใน นอกจากเด็กผู้หญิงสองคน คนอื่นที่เหลือล้วนเป็นเด็กผู้ชาย
คนเหล่านี้ คิดไม่ถึงว่านอกจากหวู่เจียงกับฟางอิงที่ไม่ป่วย สิบคนนั้นคือป่วยกันหมด
ส่วนใหญ่เป็นไข้ตัวร้อน แต่ไม่ได้รักษาเป็นเวลานาน เลยกลายเป็นป่วยหนัก
เพราะฉะนั้นตอนเข้ามา ซ่งฉงปิงจึงได้เห็นเหล่าเด็กน้อยหน้าซีดเผือดเหลือเกิน
“เดิมที พวกเราจำนวนหนึ่งที่โตออกไปหางานทำ และฝืนพยามเลี้ยงดูเด็กน้อยพี่น้องเหล่านี้ แต่ตอนนี้มีเพียงพวกเราที่สามารถหางานทำได้ พวกเขาเห็นพวกเราอายุน้อย ให้งานไม่ดี มีหลายครั้งที่กดเหรียญ พวกเราไม่มีหนทางแล้ว พวกเรา——”
หวู่เจียงดวงตาแดงก่ำ จากนั้น กัดฟันกรอด หันไปคุกเข่าให้ซ่งฉงปิง “คุณหนู ท่านอย่าแจ้งศาลเลยขอรับ ความเสียหายของแม่นางท่านนั้น——”
หวู่เจียงมองไปทางไป๋ซู่อย่างรวดเร็ว จากนั้นกล่าวว่า“พวกข้าจะพยายามชดเชยขอรับ”
หวู่เจียงไม่ได้อ้อนวอนให้ซ่งฉงปิงปล่อยเพราะตัวเองลำบาก และไม่ได้ร้องขออ้อนวอนให้ช่วยเรื่องความลำบากของพวกเขา และที่บอกว่าจะชดเชย เด็กหนุ่มที่แบกรับภาระหนักอึ้งนี้ได้ ก็ถือว่าไม่เลว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...