แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 599

เหมือนกับว่าการพิจารณาคดีนอกศาล และเรื่องการเปิดเผยรายละเอียดในการพิจารณาคดี วันนี้นับว่าเป็นครั้งแรก

อีกทั้งฮ่องเต้ยังอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย

ทันทีที่ข่าวออกมา ทั้งเมืองก็ส่งเสียงอื้ออึง

ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นไหน จะร่ำรวยหรือยากจน ต่างวิ่งมาบอกกล่าวซึ่งกันและกัน

จนกระทั่ง เมื่อฮ่องเต้ซ่งหยุนจางและคนอื่นๆ มาถึงลานใหญ่นั้น และลานใหญ่นั้นก็รุมล้อมไปด้วยผู้คน

ซ่างซูกรมราชทัณฑ์หลางเจี้ยนจง ต้าหลี่ซื่อชิงจ้งฉางกับหลางซิงเหอและคนอื่นๆ เวลานี้ก็รออยู่ที่ลานด้วยเช่นกัน

ส่วนกลางสุดของลาน เพื่อการพิจารณาคดีจึงรายล้อมไปด้วยเหล่าทหารและมือปราบ และมีเหล่าทหารที่แยกไปตามถนนกว้าง เพื่อให้ผู้คนออกไป

ภายใต้การจับจ้องของมวลมหาชน ฮ่องเต้ซ่งหยุนจางได้ถูกห้อมล้อมและเดินเข้ามา

การที่ถูกผู้คนมากมายจ้องมองอย่างเคารพแบบนี้ หลังจากที่ซ่งหยุนจางได้เป็นจักรพรรดิ มันเป็นสิ่งที่พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

หากไม่ใช่เพราะข้อจำกัดของโอกาสในวันนี้ ซ่งหยุนจางอยากจะโบกไม้โบกมือให้กับฝูงชน ทำให้คนรู้ว่าเขาฮ่องเต้พระองค์นี้ทรงมีพระเมตตามากมายแค่ไหน

เพียงแต่ว่า เมื่อนึกถึงอ๋องอี้วก็ต้องเสียใจและเป็นทุกข์ขึ้นมาทันที อีกทั้งยังรู้สึกละอายใจต่อหน้าประชาชนมากมายเช่นนี้ ซ่งหยุนจางรู้สึกไม่สบายใจในจุดนี้จึงไม่สามารถโบกไม้โบกมือให้กับประชาชนได้

อย่างรวดเร็ว ซ่งหยุนจางก็นั่งอยู่ตำแหน่งตรงกลางสุด และแม้แต่โต๊ะสำหรับการพิจารณาคดีก็สามารถอยู่ได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น

ไม่นาน อ๋องอี้ว อี้วหวังเฟยรวมถึงรองพระชายาก็ถูกพามาด้วย

"เสด็จน้อง เรื่องนี้ข้ารู้ดีว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้า เจ้านั่งข้างๆ รอฟังการพิจารณาคดีเถอะ" ซ่งหยุนจางมีสีหน้าเป็นมิตร

สีหน้าของอ๋องอี้วไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่ยังคงคำนับซ่งหยุนจาง และจูงเว่ยหวินซี นั่งลงข้างๆ

ส่วนรองพระชายาหูหยานเฉียน ต้องขออภัย ที่เขามองไม่เห็นเลย

หูหยานเฉียนคุ้นเคยกับการปฏิบัติเช่นนี้แล้ว ใบหน้าจึงสงบนิ่งอย่างมาก และไม่ได้รู้สึกลำบากใจกับท่าทีของซ่งหยุนดาเลยแม้แต่น้อย เดินไปยังตำแหน่งที่นั่งของตนเองอย่างไม่สะทกสะท้าน

แต่ว่า แววตาคู่นั้นที่มองไปยังเว่ยหวินซี กลับเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม

ต้องเห็นบุตรสาวของตนเองถูกคำสั่งตัดศีรษะ มันคงเป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลยใช่หรือไม่? หูหยานเฉียนคิดเช่นนี้

นอกจากอ๋องอี้วกับนายท่านจวนอ๋องอี้วนั่งได้แล้ว ยังมีเว่ยหยวนหมิงที่ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ และคนอื่นๆ ก็เป็นราชนิกุลท่านอ๋องและรองพระชายาที่อาวุโสกว่า

ไม่นาน ซ่งฉงปิงก็ถูกพาขึ้นมา

อาจจะเป็นเพราะฐานะจวิ้นจู่ ฉะนั้นบนตัวของซ่งฉงปิงจึงไม่ได้สวมเครื่องพันธนาการ บนร่างกายสะอาดหมดจด ไม่ได้ดูตกที่นั่งลำบากแต่อย่างใด

องครักษ์สองคนที่คุมตัวนางมา ก็เพียงแค่ยืนอยู่สองข้างทางด้านหลังของซ่งฉงปิงเท่านั้น

และเมื่อซ่งฉงปิงปรากฏตัว ก็มีคนดูหมิ่น ด่าทอกระทบกระเทียบไม่น้อย

อย่างไรเสียไม่ว่าจะอยู่ชาติไหน ยุคสมัยไหน จิตใจรักชาติได้ถูกจารึกไว้ในกระดูกของทุกคนแล้ว

ถึงแม้ว่ายามปกติแล้วจะไม่ได้แสดงออก แต่หากว่ามีเรื่องอะไรมาชักจูง ก็จะถูกกระตุ้นออกมา

แต่ว่า เผชิญหน้ากับการด่าทอกระทบกระเทียบเหล่านั้น ในใจของซ่งฉงปิงกลับสงบนิ่ง

เพราะว่า ตอนนี้คนเหล่านี้ที่ด่าตนเองน่าสังเวชมากแค่ไหน ปล่อยให้ตนเองถูกด่าทอไปเถอะ แล้วมันจะแว้งกลับมามากเท่านั้น

นางก็แค่ เฝ้ารอดู

เมื่อซ่งฉงปิงถูกนำไปยังศูนย์กลางของวงล้อมแล้ว ก็เริ่มการพิจารณาคดีทันที

เพียงแต่ ก่อนที่จ้งฉางจะกล่าวซ่งหยุนจางก็เอ่ยปากว่า "เจียเล่อ เจ้าเป็นคนในราชวงศ์ของเรา ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเรื่องนี้เจ้าจะเป็นคนทำ——"

พูดถึงตรงนี้ ซ่งหยุนจางก็มีสีหน้าเจ็บปวดใจ จากนั้นจึงเปลี่ยนน้ำเสียง กล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม "แต่ก็ได้ทำเรื่องออกมาแล้ว เจ้าจะยอมรับโทษหรือไม่?"

ซ่งฉงปิงมองซ่งหยุนจางอย่างสงบนิ่ง แววตาไม่ได้มีความหวาดกลัวหรือความเคารพเลยแม้แต่น้อย หากพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน จึงจะมองออกว่า ในแววตาของซ่งฉงปิงมีการเย้ยหยันที่มองไม่เห็นอยู่ "ฝ่าบาท เรื่องนี้ข้าไม่ได้เป็นคนทำเพคะ"

พูดจบ ก็มองไปที่จ้งฉาง "ใต้เท้าจ้ง เชิญทำตามขั้นตอนการพิจารณาคดีได้เลย หากหลักฐานชี้ชัดว่าเป็นข้าจริงๆ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด"

จ้งฉางเหลือบมองซ่งหยุนจาง แล้วตอบกลับว่า : "ข้าจะดำเนินการอย่างยุติธรรมแน่นอน"

ซ่งหยุนจางขมวดคิ้ว จากนั้นก็เหลือบมองไปทางหูหยานเฉียน

หลังจากที่สบสายตากับหูหยานเฉียนแล้ว ซ่งหยุนจางจึงรู้ว่าทุกๆ อย่างเรียบร้อยดี ท่านก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ? จึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก

แต่ว่า เหตุร้ายกลับเริ่มต้นจากการส่งต่อพยานหลักฐานใหม่อีกครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง