แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 684

ราชโองการของอดีตฮ่องเต้?

อดีตฮ่องเต้องค์ไหน?

หรือว่าฝ่าบาทจะ...

เหล่าขุนนางตกตะลึง

เนื่องจากอดีตฮ่องเต้สวรรคตยี่สิบกว่าปีแล้ว ไม่มีใครนึกถึงอดีตฮ่องเต้ตัวจริง ดังนั้นพอฉีเทียนเห้าพูดถึงอดีตฮ่องเต้เหล่าขุนนางจึงนึกว่าเขาปลงพระชนม์ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันของพวกเขาไปแล้ว

แต่ขณะที่คำว่าปลงพระชนม์วนเวียนอยู่ในสมองของขุนนางทุกคน ฉีเทียนเห้าก็เปิดกล่องออก

ราชโองการที่หยิบออกมา แม้จะมีสีทองแต่กลับดูเก่ามาก

นี่...หากเป็นราชโองการของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ต้องไม่เก่าขนาดนี้แน่

นั่นก็คือฮ่องเต้เหวินซุ่นเมื่อก่อนหน้านี้?

ราชโองการของฮ่องเต้เหวินซุ่น?

ราชโองการของฮ่องเต้เหวินซุ่นในตอนนั้นมิใช่ให้องค์ชายใหญ่สืบทอดตำแหน่งต่อหรือ?

ทันใดนั้นทุกคนก็นึกถึงเรื่องที่อ๋องอวี้ถูกฮ่องเต้องค์ปัจจุบันวางแผนทำร้ายต่างๆ นานาก่อนที่ฮ่องเต้เหวินซุ่นจะสวรรคตในหนังสือยอมรับโทษ

จากนั้นคำศัพท์ใหม่ก็ปรากฏในสมองของขุนนางทุกคน ชิงบัลลังก์

หรือว่า บัลลังก์ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันได้มาอย่างนี้?

ขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดากันอยู่ ฉีเทียนเห้าก็หยิบราชโองการของอดีตฮ่องเต้ออกมา เปล่งเสียงอ่าน “ข้ารู้ดีว่าตนป่วยอยู่ได้อีกไม่นาน บุตรในฮองเฮาจิตใจไม่สะอาด ไร้คุณธรรมความสามารถ ยากจะรับภาระใหญ่ ระหว่างล้มหมอนนอนเสื่อ ข้าคิดแล้วคิดอีก จำเป็นต้องแต่ตั้งผู้มีความสามารถ บุตรหยุนดา คุณสมบัติเพียบพร้อม เฉกเช่นเดียวกับข้า สามารถแบกรับภาระอันใหญ่หลวง ขอแต่งตั้งให้สืบทอดราชบัลลังก์จากข้าสืบไป”

เมื่ออ่านข้อความในราชโองการแล้ว ทุกคนก็อื้ออึง

ฮ่องเต้เหวินซุ่นในปีนั้นต้องการมอบบัลลังก์ให้อ๋องอวี้หรอกหรือ?

แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่เชื่อ

เพราะระหว่างอ๋องอวี้กับอ๋องเซ่อเจิ้งมีความสัมพันธ์เป็นพ่อตาลูกเขย ใครจะรับประกันได้ว่าพวกเขาไม่ได้ร่วมมือกัน?

ราชโองการเก่ามาก?

แต่...ทำให้เก่ายาก?

สรุปคือบ้างก็เชื่อ บ้างก็แคลงใจ

แต่มีบรรยากาศรอบตัวอันน่าเกรงขามของอ๋องเซ่อเจิ้งอยู่เบื้องหน้า ดังนั้นแม้มีคนแคลงใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดถึงข้อสงสัย

ฉีเทียนเห้าหันไปมองทางชายสูงวัยหนวดเคราผมขาวที่ยืนอยู่ท่ามกลางขุนนางซึ่งยืนกันอยู่ไม่มาก

ชายสูงวัยผู้นี้ก็เป็นคนในราชวงศ์เหมือนกัน ตามศักดิ์ ซ่งหยุนจางและซ่งหยุนดายังต้องเรียกเขาว่าเสด็จอา

ราชสำนักในอดีตก็มีผู้ที่กล่าวคำไหนคำนั้นเหมือนกัน มีคุณธรรมสูงส่งเป็นที่เคารพยกย่อง

ขณะที่ฮ่องเต้เหวินซุ่นยังดำรงตำแหน่งอยู่ก็เคยมุมานะลงแรงเพื่อราชสำนักไม่น้อย

เพียงแต่หลังจากฮ่องเต้เหวินซุ่นสวรรคตและซ่งหยุนจางขึ้นครองราชย์แล้ว เสด็จอาสูงวัยท่านนี้ก็ปรากฏตัวน้อยนัก

ครั้งล่าสุดที่ปรากฏตัว ยังเป็นตอนที่ฉีเทียนเห้าเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องเซ่อเจิ้ง

ขณะนั้น ทีแรกเสด็จอาสูงวัยไม่อยากให้อำนาจฮ่องเต้ตกกับคนภายนอก ด้วยความไม่วางใจฉีเทียนเห้าจึงแวะเวียนในราชสำนัก

แต่ภายหลังก็ไม่ทราบเพราะเหตุใด เสด็จอาสูงวัยจึงไม่สนใจ และไม่เคยเข้าราชสำนักอีกนับแต่นั้น

คราวนี้ ขณะที่เหล่าขุนนางรออยู่ที่ประตูวังหลวง จู่ๆ เสด็จอาสูงวัยก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้ขุนนางใหญ่เหล่านั้นตกตะลึงไปชั่วขณะ

แต่ถ้าเทียบกับสถานการณ์ในวัง ความสนใจต่อเสด็จอาสูงวัยของขุนนางใหญ่ทั้งหลายจึงแลดูน้อยไปถนัด

ยามฉีเทียนเห้ามองเสด็จอาสูงวัย สีหน้าเคารพนอบน้อมขึ้นมาก “เชิญเสด็จอาตรวจสอบ”

เสด็จอาสูงวัยหน้าขรึมมองฉีเทียนเห้า จากนั้นก็เดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าวรับม้วนหนังสือเก่าครึนั่นมาเปิดออก แล้วอ่านโดยละเอียด

หลังจากผ่านไปนานก็ปิด

เสด็จอาสูงวัยมองฉีเทียนเห้า สีหน้าเคร่งขรึม

ฉีเทียนเห้าสบตาไป ปราศจากการล่นถอยหรือความละอายใจสักนิด นิ่งเรียบและเย็นชา

อยู่นานเสด็จอาสูงวัยก็หมุนตัวแล้วเอ่ยกับขุนนางทั้งหลายด้วยเสียงเฒ่าชราและเปี่ยมด้วยพลัง “ราชโองการเป็นของจริง”

ทุกคนทราบนิสัยของเสด็จอาสูงวัยดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง