แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 685

ซ่งหยุนดา ฉีเทียนเห้าและซ่งฉงปิงนั่งอยู่ในท้องพระโรง บรรยากาศตึงเครียดเล็กน้อย

อันที่จริงซ่งฉงปิงแค่นั่งอยู่เงียบๆ นั่งรอการประลองความเงียบระหว่างเสด็จพ่อของตนกับฉีเทียนเห้า

ซ่งฉงปิงไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมผู้ชายถึงชอบประลองความเงียบกัน

จังหวะนี้เอง ในที่สุดซ่งหยุนดาก็อดส่งเสียงไม่ได้ “ข้าไม่คิดจะเอาบัลลังก์นี้”

ยี่สิบปีก่อนเขาไม่สนใจตำแหน่งนี้ ยี่สิบปีให้หลังเขาย่อมไม่สนใจเหมือนกัน

อำนาจอะไรมิใช่สิ่งที่เขาต้องการแสวงหา

หากมีเวลาห่วงงานใหญ่ของบ้านเมือง ก็ไปท่องเที่ยวภูเขาลำน้ำกับหวินซีไม่ดีกว่าหรือ?

อีกอย่าง ยี่สิบปีมานี้ ที่เขาวางแผนทั้งหมดก็เพื่อปกป้องตัวเอง เขาไม่คิดเอาตัวไปเกี่ยวข้องกับเรื่องในราชสำนัก

ส่วนการปกครองเก้าปีมานี้ของฉีเทียนเห้า ต้าชิ่งนับว่าสงบสุขร่มเย็น หากเทียบกับตนแล้ว อีกฝ่ายยังจะมีความสามารถด้านการปกครองบ้านเมืองมากกว่า

เท่าที่เขาดู หากฉีเทียนเห้าไม่เป็นฮ่องเต้ ก็ช่างสิ้นเปลืองเหลือเกิน

สำหรับเรื่องเปลี่ยนเจ้าของแผ่นดิน?

เขาไม่ใส่ใจหรอก

ถึงอย่างไรที่ฉีเทียนเห้าตกแต่งด้วยก็เป็นบุตรีของเขา ในอนาคตแผ่นดินก็มีสายเลือดตระกูลซ่งของเขาเหมือนกัน

อีกอย่าง ฮ่องเต้แซ่อะไรก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือใครเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้ต่างหาก

“ข้าเป็นแค่อ๋องเซ่อเจิ้ง” ฉีเทียนเห้าค่อยๆ เอ่ยปาก

ตอนนี้เป็นการเจรจาของผู้มีชัยทั้งสอง และนาทีนี้ฐานะของพวกเขายังเป็นพ่อตาลูกเขยกันอีก

ซ่งหยุนดา “ในเมื่อเป็นอ๋องเซ่อเจิ้งที่ดีได้ เช่นนี้สำหรับเจ้า การเป็นฮ่องเต้ก็ไม่คณามือ”

ซ่งหยุนดากล่าวอย่างมีขั้นมีตอน

ฉีเทียนเห้า “ข้าจะเป็นแค่อ๋องเซ่อเจิ้งเท่านั้น”

“เป็นฮ่องเต้อยู่เหนือผู้คนนับหมื่น สูงส่งไม่...” ซ่งหยุนดาเกลี้ยกล่อมต่อ

“เช่นนั้นก็พอดี ท่านมาเป็น” ฉีเทียนเห้าสอดปากขัดคำพูดของซ่งหยุนดา

ซ่งหยุนดา “...”

ใครจะคิดว่าตำแหน่งที่ทุกคนแย่งชิงกันหัวร้างข้างแตก บุรุษสองผู้นี้กลับโยนกันไปโยนกันมา แทบจะเหมือนกับโยนรองเท้าเน่าแล้ว

เพียงคำเดียว นั่นคือถูก ‘รัก’ ควบคุม

แผ่นดินสาวงาม สำหรับทั้งสองแล้ว ล้วนได้มาโดยง่าย

ทว่าทั้งสองกลับรักสาวงาม ไม่รักแผ่นดิน

เมื่อซ่งฉงปิงเห็นทั้งสองโยนกันไปโยนกันมา

มองผู้ชายของตัวเอง แล้วมองเสด็จพ่อของตัวเองแล้วก็กระแอมกระไอทีหนึ่ง

สายตาของผู้ชายทั้งสองมองมาที่นางทันที

จากนั้นซ่งฉงปิงก็มองเสด็จพ่อของตัวเองเงียบๆ

“เสด็จพ่อ ถ้าเทียนเห้าเป็นฮ่องเต้ เกรงว่าต้องมีชื่อเสียงเหม็นโฉ่ไปอีกหมื่นปีนะเจ้าคะ” ซ่งฉงปิงเอ่ยปาก

เพราะฉีเทียนเห้าแซ่ฉี ถ้าขึ้นนั่งบัลลังก์จริง เช่นนั้นก็ต้องเป็นคนคิดคดทรยศจริงแล้ว

ซ่งหยุนดาได้ยินกลับไม่คิดเช่นนั้น “ไม่เป็นไร เขาหนังหนา”

ซ่งฉงปิง “...”

มองเสด็จพ่อของตนด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “แล้วข้าเล่า?”

ซ่งหยุนดา “...”

ซ่งหยุนดาเริ่มคิดหนัก

หากฉีเทียนเห้ามีชื่อเสียงเหม็นโฉ่หมื่นปี เช่นนั้นบุตรีของตัวเองก็ต้องถูกรมจนเหม็นโฉ่ไปด้วย?

ไม่ได้!

“ที่ปิงเอ๋อร์พูดก็มีเหตุผล...” แต่พอเพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ ซ่งหยุนดาก็เพิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง ถลึงตาพยัคฆ์กับซ่งฉงปิง “มีผู้ชายแล้วเจ้าก็ลืมพ่อหรือ?”

นังตัวดี ลูกสาวเติบใหญ่แล้ว ก็รู้แต่จะช่วยคนอื่น

ละเหี่ยใจ

เมื่อซ่งฉงปิงได้ยินดังนั้นก็รีบปฏิเสธ “เปล่านะเจ้าคะ”

จากนั้นจึงเอ่ย “เสด็จพ่อ ท่านลองคิดดูสิ ตอนนี้เฮงเอ๋อร์ก็สิบขวบแล้ว ท่านฝึกฝนเขาไม่กี่ปีก็สืบทอดตำแหน่งได้แล้ว ถ้าท่านอยากอยู่เป็นเพื่อนเสด็จแม่ยี่สิบปีรอได้ จะรออีกไม่กี่ปีมันเหมือนกันใช่ไหม?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง