แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 686

เวลานี้มีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ตรงข้างลานลงทัณฑ์ ผู้เฒ่าเคราผมขาวยืนอยู่ตรงนั้น กรอบดวงตาชื้นแฉะมองหลิวจิ้งเซียน

“เซียนเอ๋อร์...”

คนผู้นี้ก็คือหลิวไท่ฟู่นั่นเอง

ที่จริงในตอนที่หลิวไท่ฟู่เกิดเรื่อง หลิวไท่ฟู่ก็ทราบข่าวแล้ว

เพียงแต่หาคนไม่พบเท่านั้น

อยู่ไม่พบคน ตายไม่พบศพ

กระทั่งฉีเทียนเห้ามาหา

หลิวไท่ฟู่มีบุตรีเพียงคนเดียวเท่านั้น ปีนั้นเขาไม่อาจขัดราชโองการ ดังนั้นจึงได้แต่ให้บุตรีเป็นชายาของอ๋องคัง

ขณะที่อ๋องคังถูกตัดสิน หลิวไท่ฟู่ก็อยู่ข้างๆ ด้วย

เมื่อได้ฟังความอหังการของอ๋องคัง หลิวไท่ฟู่ก็เจียนจะรับไม่ได้

หลิวไท่ฟู่เห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างบุตรี ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เซียนเอ๋อร์ กลับบ้านกับข้าเถอะ”

จัดการบรรดาบุตร ของฮ่องเต้หย่งเฉิงเรียบร้อยแล้ว

นอกจากซ่งหลิงหลิง บุตรสาวที่เหลือของฮ่องเต้หย่งเฉิงล้วนออกเรือนไปหมด คนเดียวที่ยังเล็กอยู่ ตอนนี้มีอายุเพียงห้าขวบ อีกทั้งเสด็จแม่ก็เสียไปแต่ยังเล็ก สุดท้ายจึงถูกเสด็จอาสูงวัยรับไปเลี้ยงดู

สำหรับนางสนมในวังหลัง ที่ไม่เคยถูกถวายตัวก็ปล่อยออกนอกวัง ให้แต่งงานใหม่กันเอง

ส่วนที่เคยถวายตัวแต่ไม่มีบุตร หลังจากหมอหลวงตรวจสอบว่าในท้องไม่มีบุตรแล้วก็ถูกให้ออกจากวังเหมือนกัน

สนมที่เคยมีบุตรจะถูกส่งไปบวชชีพราหมณ์ที่อารามหลวง

สำหรับฮ่องเต้หย่งเฉิง

ซ่งหยุนดาไม่ได้สังหารเขา

บางครั้งการให้คนตายมันง่ายเกินไป

แต่ชีวิตนี้ซ่งหยุนจางมีบาปมหันต์ ให้เขาตายจะง่ายสำหรับเขาไปหน่อย

ดังนั้นซ่งหยุนดาจึงให้คนส่งเขาไปที่อารามหลวง ปลงผมบวช ไถ่โทษต่อประชาชนที่ต้องเสียชีวิตเพราะเขาทั้งทางตรงและทางอ้อมในปีนั้น

สำหรับผู้ที่เคยเป็นจักรพรรดิมาก่อน นี่อาจเป็นการลงทัณฑ์ที่หนักที่สุด

แต่ที่ชวนให้สะท้อนใจมากที่สุดกลับเป็นฮองเฮา

ในวันที่เกิดความเปลี่ยนแปลงในวังหลัง ฮองเฮาก็เริ่มสติฟั่นเฟือนแล้ว

หลังจากอ๋องคังถูกตัดหัว ฮองเฮาก็วิปลาสโดยสมบูรณ์

ทีแรกเนื่องจากฮองเฮาวิปลาสไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่คิดลงโทษนางอีก ทว่าในคืนนั้นเอง ฮองเฮากลับวางเพลิงตำหนักของตัวเอง

เพลิงโหมเกินไป ไม่อาจช่วยออกมาได้ กระทั่งสามารถควบคุมไฟได้ ฮองเฮาก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปเสียแล้ว

สำหรับคนของตระกูลมู่ยังมีขุนนางสองสามคนที่เป็นประโยชน์ต่อหน้าฮ่องเต้หย่งเฉิงและทำความชั่ว วันถัดมาหลังจากประหารอ๋องคังก็ถูกเชือดไก่ให้ลิงดู ครอบครัวขุนนางเหล่านี้ที่ควรถูกลดตำแหน่งก็ลดตำแหน่ง ที่ควรถูกริบทรัพย์ก็ริบทรัพย์ ที่ควรถูกเนรเทศก็ถูกเนรเทศ ดี

กระทั่งถึงวันขึ้นครองราชย์ ธุระที่ควรจัดการ โดยรวมก็จัดการไปหมดแล้ว เสร็จสิ้นเรียบร้อยทุกประการ

ตามหลัก การขึ้นครองราชย์ต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด

ซ่งหยุนดาสวมชุดมังกรสีเหลือทองอร่าม จูงมือเว่ยหวิงซีในชุดหงส์สีทอง ประกอบพิธีไหว้ฟ้าจนเสร็จ จากนั้นก็ขึ้นนั่งในท้องพระโรง ร่วมรับการคารวะจากเหล่าขุนนาง

เสียง “ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี ฮองเฮาพันปี พันปี พันพันปี” ได้ยินไม่ขาดสาย

ซ่งหยุนดาขึ้นครองราชย์ เปลี่ยนจากรัชศกหยวนเป็นรัชศกหย่งคัง ขนานพระนามว่าฮ่องเต้หย่งคัง มีความหมายอันเป็นสิริมงคลว่าเจริญรุ่งเรืองอยู่เย็นเป็นสุข

ซ่งฉงปิงถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิงใหญ่เจียเล่อ ซ่งเฮงถูกแต่งตั้งเป็นไท่จื่อ ส่วนอานอานกับเล่อเล่อก็ถูกแต่งตั้งเป็นซื่อจื่อกับจวิ้นจู่

ผู้เฒ่าเว่ยรับตำแหน่งเป็นไท่จื่อไท่ฟู่ รับผิดชอบสั่งสอนชี้แนะซ่งเฮงโดยเฉพาะ

ส่วนคนตระกูลเว่ยที่เหลือ แม้เตรียมตัวเข้ารับราชการ แต่ก็แค่เตรียมตัวกันอย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น

ส่วนซูเฉิงเซี่ยง แม้ยังได้เป็นขุนนาง แต่กลับถูกลดตำแหน่งไปสามขั้น ฮ่องเต้หย่งคังใช้คนหน้าใหม่ เป้ยเจิ้งชิงดำรงตำแหน่งเป็นเฉิงเซี่ยงคนใหม่

เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป จึงเป็นธรรมดาที่จะมีคนจำนวนมากในราชสำนักที่ไม่พอใจ

เพราะการใช้คนหน้าใหม่เป็นเฉิงเซี่ยง มิใช่การตัดสินใจตามปกติ การใช้คนหน้าใหม่นั้นหมายถึงการปฏิวัติการใช้คนด้วย

แต่ฮ่องเต้หย่งคังไม่ใช่ฮ่องเต้หย่งเฉิง ตรัสคำไหนคำนั้น ไม่ยอมให้ปฏิเสธ

สำหรับเป้ยเจิ้งชิงจะสามารถนั่งตำแหน่งเฉิงเซี่ยงนี้ได้อย่างมั่นคงหรือไม่ นั่นเป็นธุระของเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง