แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 692

ขณะนี้จางซิ่งฮวาหน้าซีดขาวอยู่ในหอปิงอวี้

แม้มาเมืองหลวงนานขนาดนี้ ประสบพบเจอเรื่องราวไม่น้อย ไม่ใช่จางซิ่งฮวาในอดีตนานแล้ว

แต่ก็ไม่เคยพบเจอคนที่โอหังอย่างหลัวเจิ้งหยางมาก่อน

นางตระหนักดีว่าการที่กิจการของหอปิงอวี้เจริญรุ่งเรืองย่อมเป็นที่จับตามองในเมืองหลวง

เพียงแต่ผู้คนส่วนมากเพียงแค่อิจฉา จากนั้นก็แอบสืบว่าเบื้องหลังของหอปิงอวี้คือใคร

ยิ่งสืบไม่ทราบก็ยิ่งไม่มีใครกล้าแตะหอปิงอวี้

ดังนั้นหอปิงอวี้จึงสามารถมั่นคงอยู่ในแวดวงชนชั้นสูงได้

เพราะเมืองหลวงที่มีทองคำทุกกระเบียดนิ้วและมีแต่เหล่าขุนนางคหบดีนี้ หากไม่มีเบื้องหลัง ผู้ใดจะกล้าทำกิจการบนถนนเส้นหลักนี้ได้?

คนที่อยู่เบื้องหลังยิ่งลึกลับก็ยิ่งสืบความยาก ทุกคนจึงคิดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่ธรรมดาโดยปริยาย

ดังนั้นจางซิ่งฮวามาที่นี่นานขนาดนี้ ต่อให้เคยเจอคนมาหาเรื่อง นางก็ยังรับมือได้

แน่นอนว่านางไม่ใช่ผู้จัดการ โดยมากแล้วผู้จัดการจะเป็นคนจัดการ

แต่หลัวเจิ้งหยางในครั้งนี้กลับไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จะกล่าวดีกล่าวชั่วก็ไม่ได้ อ้าปากก็จะทำลายข้าวของไม่ยำเกรง

ตอนนี้ภายในหอปิงอวี้เละเทะ เสียหายมาก

เริ่มแรกจางซิ่งฮวากำลังอยู่ข้างในถกเรื่องแบบการปักกับฉินซานเอ๋อร์ ดังนั้นจึงไม่ได้ออกมา กระทั่งเสียงข้างนอกดังขึ้นเรื่อยๆ จึงจำต้องออกมาดูสถานการณ์หน่อย

แต่พอจางซิ่งฮวาออกมาก็ดันถูกหลัวเจิ้งหยางจ้องพอดี

กล่าวกันตามจริง หน้าตาจางซิ่งฮวาไม่นับว่างามมาก กล่าวได้เพียงน่ารักอย่างคุณหนูชาวบ้าน หากอยู่ในเมืองหลวงที่โฉมตรูดาษดื่น จางซิ่งฮวาก็ไม่พองามโดยแท้

แต่จางซิ่งฮวากลับให้ความรู้สึกแตกต่างจากคนอื่น

ท่าทางจางซิ่งฮวานุ่มนิ่มๆ แต่มีดวงตาแฝงด้วยความมุ่งมั่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ ดังนั้นจึงตกเป็นที่จับจ้องโดยง่าย

หลัวเจิ้งหยางที่ชื่นชอบการล่าสาวงาม เมื่อแรกยังไม่ได้ติดใจกับโฉมหน้าแสนธรรมดาของจางซิ่งฮวา เพราะสำหรับเขาแล้ว หน้าตาของจางซิ่งฮวาจืดชืดไปหน่อย

แต่ความรู้สึกนอกเหนือจากหน้าตากลับทำให้หลัวเจิ้งหยางรู้สึกเข้าที

ต่อมาหลัวเจิ้งหยางก็นึกว่าจางซิ่งฮวาคือบุตรสาวของผู้จัดการหอปิงอวี้ ดังนั้นไม่ว่าจะเจรจาอย่างไรก็จะพากลับไปเป็นอนุภรรยาที่บ้านให้ได้ คิดจะใช้เรื่องนี้ข่มขู่ให้ผู้จัดการร้านยอมจำนน

ภายหลังต่อให้ทราบว่าจางซิ่งฮวาไม่ใช่บุตรสาวของผู้จัดการ แต่ในเมื่อกล่าวออกไปแล้ว ไหนเลยยังมีเหตุผลให้กลืนน้ำลาย?

กอปรกับจางซิ่งฮวาเองก็ไม่ยินยอม ผู้จัดการก็เช่นกัน หลัวเจิ้งหยางจึงยิ่งต้องการให้จางซิ่งฮวาเป็นอนุภรรยาของตัวเอง

ไม่ใช่เพราะใดอื่น แต่เพราะหลัวเจิ้งหยางวางอำนาจจนเป็นนิสัย ดังนั้นจึงมีนิสัยเสียที่หากคนอื่นยอมทำตามเขา ผ่านไปวันสองวันก็ไม่รู้สึกเห่อแล้ว จากนั้นก็จะปล่อยคนไป

แต่หากขัดขืน เขาก็จะมีความสนใจมากขึ้น และยิ่งต้องทำให้อีกฝ่ายยอมจำนนให้ได้

แน่นอนว่าคุณหนูตระกูลใหญ่จำนวนหนึ่งมีข้อได้เปรียบในเรื่องนี้ มิเช่นนั้นมิต้องวุ่นวายไปหมดหรอกหรือ?

ดังนั้นเมื่อเรื่องบานปลายไปถึงตอนท้าย หลัวเจิ้งหยางที่หมายจะชิงร้านจึงมีจุดมุ่งหมายสำคัญที่ต้องการชิงตัวคน

เพียงแต่ไม่ประสบความสำเร็จ

เพราะกลับเจอกับจอมมารตัวขัดขวางกลางทาง

จอมมารคือใครน่ะหรือ?

ที่ให้คิดไม่ถึงก็คือ จอมมารผู้นี้คือหลางซิงเหอนั่นเอง

ขณะที่หลัวเจิ้งหยางกำลังเตรียมจะใช้กำลังพาคนไป หลางซิงเหอก็ปรากฏกายอย่างทันท่วงที ขวางอยู่ข้างหน้าจางซิ่งฮวา

เนื่องจากคดีจางลี่เหนียงเมื่อก่อนหน้านี้ จางซิ่งฮวาได้คลุกคลีกับหลางซิงเหออยู่บ้าง ดังนั้นเมื่อจางซิ่งฮวาเห็นว่าหลางซิงเหออยู่ตรงหน้านางก็ตะลึงไป

“พี่หลาง...” จางซิ่งฮวาเรียกเบาๆ ในดวงตามีอารมณ์คลุมเครือ จากนั้นก็ก้มหน้าเงียบ

เพียงแต่จางซิ่งฮวาหลบอยู่ข้างหลังหลางซิงเหอแล้ว กลับรู้สึกปลอดภัยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

หลางซิงเหอมองจางซิ่งฮวาแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังปลอดภัยดีก็โล่งอกอย่างไม่เป็นที่พบเห็น จากนั้นก็มองหลัวเจิ้งหยางด้วยความเย็นชา

“ไม่ทราบหลัวซื่อจื่อจะทำอะไร? ยังจำได้หรือไม่ว่ายังอยู่ใต้ฝ่าพระบาทขององค์ฮ่องเต้นะ?”

หลัวเจิ้งหยางมองหลางซิงเหอ รู้สึกมีความผิดเล็กน้อย

ก่อนจะมาเมืองหลวงท่านพ่อกำชับกับเขาหนักหนา ว่าบางคนในเมืองหลวงก็หาเรื่องไม่ได้

และหนึ่งในนั้นก็คือหลางซิงเหอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง