แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 693

เมื่อคนที่รายล้อมเห็นท่าทางจิ๊กโก๋ของหลัวเจิ้งหยางแล้ว ก็พากันถอยหนึ่งก้าวอย่างห้ามไม่อยู่

ส่วนคุณหนูตระกูลขุนนางระดับสองที่มากับหลัวเจิ้งหยางกลับถูกหลัวเจิ้งหยางลืมไปนานแล้ว มองซ่งฉงปิงที่เดินมาถึงหน้าประตูแล้วมองหลัวเจิ้งหยางอีกที อยากกล่าวอะไรแต่สุดท้ายก็อ้าปากแล้วกลับกลืน จากนั้นก็ถอยหลังก้าวหนึ่งด้วยความระมัดระวัง

นางไม่อยากเกี่ยวข้องกับหลัวเจิ้งหยาง ต่อให้มีอำนาจอิทธิพลอย่างไร แต่จะเทียบฮ่องเต้และองค์หญิงใหญ่ในปัจจุบันได้หรือ?

หลัวเจิ้งหยางไม่เห็นความผิดปกติของทุกคน

หลัวเจิ้งหยางในเวลานี้ ดวงตามีแต่ซ่งฉงปิงเท่านั้น

เขาไม่ใช่ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่งดงามอย่างซ่งฉงปิง แต่ที่ทั้งงดงามและมีบรรยากาศรอบตัวเหมือนซ่งฉงปิงนั้นกลับพบเป็นครั้งแรก

หลัวเจิ้งหยางมีความหุนหันพลันแล่นหนึ่ง

“แม่นางท่านนี้ ข้านามว่าหลัวเจิ้งหยาง เป็นซื่อจื่อแห่งจวนอู่หมิงโหว ต้องการสู่ขอเจ้า เจ้าเห็นข้าเป็นอย่างไร?”

เมื่อหลัวเจิ้งหยางกล่าวจบก็ทำท่าเสยผมแบบน่าหมั่นไส้ ตามด้วยมองซ่งฉงปิงอย่างตั้งตารอคอย

เห็นเหมือนป่วยเป็นโรคมอสองและเอาแต่ใจ

ทุกคน “...”

จากนั้นจึงถอยไปอีกก้าว

หลัวซื่อจื่อผู้นี้ช่างกล้าโดยแท้ แทบเรียกว่าอยู่ขอบเส้นแห่งการรนหาที่ตาย

เมื่อซ่งฉงปิงได้ยินดังนั้นดวงตาจึงเจือความเย็นชา แต่เมื่อเห็นท่าทางถือดีของหลัวเจิ้งหยาง นางคิดแล้วจึงสำรวมสีหน้าก่อนจะถาม “เห็นว่าท่านต้องการแย่งร้านของข้า แถมยังจะแย่งคนของข้าอีก?”

ทุกคน “...”

อึ้ง!

หอปิงอวี้เป็นขององค์หญิงใหญ่หรอกหรือนี่?

แต่ก็ใช่ หอปิงอวี้ ข้างบนมีคำว่าปิงอยู่

แต่หมู่คนที่มุงอยู่ย่อมมีผู้ทรงอำนาจอิทธิพลอยู่จำนวนหนึ่ง และพวกเขาย่อมเคยอยากได้หอปิงอวี้เหมือนกัน

บัดนี้เมื่อได้ยินว่าเป็นขององค์หญิงใหญ่ ทุกผู้ทุกนางจึงนึกเคราะห์ดีที่ตอนนั้นไม่ได้วู่วาม

มิเช่นนั้นหากล่วงเกินองค์หญิงใหญ่ ต้องได้ไม่คุ้มเสียแน่

แต่ หลัวเจิ้งหยางไม่ทราบความซับซ้อนเหล่านี้

หลังจากถึงเมืองหลวง เขาเคยได้ร่วมงานเลี้ยงในวังหลวงอยู่บ้าง แต่กลับไม่เคยเห็นองค์หญิงใหญ่

อีกอย่าง หลัวเจิ้งหยางทราบว่าองค์หญิงใหญ่ที่เล่าขานผู้นั้นผ่านการแต่งงานและมีบุตรมาแล้วสองคน ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยสนใจองค์หญิงใหญ่นัก

แต่ประเด็นที่เขาสนใจคือ เขาแย่งร้านของนาง แย่งคนของนาง?

เมื่อไรกัน?

ทว่าไม่นานหลัวเจิ้งหยางก็นึกได้ว่าซ่งฉงปิงหมายความว่าอะไร ดังนั้นจึงทำหน้าบานทันที “ร้านนี้เป็นของแม่นางหรือ? พวกเราไม่บาดหมางไม่รู้จักกันจริงๆ แต่ไม่เป็นไร ต่อไปเราก็ครอบครัวเดียวกันแล้ว ของเจ้าก็คือของข้า ของข้าก็คือของข้า”

ทุกคน “...” หน้าล่ะ?

สมัยนี้เมื่อเป็นซื่อจื่อก็ไม่เอาหน้ากันแล้วหรือ?

หลัวเจิ้งหยางยังไม่ทราบว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ยังทำหน้าระรื่นอยู่

ว่าที่ภรรยาของเขามีร้านค้าที่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ต่อไปห้องเก็บสมบัติเขาต้องมีเงินเพิ่มอีกก่ายกองแน่

สำหรับอีกฝ่ายจะยินยอมแต่งงานกับตนหรือไม่ เรื่องนี้ไม่อยู่ในการพิจารณาของเขา

เพราะหลัวเจิ้งหยางเห็นว่าไม่สำคัญ

ถึงอย่างไรแม่นางที่เขาต้องตา ไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นภรรยาของเขาอยู่ดี

ซ่งฉงปิงได้ยินแล้วก็อึ้งครู่หนึ่ง

นางจะโมโหจนหัวเราะแล้ว

ส่วนคุณหนูตระกูลขุนนางระดับสอง ยามนี้ก็ตกใจจบแทบโง่งม

ต่อให้ฝ่าบาทไม่น่ากลัว แต่อ๋องเซ่อเจิ้ง...

เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางจึงขยับไปทางปากประตู เมื่อเห็นว่าซ่งฉงปิงเห็นนางแล้ว นางก็ทำหน้า ‘อภัยให้ด้วยเถอะเพคะ’ มองซ่งฉงปิง

ซ่งฉงปิง “...” นี่ใครเนี่ย?

จากนั้น แค่เหม่อไปแวบเดียว แม่นางผู้นั้นก็เดินผ่านนางไปต่อหน้าต่อตา หลังจากเข้าฝูงชนแล้วก็หาไม่เจอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง