เมื่อผู้หญิงคนนั้นกล่าวคำพูดนี้ออกมา ไม่ต้องรอให้คู่ความเอ่ยกล่าว ฝูงก็โกรธเคืองขึ้นมาทันที
"เหตุใดเจ้าถึงแยกแยะชั่วดีไม่ได้ขนาดนี้? หมอโม่เป็นใคร? ทำไมเจ้าถึงใส่ร้ายป้ายสีเช่นนี้?"
"นั่นสิ หมอโม่เป็นที่มีคุณธรรมที่สุดในเมืองหยุนจางของเรา หลายปีมานี้ก็ทำการกุศลไม่น้อย คำพูดของเจ้าไม่ใช่เป็นการสาดโคลนใส่หมอโม่หรอกหรือ?"
"ข้าว่าที่เจ้าไม่กล้าให้หมอโม่จับชีพจร เพราะเด็กคนนี้ไม่ใช่ของเจ้าใช่หรือไม่ ตอนนี้ข้าชักจะสงสัยเสียแล้ว"
"......"
ทุกๆ คนในฝูงชนต่างพูดกันไปพูดกันมา ด้วยสีหน้าเป็นเดือดเป็นแค้นอย่างยิ่ง
ในฉับพลันเหตุการณ์นี้ ก็ทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องตกตะลึง
นางนึกไม่ถึงเลยว่า ตนเองเพียงแค่ไม่อยากให้จับชีพจรเท่านั้น ก็ทำให้คนรุมล้อมเหล่านี้เปลี่ยนทัศนคติไปเสียแล้ว
ก่อนหน้านี้ล้วนกล่าวถึงแม่นางคนนั้น แต่เวลานี้กลับมาพูดถึงนาง
ซ่งฉงปิงก็คาดไม่ถึงเช่นกัน หมอคนนี้ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน และไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้คนขนาดนี้
การสนับสนุนของประชาชนไม่สามารถเสแสร้งได้ ดูเหมือนว่าท่านนี้จะเป็นผู้มีคุณธรรมจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ เรื่องในวันนี้ก็จะง่ายดายขึ้นมาก
หมอโม่เห็นว่าทุกคนกำลังปกป้องตนเอง ก็ทำท่าทางไม่เย่อหยิ่งไม่รีบร้อน โบกไม้โบกมือให้ทุกคน "ทุกท่าน เงียบก่อนๆ"
คำพูดของหมอโม่ได้ผลอย่างมาก เมื่อพูดออกมา ทุกๆ คนก็สงบลงมา
เช่นนี้ หมอโม่จึงมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น กล่าวด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนยิ้มแย้ม "เจ้าวางใจได้ ข้าไม่ได้รู้จักกับแม่นางท่านนี้ จะไม่เลือกปฏิบัติอย่างเด็ดขาด"
ผู้หญิงคนนั้นมีสีหน้าตกตะลึง นางสนใจด้วยหรือว่าเขาจะเลือกปฏิบัติหรือไม่?
สิ่งที่นางต้องการตอนนี้ไม่ใช่ความยุติธรรม แต่เป็นการไม่ถูกจับชีพจร
แต่ว่า คนมากมายจ้องพร้อมตะครุบดั่งพญาเสือขนาดนี้ หากนางปฏิเสธการจับชีพจร คนเหล่านั้นจะต้องคิดว่าตนเองร้อนตัวอย่างแน่นอน แล้วก็จะรู้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ของตน
ทันใดนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เมื่อเห็นว่าหมอท่านนั้นเข้ามาใกล้ตนมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าผู้หญิงคนนั้นก็ซีดเผือด และมีเหงื่อไหลซึมออกมาจากหน้าผากเล็กน้อย
เพียงแต่ว่าภูมิอากาศของหนานเจียงนั้นร้อนมาก มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีเหงื่อออก ก็ไม่มีผู้ใดคิดว่าเหงื่อที่ออกของผู้หญิงคนนี้จะเป็นการร้อนตัว
ในที่สุด ผู้หญิงคนนั้นก็ทนแรงกดดันในใจไม่ไหว จึงนั่งลงกับพื้น
"ให้ตายสิ ไม่มีอะไรทำให้ข้ารู้สึกดีบ้างเลย เพราะเหตุใดข้าจึงไม่สามารถมีลูกได้? ข้าไม่สามารถมีลูกได้ แล้วยังไม่ยอมให้ข้ารับเลี้ยงบุตรอีกหรือ?" ผู้หญิงคนนั้นนั่งเอะอะโวยวายอยู่กับพื้น ยอมรับความจริงที่ว่านางไม่สามารถมีลูกได้
"ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้ข้าจะไม่ได้ให้กำเนิด แต่ว่าข้าก็ช่วยเช็ดอึเช็ดฉี่จนโตมาขนาดนี้ นี่คือความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ด้วยเหตุนี้พวกเจ้าก็จะแย่งลูกของข้าไปอย่างนั้นหรือ ยังมีความยุติธรรมอยู่บ้างไหม?"
ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้โฮออกมา
หมอโม่ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าอีก
อย่างไรเสีย อีกฝ่ายก็ยอมรับความจริงที่ไม่สามารถมีบุตรได้แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องทำต่อไป
หมอโม่เหลือบมองซ่งฉงปิง และรู้สึกว่าซ่งฉงปิงไม่ใช่คนที่จะแย่งลูกใครไป
เพียงแต่ว่า ท้ายที่สุดหมอโม่ยังคงไม่กล่าวอะไร และกลับมาที่ตรงหน้าฝูงชน
และคนที่มุงดูส่วนใหญ่เห็นอกเห็นใจคนที่อ่อนแอ
เห็นท่าทางของผู้หญิงคนนั้นที่ร้องห่มร้องไห้ ก็รู้สึกสงสารในชั่วพริบตา
ยิ่งไปกว่านั้น ที่ผู้หญิงคนนั้นพูดก็ไม่ใช่จะไม่มีเหตุผล
ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่สามารถมีบุตรได้ แต่เด็กก็ถูกนางเลี้ยงดูมาจนโต ก็ถือว่าเป็นลูกของนางแล้ว
และด้วยเหตุนี้ ก็พูดไม่ได้ว่าเด็กไม่ได้เป็นของนาง
ทุกคนต่างมองไปที่ซ่งฉงปิง อยากดูว่านางมีอะไรจะพูดอีก
"เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าเด็กคนนี้อายุเท่าไหร่? นางชอบทานอะไร? ชื่ออะไร? บนร่างกายนางมีตำหนิอะไรบ้าง?"สายตาของซ่งฉงปิงมองตรงไปที่ผู้หญิงคนนั้น "ถ้าหากว่าเจ้าสามารถบอกได้ถูกต้องทั้งหมด เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าพาเด็กไป"
ผู้หญิงคนนั้นได้ยิน ดวงตาก็สั่นไหว และรีบกล่าวว่า "ปีนี้นางอายุสองขวบครึ่งแล้ว"
อย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้จักเด็กคนนี้ อายุเท่าไหร่ก็จะต้องขึ้นอยู่กับที่นางพูดไม่ใช่หรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...