สิบวันต่อมา ข่าวที่ซ่งฉงปิงกับฉีเทียนเห้าตกลงไปในแม่น้ำก็เล่าลือไปถึงเมืองหลวงต้าชิ่ง
ทันใดนั้นทั่วทั้งเมืองหลวงก็เต็มไปด้วยความเงียบงัน
ในวังยิ่งเงียบเชียบไร้กลิ่นอายของชีวิต
หลังจากทราบข่าววันนี้ ฮ่องเต้ซ่งหยุนดาซึ่งอยู่ในราชสำนักก็ยั้งสติไม่อยู่และไม่มีกะจิตกะใจจะเข้าเฝ้ายามเช้า
พระองค์ถลันออกไปโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยคำว่า ‘เลิกเข้าเฝ้า’ แม้แต่ฝีเท้าก็ยังซวนเซ
เวลาในวังหลังเองก็อึมครึมหม่นมัว
นั่นเพราะฮองเฮาเว่ยหวินซีทรงร้องไห้หนักมากจนลืมพระเนตรไม่ขึ้น
นอกจากนี้อานอานกับเล่อเล่อ รวมถึงซื่อจื่อซ่งเฮงก็ไม่รู้ว่าไปทราบข่าวมาจากที่ไหน พวกเขาไม่เข้าเรียนและรีบวิ่งตรงมาที่ห้องบรรทมของฮองเฮา
เมื่อเห็นท่านยายร้องไห้ เล่อเล่อก็เหมือนจะเดาคำตอบได้และเริ่มร้องไห้ออกมา
ซ่งเฮงเองก็เสียใจน้ำตาคลอ
ในที่สุดซ่งหยุนดาที่ขอบตาแดงก่ำในตอนแรกก็หยุดน้ำตาไว้ได้
มีเพียงอานอานเท่านั้นที่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยดวงตาอันแดงก่ำ
เป็นแค่เด็กเจ็ดขวบแต่ยังยืดกายสูงตรง
แม้ว่าในเวลานี้จะตาแดงก่ำ แต่อานอานกลับไม่ยอมให้ตัวเองหลั่งน้ำตาเลยแม้แต่หยดเดียว
ราวกับว่าถ้าน้ำตาไม่หยดลงมา เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของเขาก็จะไม่เป็นอะไร
ตอนนี้ทุกคนต่างร้องไห้เสียใจ ไม่มีใครเลยที่สังเกตเห็นความเข้มแข็งที่น่าเจ็บปวดของอานอาน
เพราะเว่ยหวินซีมีท้อง ในไม่ช้านางจึงร้องไห้จนเป็นลม
ซ่งหยุนดาตกใจและรีบเรียกหมอหลวงมาทันที
หมอหลวงบอกเพียงว่าครรภ์ของเว่ยหวินซีกระทบกระเทือนและจำเป็นต้องพักผ่อนเงียบๆ
แต่หมอหลวงเองก็รู้ดี เวลานี้องค์หญิงใหญ่ซึ่งเป็นที่โปรดปรานที่สุดไม่อยู่แล้ว ฮองเฮาจะทรงพักผ่อนอย่างสบายพระทัยได้อย่างไร
เมื่อตระกูลเว่ยได้ยินข่าวก็รีบไปที่วังทันที
เวลานี้ตระกูลเว่ยกลายเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย จะเด็กหรือชรา ดวงตาของทุกคนแดงก่ำจนเห็นได้ชัดว่าผ่านการร้องไห้มา
เพียงแต่เมื่อเห็นทุกคนในวังเป็นเช่นนี้ ต่อให้ตระกูลเว่ยมีเรื่องอยากจะพูดอยากจะถาม ตอนนี้พวกเขาก็ไม่กล้าถามออกไป
อาจเพราะรู้สึกถึงการมาถึงของครอบครัว เว่ยหวินซีจึงตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นคนในครอบครัว นางก็นึกถึงบุตรสาวคนโตของนางขึ้นมาอีกครั้ง ความเศร้าถาโถมขึ้นมาในทันใด และน้ำตาของนางก็ไหลรินลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
ฉวี่ซื่อเฝ้ามองด้วยความทุกข์ใจและเศร้าระทม นางทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าและพยายามปลอบประโลมบุตรสาวที่กำลังตั้งครรภ์
แต่พอคำพูดจ่ออยู่ที่ริมฝีปาก ฉวี่ซื่อก็พูดอะไรไม่ออก
ไม่เพียงแต่พูดไม่ออก แม้แต่ฉวี่ซื่อก็ยังร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้
แค่ตัวเองนางยังปลอบใจไม่ได้ แล้วนางจะไปปลอบใจบุตรสาวได้อย่างไร
ปิงเอ๋อร์... เหตุใดชีวิตของนางจึงได้ทุกข์ยากขนาดนี้
วันดีๆ เพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้น เหตุใดพอบอกว่าหายไปจึงหายไปเสียเฉยๆ?
ท่าทางของหญิงชราทำให้เว่ยหวินซียิ่งโศกเศร้ากว่าเดิม
เล่อเล่อเหนื่อยล้าและผล็อยหลับไปทั้งน้ำตา ไม่รู้ว่านางกำลังฝันถึงสิ่งใด นางจึงได้ร้องสะอื้นอยู่ในความฝันเช่นนี้
ห้องบรรทมของฮองเฮาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำตา
แต่ในเวลาเดียวกันนี้เอง จู่ๆ เว่ยหวินซีก็รู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ส่วนล้าง ท้องของนางทั้งพองและเจ็บปวด ใบหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีดอย่างฉับพลัน
“อ๊ะ!”
เว่ยหวินซีตกตะลึงและตะโกนออกมาอย่างฉับพลัน
ทุกคนมองไปที่เว่ยหวินซี เว่ยหวินซีเอ่ยด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดว่า “ขะ ข้า... น่าจะกำลังคลอด”
ทันใดนั้นภายในห้องก็วุ่ยวายเป็นการใหญ่
ระยะครรภ์ของเว่ยหวินซียังห่างจากกำหนดคลอดหนึ่งเดือนกว่า ตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ใช่เดือนที่กำหนด แต่ยังไม่ถึงเดือนที่เด็กกลับหัว ดังนั้นศีรษะของเด็กจึงยังอยู่ด้านบน
คราวนี้ทุกคนต่างวิตกกังวล
โชคดีที่หลายๆ คนในวังมีประสบการณ์ด้านนี้
นอกจากนี้พี่สะใภ้ของเว่ยหวินซีหลายคนยังอยู่ที่นี่ด้วย ชั่วประเดี๋ยวเดียวความวุ่นวายจึงกลับมาอยู่ในระเบียบ
ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องรวมถึงฮ่องเต้ต่างถูกจัดการให้ออกไปจากห้องบรรทมของฮองเฮา
แต่เมื่อครรภ์ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ถือว่าเป็นเรื่องยาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...