"พวกเจ้าจะทำอะไร?"ซ่งฉงปิงเหลือบตามององครักษ์เหล่านั้น
เยหลินก็ทำท่าที่จะลงมือ
องครักษ์เหล่านั้นได้ยินเช่นนี้ พูดอย่างรำคาญโดยตรง"ไม่รู้กฎหรือ?ฉีกประกาศแล้วก็ต้องไปจวนเจ้าเมืองกับพวกเรา"
ซ่งฉงปิงมองเยหลินทีหนึ่งแล้วพูดว่า"พี่ชายก็ข้าไม่ได้ตั้งใจจะฉีกเลย"
"ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ฉีกประกาศก็ต้องไปจวนเจ้าเมือง นี่เป็นกฎระเบียบ"ยังไม่ทันรอให้ซ่งฉงปิงพูดจบ องครักษ์คนหนึ่งก็พูดอย่างรำคาญ
ซ่งฉงปิงเห็นเช่นนี้ รู้ว่าองครักษ์เหล่านี้จะไม่ใช้เหตุผลหรอก
ขนาดองครักษ์ยังไม่มีเหตุผลเลย เจ้าเมืองที่นี่ก็คงไม่เท่าไหร่
นึกถึงเด็กสองคน ซ่งฉงปิงก็รู้ว่าครั้งนี้นางได้ไปแน่ๆ
ดังนั้น ซ่งฉงปิงเลยแกล้งทำเป็นตกใจ"ให้พี่ชายข้าไปคนเดียวหรือพวกเราต้องไปด้วย?"
ซ่งฉงปิงแกล้งทำเป็นว่าเยหลินถึงเป็นหมอ
มีเพียงเช่นนี้ พอถึงจวนเจ้าเมืองแล้วเจอเรื่องอะไรถึงสามารถรับมือได้ทัน
แถมเยหลินก็มีทักษะทางการแพทย์หน่อยนึงจริงๆ
ล้วนพูดกันว่าป่วยนานแล้วก็จะเป็นหมอเอง ก็เป็นเช่นนี้แหละ
แต่เมื่อเทียบกับการรักษาคน เยหลินถนัดพิษกู่มากกว่า
เยหลินในปีนั้นก็ใช้พิษกู่ลักพาตัวนางไปไม่ใช่หรือ?
เยหลินเข้าใจความหมายในคำพูดของซ่งฉงปิง เลยเหลือบตามองไปที่องครักษ์หลายคนนั้น และพูดว่า"ข้าไปกับพวกเจ้า แต่พวกเจ้าห้ามจับน้องสาวและหลานของข้า"
องครักษ์เหล่านั้น"ไปด้วยกันหมด ถ้าโวยวายอีกระวังพวกเราจะไม่เกรงใจแล้วนะ"
ซ่งฉงปิงและเยหลินสองคนแลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นสองคนก็ต่างอุ้มเด็กขึ้นมา จากนั้นเดินไปที่จวนเจ้าเมืองพร้อมกันองครักษ์เหล่านี้
รอคนเหล่านี้ไปหมด ประชาชนถึงกล้าซุบซิบกัน
"ครอบครัวนั้นมาจากต่างแดนแน่ๆ......"
"เขารู้กันหมดแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่ามาจากต่างแดน ใครกล้าไปฉีกประกาศนั้นล่ะ?"
"เฮ้อ ห้าปีผ่านไป คนที่ฉีกประกาศนับไม่ถ้วนแล้ว แต่ไม่มีสักคนที่สามารถเดินออกจากจวนเจ้าเมืองได้"
"ใช่ไง หลายปีก่อนยังมีหลายคนไม่รู้เรื่องอะไรฉีกประกาศแบบงงๆ แต่ปีนี้ไม่มีสักคนเลย ถึงแม้เงินรางวัลสูงมาก แต่ก็ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อใช้เงินนี้ด้วย"
"เสียดายเด็กสองคนนั้น และหญิงหน้าตาดีคนนั้นด้วย......"
ทุกคนพูดกันทีละประโยค
และเวลานี้ มีหน้าต่างบานหนึ่งบนโรงน้ำชาเปิดออกมาจากข้างใน
ชายหนุ่มที่อายุสิบกว่าปีคนหนึ่งได้ยินเสียงซุบซิบเหล่านี้ก็เงยหน้ามองไปทางที่องครักษ์เหล่านั้นจากไป
เห็นแต่เงาหลังของผู้ชายคนหนึ่งและผู้หญิงคนหนึ่ง ในมือของพวกเขาอุ้มเด็กคนละคน
สายตาของชายหนุ่มจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นสักครู่หนึ่ง ก็เก็บสายตากลับ
"คุณชายน้อยขอรับ ข้าน้อยได้ข่าวว่าสามีของเจ้าเมืองหญิงคนนั้นเป็นคนที่เจ้าเมืองหญิงเจอมาในริมน้ำเมื่อห้าปีก่อน ข้าน้อยว่าคนนั้นมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นเจ้านายขอรับ"
คนที่พูดมีหนวดเคราเต็มหน้า พอดูอย่างชัดเจนแล้ว ก็มองออกได้ว่า เขาเป็นหนานซิงนั่นเอง
ส่วนข้างๆของหนานซิง ยังมีหนานเฉินและไป๋เสายืนอยู่
ส่วนหนุ่มน้อยคนนั้น ก็คืออานอานฉีเจ๋อซวนที่ออกมาหาพ่อแม่ตั้งแต่ตอนอายุเจ็ดปี จนถึงตอนนี้อายุสิบสองปีแล้วยังไม่ได้กลับต้าชิ่งเลย
ฉีเจ๋อซวนมองหนานซิงทีหนึ่งอย่างเย็นชา
จริงๆเป็นแค่ชายหนุ่มอายุสิบสองปีเอง แต่กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาตึงไว้ เม้มปากด้วย เมื่อเทียบกับฉีเทียนเห้าในปีนั้นดูเย็นชากว่าด้วย
และตอนนี้ใบหน้าของอานอานไม่เห็นมีความอ่อนเยาว์แม้แต่นิด และไม่เห็นมีอารมณ์ใดๆเลย เหมือนกับว่าเขาเป็นเพียงแค่รูปปั้นเท่านั้น
แต่อานอานที่เป็นเช่นนี้กลับทำให้หนานซิง หนานเฉินและไป๋เสาหลายปีที่หามาห้าปีตามเขานั้นรู้สึกเจ็บปวดใจ
ในห้าปีนั้น คนในเมืองหลวงไม่เพียงแต่ครั้งเดียวที่ให้เขาเลิกหา แต่เขาไม่เคยเอ่ยเสียงใดๆ ต้องเดินหาทั่วแคว้นซีหรง และหาเจอพ่อแม่ของเขาถึงยอมจบ
ในระยะนี้ คุณชายของตระกูลเว่ยสองคนล้วนกลับเมืองหลวงกัน ถึงแม้หลังๆมักจะหาพบอานอานด้วย แต่พวกเขาก็ล้วนมีลูก ไม่สามารถอยู่ข้างนอกได้นาน
ห้าปีนี้ แม้กระทั่งผู้ใหญ่ก็ล้วนยืนหยัดไม่ได้ แต่มีเพียงอานอานคนเดียวที่ยืนหยัดลงมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...