กลุ่มเมฆดำเคลื่อนบดบังจันทราท้องฟ้าที่ไม่มีแม้แต่หิมะ แต่กลับหนาวเย็นอย่างน่าประหลาดใจ
เหยาชิงหลีกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู และร่างกายที่ผอมบางของนางก็ถูกลมหนาวพัดจนเซไปมายืนไม่มั่นคง อีกทั้งดวงตาที่ดำสนิทคู่นั้นล่องลอยไร้ซึ่งความรู้สึก
กลางดึกยามเที่ยงคืนกว่า คนรับใช้เกือบครึ่งหนึ่งของตระกูลเหยาออกมารวมตัวกัน และทุกคนกำลังถือโคมไฟเอาไว้อยู่ในมือ เบียดเสียดกันเสียจนลานหน้าเรือนเล็กของนางแทบจะไม่มีที่ยืนอยู่แล้ว
เรื่องครั้งนี้ช่างหนักหนายิ่งนัก เสมือนเป็นบทลงโทษจากสวรรค์ก็ไม่ปาน!
หลายปีที่ผ่านมา นางเอาแต่อยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ตัวมาตลอด แต่ว่า...ในที่สุดวันนั้นก็มาถึงจนได้...
เหยาติ่งท่านพ่อของนางกำลังเอามือไขว้เอาไว้ด้านหลัง และใบหน้าที่ปกติจะอ่อนโยน ไม่เคยจะแสดงสีหน้าอึมครึมหรือเกรี้ยวกราดมาก่อน บัดนี้ราวกับมีเมฆดำเข้ามาปกคลุมอยู่บนศีรษะอย่างไรอย่างนั้น และยังเค้นคำพูดออกมาจากซอกฟันอีกว่า “เหยาชิงหลี เจ้ารู้จักคำว่ายางอายบ้างหรือไม่?”
ร่างกายของนางสั่นเทาไปหมด และใบหน้าก็เปลี่ยนไปซีดขาว พยายามดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด “ท่านพ่อ...ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไรเจ้าคะ?”
“เพี๊ยะ!” ในที่สุดเหยาติ่งก็ทนต่อไปไม่ไหวอีก ตบเข้าไปที่หน้าหนึ่งฉาด
“โอ๊ย...” เหยาชิงหลีถูกตบจนล้มลงไป
“เจ้ามันลูกทรพี ไม่รู้จักยางอาย กล้าไปทำเรื่องบัดสีลับ ๆ แล้วยังแอบไปคลอดลูกข้างนอกอีก” เหยาติ่งตะคอกออกมาด้วยความโกรธ
ดวงตาทั้งสองข้างของนางเบิกกว้าง กว้างเสียจนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนใบหน้าสักนิด
“ไม่อยากเชื่อเลยหลีเอ๋อร์…เจ้าจะเป็นคนแบบนี้ไปได้จริง ๆ” เกาซื่อผู้เป็นแม่เลี้ยงออกความเห็นขึ้นมาและทำสีหน้าอย่างเหลือเชื่อ “ไม่น่าหลายปีที่ผ่านมา เจ้ามักจะผัดวันประกันพรุ่งไม่ยอมแต่งงานออกไป...ที่แท้เป็นเพราะว่าเจ้าแอบไปอยู่กับผู้ชายไม่มีหัวนอนปลายเท้าข้างนอก! ตระกูลเหยาของพวกเราทำไมถึงได้คลอดคนแบบเจ้าออกมาได้กันนะ?”
คำพูดของพวกเขาเปรียบเสมือนกับมีสายฟ้าฟาดเข้ามาที่หัวของเหยาชิงหลีอย่างแรง ทำเอานางอับอายเสียจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด...เป็นเพราะเรื่องนี้นี่เอง...พวกเขารู้กันหมดแล้วสินะ...
เมื่อสี่ปีก่อน นางได้ไปที่วัดซวีเย่ว์เพื่อไปสวดมนต์ให้กับท่านแม่ผู้ให้กำเนิดที่ล่วงลับไปแล้ว และพอตกดึกก็ไปอาศัยนอนในสำนักแม่ชี ผลปรากฏว่าในคืนนั้นมีคนร้ายสองคนลักลอบเข้ามา แล้วก็ทำการลักพาตัวนางออกมา จากนั้นก็ต้องการทำมิดีมิร้ายนางในป่า
แต่สุดท้ายสองคนนั้นกลับถึงฆาตตายไปเสียก่อน พวกเขาถูกอีกคนหนึ่งใช้ดาบฟันจนตาย
นางคิดว่าตัวเองสามารถรอดพ้นจากเคราะห์กรรมได้แล้ว แต่นึกไม่ถึงว่า สุดท้ายนางจะถูกคนที่มาช่วยนางเอาไว้คนนั้นทำให้นางต้องแปดเปื้อน
นางไม่รู้ว่าตัวเองกลับไปที่สำนักแม่ชีได้อย่างไร จำได้เพียงสาวใช้ของนางชิวอวิ๋นกับซย่าเอ๋อร์กำลังกอดนางแล้วร้องไห้ไม่หยุด นางอยากฆ่าตัวเองตายอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกพวกนางเข้ามาห้ามเอาไว้ทุกครั้งไป
แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือนางกลับตั้งครรภ์
นางไปหาหมอมากมายนับไม่ถ้วน แต่ทุกคนต่างบอกว่านางไม่สามารถทำแท้งได้ มิฉะนั้นจะไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้
ชิวอวิ๋นกับซย่าเอ๋อร์พานางไปหลบซ่อนตัว และสุดท้ายก็เช่าห้องนอกเมืองอยู่อย่างเงียบ ๆ เพื่อคลอดลูกที่นั่น
หลังจากคลอดลูกออกมานางรู้สึกรังเกียจมาก มากเสียจนไม่ยอมมองลูกแม้แต่นิดเดียว และก็เอาแต่ร้องไห้ให้ชิวอวิ๋นเอาเด็กสกปรกโสโครกคนนี้ไปโยนทิ้ง
หลังจากกลับถึงบ้าน นางก็เอาแต่เก็บตัวไม่ยอมออกไปไหน
หลายปีมานี้ นางฝันร้ายทุกคืนและก็หวาดผวาทุก ๆ วัน
แค่ภายในตระกูลเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาเล็กน้อย นางก็มักจะคิดว่าตัวเองเกิดเรื่องเข้าแล้ว
ตอนนี้ถึงเวลาแล้วสินะ ยังไงเสียช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดยังไงก็ไม่มิด!
“นายท่าน ขอร้องท่านล่ะ คุณหนูก็เป็นผู้เสียหายเหมือนกันนะเจ้าค่ะ!” ชิวอวิ๋นกับซย่าเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้นและร้องไห้อ้อนวอนไม่หยุด “ได้โปรดฟังพวกเราอธิบาย...”
“ไสหัวไป! พวกสกปรกโสโครก!” เหยาติ่งยกเท้าถีบพวกนางจนกลิ้งลงไปกับพื้น จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า “จะมีอะไรให้ต้องอธิบายอีก? พามันเข้ามา!”
“แง...” ได้ยินเพียงเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยดังขึ้น และคนรับใช้คนหนึ่งก็พาตัวเด็กชายอายุราวสามสี่ขวบเดินเข้ามา
“นี่คือลูกนอกคอกที่เจ้าให้กำเนิด!” เหยาติ่งชี้ไปยังเด็กชายแล้วตะคอกใส่ “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าชิวอวิ๋น เจ้าคนรับใช้คนนี้ออกจากเมืองหลวงไปทุกเดือนเพื่อไปเยี่ยมเขา พวกเราก็คงไม่มีทางรู้ได้หรอก! ไม่เพียงแต่แอบไปคบหากับชายข้างนอกเท่านั้น ยังคลอดลูกออกมาแล้วแอบซ่อนตัวไว้อีก เหยาชิงหลี เจ้าทำงามหน้ามาก! ช่างสำส่อนเสียจริง ๆ”
วินาทีที่เหยาชิงหลีเห็นเด็กชายคนนั้น ร่างทั้งร่างก็ตกอยู่ในอาการตะลึง และนางก็ค่อย ๆ หันไปมองที่ชิวอวิ๋นพร้อมกับพึมพำว่า “ไม่ใช่บอกให้เจ้าโยนทิ้งไปแล้วหรือ? เพราะอะไรถึงยังอยู่...เพราะอะไร? เพราะอะไร!!!” พอช่วงท้ายประโยคนางก็กรีดร้องออกมาอย่างสติแตก
เพราะว่า...ทำใจไม่ได้จริง ๆ! ชิวอวิ๋นล้มลงไปนั่งกับพื้น และร้องไห้ด้วยความเสียใจและสิ้นหวัง “คุณหนูเจ้าคะ ขอโทษ! ขอโทษ...”
คนรับใช้โยนเด็กลงบนพื้น “ลูกนอกคอก แม่ของเจ้าอยู่ตรงนั้นแล้ว!”
“แง...” เด็กชายถูกโยนลงพื้นจนกลิ้งม้วนตัวอยู่หลายตลบ จนร่างกายของเขาเต็มไปด้วยดินโคลน ช่างสกปรกและเวทนาอย่างยิ่ง
เกิดเสียงดัง “โครม” ดังขึ้น ชั่วพริบตาเดียวศีรษะก็แตกจนมีเลือดไหลออกมา ราวกับจะดอกไม้ที่บานสะพรั่งออกมาเต็มไปด้วยสีแดงฉูดฉาด ราวกับว่าความอัปยศอดสูนี้ค่อย ๆ ไหลออกไปยังไงยังงั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงข้ามภพ