ไหปีศาจ นิยาย บท 223

บทที่ 223
วิญญาณที่ส่องสว่างณ มิติไห
หอคอยสีขาวขนาดใหญ่ส่องแสงสว่างไสว
ลั่วอู๋ยังคงสงบนิ่ง โดยสังเกตเห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างหญ้าวิญญาณต่อหน้าเขาอย่างระมัดระวัง จากนั้น ก็เริ่มสังเคราะห์พวกมันทีละต้นประตูหอคอยสีขาวได้เปิดออก
ลั่วอู๋ค้นพบสูตรมากกว่าหนึ่งโหล แต่ก็น่าเสียดาย ที่ไม่มีสูตรไหนที่ทำให้เขารู้สึกสนใจได้

หลังจากพลังวิญญาณหมดลง ลั่วอู๋ได้กินยาเทียนหยวนหนิงลินจากนั้น ก็เริ่มสูดลมหายใจเข้าออก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกในวันนี้

เพื่อตามหาภูตไห ลั่วอู๋นั้นต้องเข้าร่วมกับสำนักเฉียนหลง
จากการสอบคัดเลือกเฉียนหลงในรอบที่สอง ทำให้ลั่วอู๋รู้ว่าการทดสอบเฉียงหลงนั้นคืออะไร ผู้เข้าร่วมต่างก็เป็นผู้มีความสามารถมากมายนับไม่ถ้วนจากทั่วทั้งจักรวรรดิ

มันเป็นเรื่องยากมากที่จะผ่านการสอบคัดเลือกในรอบที่สอง เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าการทดสอบในรอบที่สามนั้นจะดุเดือดแค่ไหน

ในการทดสอบรอบต่อไป เขาจะต้องเผชิญหน้ากับผู้มีความสามารถจากทั่วทั้งทวีป เช่นเดียวกับเหล่าผู้มีความสามารถระดับปีศาจจากเมืองหลวงของจักรวรรดิ

ลั่วอู๋ไม่คิดว่าตัวเองนั้นด้อยกว่าคนอื่น แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความสามารถการปรับแต่งของเขานั้นยังอ่อนด้อยและมิติวิญญาณของเขานั้นก็ยังต่ำเกินไป ต่อหน้าผู้ที่มีความสามารถในระดับของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงนั้น เขาก็ยังคงอ่อนแอมากอยู่ดี

“เราควรใช้เวลาให้คุ้ม ถ้าเราสามารถพัฒนาเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงได้ก่อนการทดสอบคัดเลือกรอบที่สาม โอกาสในการผ่านการทดสอบก็จะเพิ่มขึ้นมาก”

ลั่วอู๋นั้นเป็นคนขยัน เขาใช้เวลาอยู่ในมิติไหเป็นเวลาติดต่อกันกว่า 5 เดือน และในที่สุดเขาก็ได้พัฒนาขึ้นเป็นระดับเงิน มิติที่ 9 แล้ว

ยิ่งมิติสูงขึ้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพัฒนาได้ยากขึ้น ในสถานที่ที่มีพลังวิญญาณมากขนาดนี้ มันต้องใช้เวลากว่า 5 เดือนเพื่อยกระดับมิติวิญญาณขึ้นไปอีก 2 ระดับ มันแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากที่เขาต้องเจอ

5 เดือนในมิติไห นั้นเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือนของโลกภายนอก

หลังจากที่ไร้หน้าเดินทางกลับมา อารมณ์ที่แปรปรวนและลมปราณของเขาก็สงบลง เห็นได้ชัดว่า การเดินทางไปภูเขากุยโตนั้น ทำให้เขาเฉียบคมขึ้นอย่างมาก
เขาได้นำผีทหารกว่า 720 ตน, ผีทหารระดับนายพล 100 ตน และผีเร่ร่อนกว่า 1000 ตน กลับมาด้วย

เหล่าบรรดาผีเร่ร่อน, ผีทหารและผีทหารระดับนายพลต่างพากันไปหาไป่ฉี ทันใดนั้นกองทัพผีทหารก็เพิ่มมากขึ้นหลายพันตน แต่ก็ยังต้องใช้เวลาในการฝึกฝนอีกมาก

เจ้านกโง่ก็ยังคงมีความสุขดี ถึงจะไม่มีความสุขในบางครั้งก็ตาม

เพราะลั่วอู๋นั้นได้รวบรวมนกวิญญาณระดับเงินมากกว่า 500 ตัว ให้กับมันในครั้งเดียว อย่างไรก็ตามพวกมันก็เป็นนกที่รักสันโดษ

ตอนนี้เจ้านกโง่จึงวุ่นวายอย่างมาก ในการต้องคอยกำราบเหล่า “น้องใหม่” ที่ดื้อรั้นอยู่ทุกวัน

“นายน้อย จี๋กุยมาถึงแล้วขอรับ และเขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องการบอกกับท่านขอรับ”

ด้านนอกประตูมีเสียงของทรายกระทบกันตลอดเวลา
ทุก ๆ เดือน จี๋กุยจะเข้ามาที่สำนักโล่พิทักษ์เพื่อซื้อดาบเลือดเดือดจำนวน 10 เล่ม ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ได้ทำกับลั่วอู๋เอาไว้ในตอนเปิดสำนักโล่พิทักษ์

ลั่วอู๋ไม่ลังเลที่จะเดินออกไปพบเขา
เพราะจี๋กุยนั้นก็คือรองผู้บัญชาการหน่วยสยบมังกร
เมื่อเขามาถึงห้องโถงใหญ่ของสำนักโล่พิทักษ์ จี๋กุยนั้นกำลังจ้องมองไปที่โคมไฟนำทางวิญญาณ รูปดอกบัว พร้อมกับแสดงสีหน้าแปลก ๆ“จี๋กุย?” ลั่วอู๋ถาม
จี๋กุยอยู่ในสภาพที่เหม่อลอย ดวงตาของเขานั้นจับจ้องไปที่โคมไฟนำทางวิญญาณสม่ำเสมอ ตะเกียงวิญญาณถูกปกคลุมไปด้วยลมปราณอันแสนขุ่นมัว มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กลับมีความลึกลับอย่างมาก
“จี๋กุย?” ลั่วอู๋เรียกชื่อเขาอีกครั้ง
จี๋กุยทำได้แค่เพียงตอบกลับว่า “เจ้าของร้านลั่ว เจ้าอยู่ที่นี่แล้วสินะ… ”“ใช่ ข้าได้เตรียมดาบเลือดเดือดไว้ให้เจ้าแล้ว” ลั่วอู๋กล่าว
จี๋กุยยกมือขึ้นและชี้ไปที่ตะเกียงนำทางวิญญาณ พร้อมกับจดจ้องไปที่ตรงนั้น “ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวล เจ้าของร้านลั่ว เจ้าเป็นเจ้าของโคมไฟนำทางวิญญาณนี่ใช่ไหม?”

“เจ้าจะนำสิ่งนี้ไปทำอะไรงั้นหรือ?” ลั่วอู๋ไม่เข้าใจ
จี๋กุยตอบกลับว่า “ผลจากแสงแห่งวิญญาณนั้นเกิดจากการรวมกันของพลังวิญญาณที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แม้แต่พลังวิญญาณที่เบาบางของคนธรรมดาก็สามารถใช้งานมันได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ใช่ไหม?”ลั่วอู๋พยักหน้า “ใช่แล้ว”
“แล้วมันอยู่ที่นี่ ” จี๋กุยกลอกสายตาไปมา “50 ปีก่อน เกิดการนองเลือดขึ้นในราชวงศ์มังกรเร้นกาย ในช่วงเวลานั้น ศพมากมายของกองทัพที่เข้าปะทะกันจนกลายเป็นทะเลเลือด หลังจากสิ้นสุดสงคราม ได้มีคนของกองทัพประมูลราคาของโคมไฟนำทางวิญญาณ เจ้ารู้ไหมว่าเขาขายได้เท่าไหร่?”

“100,000?” ลั่วอู๋ถามอย่างสงสัย
จี๋กุยส่ายหัว
ลั่วอู๋ครุ่นคิด “ครึ่งล้านงั้นเหรอ?”
จี๋กุย รู้สึกไม่พอใจ “ถ้ามันถูกขนาดนั้น ข้าก็คงไม่คงมานั่งคุยกับเจ้าหรอก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไหปีศาจ