บทที่ 224
ผู้บัญชาการหลิงหลง
ผู้บัญชาการที่จี๋กุยพูดถึงนั้นหมายถึงผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยสยบมังกร
หน่วยสยบมังกรเป็นหนึ่งในกองทหารที่ทรงพลังที่สุดในโลก และผู้บัญชาการของหน่วยเองก็น่าจะเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ
“เจ้าเข้าใจผิดรึเปล่า ? ผู้บัญชาการของเจ้าคงอยากจะเจอกับไร้หน้ามากกว่ามั้ง” ลั่วอู๋ถาม
ไร้หน้าเป็นศิษย์ของผู้บัญชาการคนเก่าของหน่วยสยบมังกร จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้บัญชาการคนปัจจุบันจะอยากเจอเขา
จี๋กุยส่ายหัว “ไม่ ๆ ผู้บัญชาการของข้าต้องการพบกับเจ้า”
หากคนที่แข็งแกร่งระดับนี้ต้องการพบเขา ต่อให้เขาจะไม่อยากไปพบ เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธอีกฝ่ายได้
มิฉะนั้นมันจะไม่เพียงแค่เป็นการสร้างความขุ่นเคืองให้กับเขาผู้แข็งแกร่งคนนั้น แต่ยังทำให้หน่วยสยบมังกรทั้งหมดขุ่นเคืองไปด้วย
“อย่ากังวลเกินไปน่า ผู้บัญชาการของข้า ไม่ทำอะไรเจ้าหรอก” จี๋กุยกล่าว
ลั่วอู๋เดินตามจี๋กุยไปอย่างไม่เต็มใจ แน่นอนว่าไร้หน้าเองก็เช่นกัน
พวกเขาเดินไปที่ค่ายเล็ก ๆ ซึ่งประจำการอยู่นอกเมืองหมิงหนาน มันไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ ที่นี่มีทหารเพียงแค่ 100 คน เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่กองกำลังหลักของหน่วยสยบมังกร
เมื่อเดินเข้าไปในค่ายทหาร เขาก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเหล็กและเลือด
แม้จะมีคนเพียงร้อยคน แต่บรรยากาศโดยรวมก็ยังดุร้ายราวกับที่นี่เต็มไปด้วยเสือ เหมือนกับว่าเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าทหารแสนคนที่กำลังจะบุกเข้าโจมตีเมือง
ลั่วอู๋สังเกตเห็นได้ว่ามีทหารที่เย็นชาและเคร่งขรึมหลายคนกำลังใช้ดาบเลือดเดือดและลมปราณของดาบเลือดเดือดเหล่านั้นก็เพิ่มขึ้นมามาก
“ปรากฏตัวออกมาซะ” ทันทีที่ลั่วอู๋ก้าวเข้าไปในค่ายทหารเขาก็โดนโจมตีใส่อยู่หลายครั้ง
เหล่าทหารต่างแสดงความระมัดระวังต่อความว่างเปล่าเบื้องหลังลั่วอู๋
ไร้หน้าที่ซ่อนอยู่ในเงาปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความประหลาดใจ ความสามารถของเขาใช้ที่นี่ไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?
ทหารธรรมดาเพียงสองสามคนก็สามารถรู้ตำแหน่งของเขาได้
“อย่าดูถูกหน่วยสยบมังกรของพวกเราเชียว ทหารทุกคนในนี้สามารถเป็นได้ถึงขั้นนายพล หากเขาออกไปจากหน่วย” จี๋กุยพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
จี๋กุยโบกมือห้ามเหล่าทหารเอาไว้ “อย่าโจมตี เขามากับข้า”
“ท่านรองกลับมาแล้ว”
“ท่านรอง คราวนี้ถึงตาข้า ที่จะได้รับดาบแล้วใช่ไหม?”
“ไม่ ๆ ตาข้าต่างหาก”
“ข้าตายแน่ ๆ ถ้าคราวนี้ข้ายังไม่ได้ดาบเลือดเดือด”
“ออกไป อย่ามาขวางทางท่านรองจี๋กุย” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชอบธรรมของทหารบางคนพูดประโยคนี้ ทันใดนั้นก็มีดวงตานับไม่ถ้วนจ้องมาทางจี๋กุยคำเยินยอเริ่มจะไร้ยางอายขึ้นเรื่อย ๆ
จี๋กุยหัวเราะเบา ๆ “พวกเจ้าอย่าเพิ่งเอะอะกันไปน่า ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำก่อนตอนนี้ หลังเสร็จธุระกับท่านผู้บัญชาการ ข้าจะกลับมาแจกจ่ายดาบให้พวกเจ้า”
“ตามข้ามา” จี๋กุยกล่าวด้วยเสียงต่ำ
จากนั้นจี๋กุยก็พาลั่วอู๋ไปที่ส่วนในของค่ายทหาร
“อย่าประหม่าเชียวล่ะ ท่านผู้บัญชาการเป็นคนกันเองและเข้าถึงง่าย จำไว้ด้วยว่าอย่าไปทำให้ท่านเสียอารมณ์ก็พอ” เมื่อจี๋กุยพูดเตือนเสร็จ เขาแล้วยกม่านของค่ายขึ้นลั่วอู๋พยักหน้า
แม้เขาจะยังกังวลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ขี้อายจนเกินไปหรือไม่สุภาพเลยแม้แต่น้อย ขนาดนี้แล้วยังเป็นไปได้ไหมที่ผู้บัญชาการจะไม่พอใจ?
เมื่อผ้าม่านถูกยกออก ก็ปรากฏให้เห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ของผู้บัญชาการหน่วย นางสวมชุดเกราะเพลิงที่มีสีแดงราวกับดวงอาทิตย์
แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงตกใจอยู่ดี
ผู้บัญชาการของหน่วยสยบมังกรนั้นเป็นผู้หญิง!
ใครจะคิดว่าผู้บัญชาการของกองทัพที่ทรงพลังมากที่สุดในจักรวรรดิจะเป็นผู้หญิง
“ท่านผู้บัญชาการ” จี๋กุยกราบบังคมทูล “ข้าพาลั่วอู๋มาที่นี่แล้ว”
หญิงสาวมองขึ้นไปแว่บหนึ่ง ดวงตาของนางลึกล้ำราวกับเหว เพียงแค่แวบเดียวทำให้ลั่วอู๋รู้สึกหวาดกลัวและไม่สามารถต้านทานความกลัวในใจได้“ดีมาก” หญิงสาวยังคงมองลงไปที่หนังสือต่อ
ลั่วอู๋หายใจเข้าลึก ๆ เขายังคงยืนเงียบอยู่ที่เดิม รอคอยอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีร่องรอยของความร้อนรน
น้ำเสียงของหญิงสาวสละสลวยและน่าฟัง แต่มีบางส่วนที่ดูหยาบและแหบ เผยให้เห็นถึงความโดดเด่นและความรู้สึกอันหนักแน่นอย่างอธิบายไม่ได้
“ใช่ ข้านี่แหละคือคนที่ขายดาบเลือดเดือด ท่านผู้บัญชาการ” ลั่วอู๋กล่าวอย่างไม่ถ่อมตัวหรือเอาแต่ใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไหปีศาจ