บทที่ 67
คนชั้นต่ำ
ลั่วอู๋มองไปรอบ ๆ
มีกลุ่มของคนสี่คน โดยประกอบไปด้วยชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคน พวกเขามีออร่าที่ดูน่านับถือมากเลยทีเดียว ลั่วอู๋เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยมู่เฉิง
อย่างไรก็ตามไม่ใช่มู่เฉิงที่พูดออกมา แต่เป็นเด็กชายผู้สวมเสื้อคลุม ร่างกายของเขาค่อนข้างเตี้ย
ฉูจงฉวนหันหน้าของเขาและมองไปที่มู่เฉิง “มู่เฉิงทำไมตระกูลมู่ของเจ้า ถึงมาที่นี่ในฐานะตัวแทนเหมือนกันด้วยล่ะ”
มู่เฉิงไม่พูดอะไร
เด็กชายคนที่มากับมู่เฉิงโกรธ “เฮ้ ข้ากำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ”
“ทำไมใครพูดกับข้า” สายตาของฉูจงฉวนเบนไปข้างหน้าอย่างหงุดหงิด เขามองกวาดไปมา
“ข้าเอง!” เด็กชายตัวเตี้ยกว่าเขาตะโกนใส่ ฉูจงฉวน
ฉูจงฉวนก้มหัวจ้องมองลงไป “เจ้าคือ 1 ใน7 นายน้อยตระกูลมู่ มู่เฉียนนี่เอง ข้าขอโทษด้วย เจ้าตัวเตี้ยเกินไปข้าเลยมองไม่เห็นเจ้า”
เด็กชายคนนี้มีนามว่า มู่เฉียน
“มู่เฉียน” มู่เฉิงเรียกเด็กชาย
มู่เฉียนจ้องมองไปที่ฉูจงฉวนอย่างดุเดือด เขารู้ว่าพวกเขาไม่สามารถต่อสู้กันที่นี่ได้ เขาจึงทำได้เพียงแค่หุบปาก
ดวงตาของมู่เฉิงกวาดไปที่ฉูจงฉวนและหยุดที่ลั่วอู๋ ในที่สุดเขาก็จำเจ้าหนุ่มคนนี้ได้ หนุ่มน้อยผู้ขายสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์หน้าโรงประมูลเฉิงเทียนและทำให้เขาต้องเสียหน้า
“ช่างเป็นคนที่โชคดีจริง ๆ แค่มีสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ เจ้าก็สามารถเข้ารวมการประมูลสินค้านี้ได้แล้ว” มู่เฉิงพูดอย่างเย้ยหยัน
ขณะนั้นมู่เฉียนก็แทรกถามว่า “พี่สาม เจ้านี่คือคนที่ท่านพูดถึง ที่เป็นคนขายสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์บนถนนและทำให้ท่านขายหินสายรุ้งไม่ได้ในวันนั้นใช่ไหมขอรับ”
“ใช่” มู่เฉิงพยักหน้า
“เขาเป็นคนโชคดีจริงๆ” ปากของมู่เฉิงเผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม “อย่างที่รู้ ๆกันสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์มันหายาก การที่จะเจอมันได้นั้นขึ้นอยู่กับโชคเท่านั้น ฉูจงฉวนเป็นคนที่มีเครือข่ายกว้างขวางจริงๆ เขารู้จัก ผู้คนไปทั่ว “
ซึ่งการพูดแบบนี้หมายความว่าเขาพยายามจะสื่อว่าสถานะของลั่วอู๋นั้นต่ำ เขาเพียงแค่เป็นคนที่โชคดี และฉูจงฉวนเองก็เป็นคนชั้นต่ำเพราะเลือกเป็นเพื่อนกับคนแบบนี้
ฉูจงฉวนและมู่เฉิงนั้นไม่ถูกกันเป็นอย่างมาก หากพวกเขาได้พบกันก็เกือบจะเป็นเรื่องแน่นอนว่าจะต้องทะเลาะกันเสมอ
ฉูจงฉวนขมวดคิ้ว
เขาไม่ได้สนใจว่าตัวเขาจะเผลอไปชวนใครทะเลาะรึเปล่า เพราะยังไงเขาก็ไม่มีทางทะเลาะกับตัวเองได้อยู่แล้ว
แต่ตอนนี้เพื่อนของเขากำลังถูกดูหมิ่น ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจมากมาก
“ใช่ เขาโชคดีมาก” ฉูจงฉวนเย้ยหยัน “แต่อย่างน้อย เขาก็พึ่งพาความสามารถของตัวเองในการเข้ามาที่นี่ ไม่เหมือนบางคนที่ถ้าตัดภูมิหลังของตระกูลออกไปก็ไม่มีอะไรน่าชื่นชม”
สีหน้าของมู่เฉิงเปลี่ยนไป
เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้หมายถึงตัวเขา
อย่างไรก็ตามมู่เฉิงส่ายหัวของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ปนเย่อหยิ่งว่า “อย่าไปโกรธกับคำพูดของคนแบบนี้เลย พวกเราคือชนชั้นสูงที่มีฐานะ ถ้าเจ้าไปอยู่ใกล้กับหมึกดำเจ้าก็จะเปื้อนสีดำ เราไม่ควรคบหาสมาคมกับคนพวกนี้ อย่างไรก็ตามคนบางคนชอบที่จะทำความรู้จักกับพวกชั้นต่ำ ซึ่งพวกเราก็ไม่สามารถไปห้ามปรามอะไรพวกมันได้ “
ลั่วอู๋เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีร่องรอยของความโกรธปรากฏขึ้น
พวกเขาคงจะคิดว่าตัวเองควบคุมอารมณ์ได้ดี
แต่สำหรับเขาแล้วทั้งสองคนที่มาจากตระกูลมู่ต่างก็เป็นแค่คนชั้นต่ำที่ดีแต่เปิดปากพูดและทำตัวหยิ่งยโส
ถ้าเขาไม่ได้สนว่าตัวเองไม่อยากถูกยอมรับในฐานะคนของตระกูลลั่วและไม่ได้ปกปิดไว้ พวกตระกูลมู่พวกนี้ยังจะกล้าหืออีกไหม เป็นเพียงแค่ตระกูลที่มีชื่อเสียงในเขตนี้เลยกล้าที่จะเยาะเย้ยข้าเนี่ยนะ
“แล้วเจ้ามีดีอะไรบ้าง ถึงทำเป็นพูด” ฉูจงฉวนตบไหล่ลั่วอู๋ แล้วพูดถากถางว่า “เขากำลังนั่งอยู่ใน ที่นั่งพิเศษที่มีตราของคฤหาสน์ชวนเทียน มู่เฉิงที่นั่งของเจ้ามันมีตราของชวนเทียนรึเปล่าล่ะ ถ้าเจ้าอยู่ในระดับสูงจริงทำไมไม่นั่งในที่นั่งพิเศษที่มีตราของคฤหาสน์ชวนเทียน”
“เจ้าคิดผิดแล้ว” ชายคนหนึ่งผู้ยืนอยู่ใกล้ ๆ กับมู่เฉิงพูดขึ้นว่า “แม้ว่าที่นั่งพิเศษที่มีตราของคฤหาสน์ชวนเทียนนั้นดี แต่มันก็เป็นเหมือน ๆ กับเรื่องทั่ว ๆ ไป”
ฉูจงฉวนสบตามองไปที่ชายคนนั้น “เจ้าเป็นใครกัน”
มู่เฉียนยืดอกพูดด้วยความภาคภูมิใจ “ท่านผู้นี้คือบุตรชายของ องค์ชายรัชทายาทแห่ง พิงหนาน หลี่ชวนเฉิง”
บุตรชายขององค์ชายรัชทายาท
หัวใจของฉูจงฉวนรู้สึกไม่ค่อยดี
มีองค์ชายรัชทายาทและเจ้าชายอีกสามคนในราชวงศ์มังกรเร้นกาย ซึ่งเขาเป็นบุตรของว่าที่องค์จักรพรรดิและหลานชายขององค์จักรพรรดิคนปัจจุบัน ในแง่ของสายเลือดเขาก็ถือว่าเป็นว่าที่องค์จักรพรรดิ
แม้ว่าตัวตนของเขาคนนี้จะไม่ได้สูงส่งเท่าองค์หญิง เจียโรว แต่ก็ถือว่าสูงมาก
หลี่ชวนเฉิงกล่าวอย่างขำขัน“ ทั้งสองคนกำลังจะไปกับข้าสู่ที่นั่งมังกร เพื่อรอให้การประมูลเริ่ม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไหปีศาจ