เมื่อรู้สึกถึงสายตาของพี่ชายใหญ่ที่มองมา มู่เหยาก็พยักหน้าเอาใจ ““พี่ชายใหญ่ เป็นความคิดของข้าเอง ท่านก็รู้ว่าข้าจะต้องแต่งเข้าสู่จวนอ๋องฉู่”
“ชื่อเสียงของจวนจงซู่โหว ย่อมนำติดตัวไปไม่ได้ อีกทั้งท่านพ่อท่านแม่ข้าไม่มีลูกชาย ส่วนพี่รองก็ไม่ชอบเรื่องวรรณกรรม หากท่านยอมเป็นบุตรบุญธรรมของจวนจงซู่โหว ข้าจะหาคนมาดูแลเอง”
“ยิ่งไปกว่านั้น อย่างไรพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน น้ำปุ๋ยไม่ควรไหลไปนาของคนนอกอยู่แล้ว”
ที่สำคัญคือรู้ไส้รู้พุงกันดีอยู่แล้ว
มู่เหยาก็จะได้ลดปัญหาความยุ่งยากไปได้มาก
แต่เรื่องอุปการะนั้นสำคัญยิ่ง จึงต้องเชิญเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลมู่มาด้วย
ดังนั้นจึงต้องไปปรึกษาหลันชงก่อน
เมื่อหลันชงได้สติกลับมา ก็ขมวดคิ้วแน่น “น้องหญิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าการตัดสินใจนี้อาจส่งผลต่อเจ้าในวันข้างหน้า หากวันหนึ่งพี่กลายเป็นคนไม่เห็นแก่ญาติพี่น้อง เจ้าจะไร้บ้านแม่ให้พึ่งพิงแล้ว”
พูดจบ ก็โดนท่านแม่ของตนถลึงตาใส่
หลันชงหดคอ แต่ยังอธิบายถึงข้อดีข้อเสียอย่างชัดเจน
“เรื่องนี้น้องหญิงลองคิดดูอีกทีดีไหม?”
เรื่องรับอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม สำหรับหลันชงมันมีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย
อีกอย่าง หลังจากรับอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม ชื่อตำแหน่งท่านโหวแห่งจวนจงซู่โหวก็จะตกเป็นของเขา
ถึงแม้จะไม่ได้ตำแหน่งใดจากการสอบขุนนาง แต่ชื่อเสียงนี้ก็เพียงพอให้ผู้คนไม่กล้าลบหลู่แล้ว!
“ข้าคิดไว้ดีแล้ว พี่ชายใหญ่ชอบวรรณกรรม ทั้งยังตั้งใจเล่าเรียน ข้าคิดว่าในการสอบขุนนางช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ ท่านจะต้องได้อันดับดีแน่ ข้ายังหวังจะพึ่งพาพี่ชายใหญ่อยู่นะ”
มู่เหยายิ้มอ่อนโยน แต่กลับทำให้หลันชงตาแดง
ซูโหรวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็อดถอนหายใจไม่ได้ “เพราะจวนจงซู่โหวไม่มีผู้ชายในราชสำนักคอยสนับสนุน อาหน่วนเลยมักจะเป็นคนที่ถูกรังแกง่ายสุดในหมู่ตระกูลขุนนาง
“หากเจ้ามีใจ ก็ควรได้อันดับดี ๆ ในการสอบขุนนางช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพื่อปกป้องน้องหญิงของเจ้า!”
คำพูดเหล่านั้นทำให้แววตาของหลานชงจริงจังขึ้น เขามองมู่เหยาอย่างละเอียดและมองท่านแม่ ก่อนจะกล่าวคำสาบานอย่างเอาจริงเอาจริง
“ข้าหลันชง ต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ต้องมีชื่อบนป้ายประกาศ มิฉะนั้นจะไม่ได้รับสงบสุขไปตลอดชีวิต!”
“ถุยถุยถุย! พี่ชายใหญ่พูดอะไรโง่ ๆ อย่างนั้น ถึงพี่ชายใหญ่จะไม่เอาไหน อาหน่วนก็ไม่มีทางรังเกียจ”
มู่เหยาลุกขึ้นยืนและกระทืบเท้า จากนั้นรีบเข้าไปดึงมือที่หลันชงชูขึ้นลงมา
“แค่อยากแสดงความตั้งใจให้น้องอาหน่วนเห็นเท่านั้น ไม่ต้องห่วง ปีนี้พี่มั่นใจมากว่าจะสอบได้อันดับดี!”
พูดจบ หลันชงก็ให้เด็กรับใช้นำหนังสือไปในห้องตำราเพื่อทบทวนอย่างรอไม่ไหว
ซูโหรวเห็นแล้วได้แต่ส่ายหัวอย่างจนปัญญา
“ป้าสะใภ้ ในเมื่อพี่ชายใหญ่รับปากว่าจะเป็นบุตรบุญธรรมของจวนจงซู่โหว อีกสองสามวันข้างหน้าก็ไปวัดชิงชาน ขอให้เจ้าอาวาสตั้งชื่อใหม่ให้พี่ชายใหญ่ดีหรือไม่?”
เมื่อเข้าสู่ทำเนียบตระกูลมู่ ก็ใช้แซ่หลันไม่ได้แล้ว

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ในเมื่อท่านปันใจ งั้นข้าขอแต่งกับยอดขุนนาง
ทำไมฉันเสียเงินซื้ออ่านในเว็บไซต์ แล้วพอรีโหลดอ่านใหม่ ตอนที่ 59 ไม่ได้อีก มันขึ้นว่าขัดข้อง ขอโทษนะ เงินก็จ่ายจะขัดข้องอะไร หัดปรับปรุงระบบด้วย คนอ่านเสียอารมณ์...
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสได้มั้ยคะ...