ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 49

อุ่บ......

ไป๋ชิงหลิงเกือบอดไม่ได้และหัวเราะออกมา

ตอนอยู่ที่สระกำมะถันหอหลิวเหยียน ก็ได้รับรู้ถึงความปากร้ายของท่านอ๋องหรง ทว่านางคิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะกำเริบเหิมเกริมเช่นนี้ต่อหน้าพระสนมเอกหรง

และเป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นพระสนมเอกหรงกระอักกระอ่วนใจเช่นนี้

"ท่านอ๋องหรง อย่าได้ตัดสินใจอะไรไปก่อนเลย เรื่องนี้จะต้องมีอะไรเข้าใจผิด เจ้าควรจะถามติ้งเป่ยโหวเสียก่อน พระชายาต้วนและแม่นางไป๋ คนหนึ่งก็เป็นลูกสาวของเขา อีกคนก็เป็นลูกบุญธรรมของเขา เจ้ากลับทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เช่นนี้ไม่ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของขุนนางหรอกหรือ ติ้งเป่ยโหวเป็นขุนนางของฝ่าบาท เจ้าไม่เพียงไม่ปลอบใจ แต่กลับตอกย้ำซ้ำเติม นี่ถือเป็นการทำร้ายจิตใจขุนนาง ในอนาคตใครจะอยากจงรักภักดีต่อฝ่าบาทอีก" พระสนมเอกหรงโกรธมาก น้ำเสียงที่กล่าวออกมาและสีหน้าที่แสดงออกมาจึงเต็มไปด้วยความโมโห

ไป๋ชิงหลิงฟังมาถึงตอนนี้จึงรีบแย้งขึ้นมา "พระสนมเอกหรงเพคะ เรื่องของพระชายาต้วนนั้นอย่าได้เอาไปยุ่งเกี่ยวกับท่านพ่อของหม่อมฉัน ท่านพ่อปฏิบัติตามกฎหมายอย่างดีเสมอมา แน่นอนว่าเขาไม่มีทางใช้กองกำลังทหารเพียงน้อยนิดเพื่อข่มขู่ฝ่าบาท และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดบังและแอบซ่อนผู้ที่ทำผิด ท่านพ่อของข้าน้อยเคยบอกว่า การได้แสดงความจงรักภักดีต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท ณ ท้องพระโรงนั้น ถือเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจของตระกูลไป๋ และเป็นโชควาสนาที่เขาได้ทำมาตลอดชีวิตเพคะ"

"เพี้ยะ!" ความโกรธของพระสนมเอกหรงเดือดพล่าน จากนั้นตะคอกใส่ไป๋ชิงหลิง "เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้ ที่นี่ไม่มีที่ว่างให้เจ้าพูดแทรก"

มุมปากของไป๋ชิงหลิงเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งการเย้ยหยัน จากนั้นนางเงยหน้าขึ้นเพื่อถามกลับ "เมื่อสักครู่แม่นมกวนกล่าวพระสนมเอกหรงเชิญให้ข้าน้อยเข้ามาเป็นแขก เมื่อแขกเข้ามายังตำหนักลี่อี๋แล้วก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เลยหรือเพคะ?"

"เมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ก็คงไม่มีอะไรจะพูดอีก" หรงเยี่ยลุกขึ้นยืนและเตรียมจะเดินออกจากตำหนักลี่อี๋ไป ทว่าพระสนมเอกหรงกลับรีบห้าม "เดี๋ยวก่อน"

ความหมายของฝ่าบาทก็คือ คาดหวังว่าเรื่องนี้สามารถประนีประนอมได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น