ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 705

“ใช่ ข้าเองก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่คาถาต้องห้ามพวกนี้ หากไม่ใช่สิ่งที่นักปราชญ์หญิงระดับสูงก็ไม่อาจแตะต้องมันได้ นักปราชญ์หญิงรุ่นที่สิบเก้าได้เสียชีวิตไปเมื่อยี่สิบปีก่อน และนักปราชญ์หญิงของชนเผ่าอูเซินรุ่นที่สิบแปดก็เสียชีวิตไปเมื่อร้อยปีก่อนหน้านั้น ซึ่งร้อยปีที่ผ่านมาก็ไม่มีนักปราชญ์หญิงปรากฏตัวออกมาอีกเลย ดังนั้น......เหล่านักปราชญ์หญิงรุ่นก่อน ๆ ต่างจากโลกนี้ไปแล้ว เช่นนั้นหากไม่ใช่ตัวนางเองแล้วจะเป็นใคร?”

เขารู้ว่านางไม่มีทางสงสัยจื่ออี

เขาตรวจสอบร่องรอยการเดินทางของจื่ออี ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำพานางไปส่งที่ชายแดนของแคว้นหรง จากนั้นนางก็กลับไปยังชนเผ่าอูเซินโดยตรง

ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเป็นผู้ร่ายคาถาใส่นางได้

เว้นแต่ว่าทุกอย่างจะถูกเตรียมการไว้ล่วงหน้า!

“ข้าพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำความเข้าใจกับคาถานี้ ขอแค่ร่ายมันออกมา มันก็จะเกิดผลทันที!” หรงเยี่ยตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปทั้งหมด

ไป๋ชิงหลิงไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าแม่ของนางนั้นเป็นคนสาปแช่งตัวเอง

“นอกจากสังหารและดูดเลือด นางจะเป็นอย่างไรอีกต่อไป?”

“มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินสิบวัน”

จู่ ๆ ลมหายใจของไป๋ชิงหลิงก็รวดเร็วขึ้น “เหตุใดนางต้องทำเช่นนี้ สังหารคนไปมากมาย ลากติ้งเป่ยโหวลงไปสู่ขุมนรก หรือว่านางเกลียดท่านพ่อ”

“ไม่ใช่!” หรงเยี่ยมองมาที่ดวงตาคู่นั้นของนาง “ข้าได้ลองไปพูดคุยกับนางมาแล้ว นางบอกว่าต้องการเจอคนผู้หนึ่ง!”

“ใคร?”

“จัวซี่เหมย!”

“เพราะเหตุใดนางจึงอยากเจอนาง?”

“ทหารคุ้มกันและองครักษ์ลับในลานบ้านของหลิวหานเยียนล้วนถูกนางฆ่าตาย ในตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นในลานก็ไม่มีผู้ใดรับรู้ แต่คนของข้าได้ลองสอบถามผู้เฝ้าประตูจวนติ้งเป่ยโหวโดยละเอียด พวกเขาบอกว่าเคยเห็นจัวซี่เหมยเข้าออกลานของแม่เจ้า เข้าไปได้ไม่เกินครึ่งชั่วยามก็เดินทางออกไป หลังจากนั้นก็ออกไปจากจวนติ้งเป่ยโหว และส่วนแม่ของเจ้า หลังจากที่จัวซี่เหมยจากไปแล้ว ผ่านไปได้ไม่เกินหนึ่งก้านธูป นางก็สังหารคนทั้งลาน รวมถึงชิงจู๋และจิ้นฮวา”

หลังจากที่หรงเยี่ยพูดจบ ร่างทั้งร่างของไป๋ชิงหลิงก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เอนเอียงไปพิงกับขอบประตู

หรงเยี่ยรีบก้าวมาด้านหน้า โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน “เจ้ายังอยากรู้อะไรอีกหรือไม่?”

“เจ้าได้อะไรจากสิ่งที่ถามออกไปบ้าง?”

“นางบอกเพียงว่า......นางจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น แต่นางอยากเจอเพื่อนเก่าของนาง และกำชับกับข้าว่า......อย่าพาเจ้ากับลูกไปพบนางเป็นอันขาด”

ไป๋ชิงหลิงกำชายเสื้อของเขาไว้แน่น ใบหน้าของนางซบอยู่บนอกของเขา

หรงเยี่ยกอดนางไว้โดยไม่ส่งเสียง

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางได้สติกลับคืนมา เงยหน้าขึ้นและถามว่า “จะต้องมีปัญหาที่จัวซี่เหมยเป็นแน่”

“อาเสวี่ย ข้าไม่เคยละทิ้งเบาะแสใด ๆ”

หลังจากเขาพูดจบ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของไป๋ชิงหลิงอ่อนลงเป็นอย่างมาก เขาก้มหน้าลง เห็นมือทั้งสองข้างของไป๋ชิงหลิงกำลังกอดเอวของเขาไว้แน่น

หรงเยี่ยแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็พานางเข้าไปในตำหนักเจาหยาง

ในตอนค่ำ หรงเยี่ยพานางไปยังศาลต้าหลี่ แต่ในตอนที่เพิ่งจะถึงศาลต้าหลี่ เขาก็ถูกคนของเรือนจำในศาลต้าหลี่ขวางเอาไว้

ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่เบื้องหน้า เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำ

อีกฝ่ายกล่าวออกมาด้วยความเคารพ “คารวะองค์รัชทายาท พระชายาองค์รัชทายาท”

“ข้าต้องการเข้าไปด้านใน”

“จักรพรรดิได้มีพระราชกฤษฎีกาว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปในศาลต้าหลี่ เว้นแต่จักรพรรดิจะอนุญาต”

ใบหน้าของหรงเยี่ยเคร่งขรึม มือของเขาจับที่ด้ามดาบ ชักดาบออกมาแล้วยื่นออกไป

ไป๋ชิงหลิงรีบห้ามไว้ทันที “เสด็จพ่อไม่อยากให้ข้าเข้าไป”

“หากเจ้าต้องการพบ ข้าก็จะบุกเข้าไป เสด็จพ่อก็ไม่มีทางทำอะไรข้าได้ ข้าจะปกป้องเจ้าและพาเจ้าเข้าไปด้านใน” หรงเยี่ยได้ชักดาบออกมาแล้ว

และเหล่าผู้ที่คอยคุ้มกันอยู่หน้าเรือนจำเองต่างก็นำอาวุธของตนเองออกมา ขวางอยู่ตรงประตูทางเข้า พวกเขาตั้งใจที่จะปกป้องศาลต้าหลี่เอาไว้

ไป๋ชิงหลิงปรับความคิดและอารมณ์ของตนเอง นางรู้ดีกว่ายิ่งสถานการณ์คับขันมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งห้ามทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น ไม่อย่างนั้นในหมู่ของพวกเขาก็ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือหลิวหานเยียนได้ทั้งนั้น

“ไม่เป็นไร ข้าไม่เข้าไปแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ กลับไปคิดหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้” ไป๋ชิงหลิงคว้าดาบของเขาไว้ ต้องการให้เขาเก็บดาบเข้าไปในฝัก!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น