ฉางเล่อเหยียนตกใจกลัวแมลงสีดำขนาดใหญ่เท่านิ้วจนเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา ไม่นาน เธอก็เอานิ้วสอดเข้าไปในลำคอของเธอแล้วล้วงออกมา
"อ้วก!"
ฉางเล่อเหยียนรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อเธอคิดว่ามันออกมาจากปากของเธอเองเธอต้องการดูว่ามันยังอยู่ในตัวเธอรึเปล่า
ยิ่งเธอล้วงเข้าไปมากเท่าไหร่ อาการอาเจียนของเธอก็ยิ่งหนักขึ้น
หรงเฉินเห็นเธอ จึงเอื้อมมือคว้าข้อมือเพื่อหยุดเธอ "หยุดเดี๋ยวนี้"
“อ้วก…แค่กๆ…”
เลือดเต็มปากพุ่งออกมาจากปากของเธอ
มือของหรงเฉินที่จับอยู่ก็เปื้อนเลือดเช่นกัน
แม้เธอจะล้วงคอไปแล้ว
แต่เธอยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
เธอร้องไห้พลางพูดว่า "นี่มันคืออะไร มันออกมาจากปากข้าเหรอ"
เธอหันกลับไปถามหรงเฉินทั้ง ๆ ที่น้ำตาไหลอาบหน้า
หรงเฉินพูดว่า "อ้วกออกมาก็ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกังวล ในตัวของเธอในไม่มีแล้วล่ะ"
“อ้วก...” เธออาเจียนอีกครั้ง แต่คราวนี้เธออาเจียนใส่หรงเฉิน
เหล่าสาวใช้ในวังต่างก็หวาดกลัว โดยปกติแล้วพวกเธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องหรงเฉินและคนรับใช้ที่รับใช้ของเขาก็เป็นคนรับใช้ผู้ชาย ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่หมดหนทางขนาดนี้มาก่อน...
อย่างไรก็ตาม ทุกการกระทำของหรงเฉินทำให้ความเข้าใจของคนในวังเริ่มเปลี่ยนไป
ตอนที่ฉางเล่อเหยียนจับแขนของเขาและอาเจียน มือของเขาก็ลูบหลังเธอเบาๆ โดยไม่สนใจเสื้อผ้าที่เปื้อนอาเจียนเลย
แม่นางฉางสามดูนายผู้เฒ่าฉางอีกครั้ง
การแสดงออกทางสีหน้าของชายชรายังคงไร้ความรู้สึกและไม่มีใครสามารถเข้าใจอารมณ์ของเขาได้ในขณะนี้ แต่แม่นางฉางสามรู้สึกว่าเขาไม่อยากเห็นองค์ชายเฉินเข้าใกล้ลูกสาวของเธอ
เธอยกกระโปรงขึ้นแล้วเดินช้าๆ เธอโค้งคำนับก่อนแล้วพูดว่า "องค์ชายเฉิน เล่อเอ๋อร์เสียมารยาทแล้ว เธอทำให้เสื้อผ้าของฝ่าบาทเปื้อน องค์ชายเฉินรีบไปเปลี่ยนเถอะ เดี๋ยวทางนี้หม่อมฉันจัดการเอง”
หรงเฉินยังคงประคองร่างกายของฉางเล่อเหยียนด้วยมือเดียว เมื่อเขาได้ยินคำพูดของแม่นางฉางสาม เขาก็เหลือบมองรอยเลือดที่มุมเสื้อผ้าของเขาแล้วพูดว่า "ได้ ไว้นางอาการดีขึ้น พวกเจ้าค่อยพานางกลับจวนฉาง”
หลังจากพูดเช่นนี้ แม่นางฉางสามก็เดินเข้าไปกอดลูกสาวของเธอ เมื่อแม่นางฉางสามเข้ามารับช่วงต่อ หรงเฉินก็ลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว
เขากวาดมองผู้คนในห้องแล้วพูดว่า "เหตุการณ์วันนี้จะต้องไม่แพร่งพรายออกไปข้างนอก"
เขารู้ว่าตระกูลฉางไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับราชวงศ์มากเกินไป ทุกวันนี้ แม้ว่าฮ่องเต้จะโปรดปรานฉางซิงเว่ย แต่ผู้เฒ่าฉางก็แทบจะไม่ได้ยุ่งกับแวดวงอันทรงพลังของเมืองหลวงและเขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะประจบประแจงเสด็จพ่อของเขาเลยสักนิด
เขาชื่นชมและเคารพในการกระทำของผู้เฒ่าฉางเป็นอย่างมาก
คนรับใช้ในห้องตอบ"พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ ท่านอ๋อง"
หรงเฉินเดินไปหาผู้เฒ่าฉาง
ชายชราก้มลงและโค้งคำนับ "ขอบคุณฝ่าบาทที่ช่วยเล่อเหยียน หลานสาวของข้า"
หรงเฉินมองย้อนกลับไปที่ฉางเล่อเหยียน ตอนที่หันหน้ากลับมาใบหน้าของอขาระงับอารมณ์ทั้งที่มีและพูดเสียงนิ่งกับผู้เฒ่าฉางด้วยใบหน้าที่จริงจัง "ข้าจะพานางกลับไปที่วัง ท่านปู่ทวดอย่าดุด่าหรือทำร้ายใครอีก ไม่เช่นนั้น คราวหน้าหากพบเรื่องแบบนี้อีก ข้าคงไม่กล้าช่วยคนอีกแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...