ฉางเล่อเหยียนยังคงอยู่ในภาวะตกตะลึง ในขณะที่เปลวไฟกำลังพุ่งเข้ามา แต่ไป๋ชิงหลิงได้กระชับมือของนาง และพานางเข้าไปในห้วงมิติเวลา
ขณะที่ฉินซานหลิงพาคนของนางไปที่บ้านตระกูลฉิน เรือนของฉินหย่วนอี้ก็ถูกไฟไหม้ทั้งหมดแล้ว
“คุณหนู ไฟไหม้แล้ว!” เหอเจินสาวใช้ข้างกายของฉินซานหลิงคว้าแขนของเจ้านายตัวเองไว้
ฉินซานหลิงก้าวไปข้างหน้าสองก้าว สาวใช้ก็ดึงนางแน่นขึ้น :“คุณหนู ท่านเข้าไปไม่ได้ ไฟไหม้แล้ว”
“ฮองเฮาอยู่ข้างใน พวกเจ้ารีบ.......รีบไปตามคนมาช่วย ไปตามคน มาดับไฟ!” ฉินซานหลิงใช้แรงผลักเหอเจินออก และตะโกนออกไปอย่างเสียงดัง
ฝ่าบาทยังรอให้ฮองเฮาไปช่วยเขา
นางจะตายไม่ได้
“มาเร็วเข้า รีบดับไฟ!” ฉินซานหลิงหันกลับมา คว้าและพูดกับคนที่เดินผ่าน
เพื่อนบ้านใกล้เคียงรีบหยิบถังที่สามารถใส่น้ำได้ แล้วราดไปที่บ้านตระกูลฉิน แต่ไฟได้ลุกไหม้ขึ้นแล้ว
สิ่งที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้ ก็คือป้องกันไม่ให้ไฟลามไปบ้านหลังอื่น
เหอเจินคว้าแขนของฉินซานหลิงไว้แน่นแล้วพูดว่า :“คุณหนู พวกเรารีบกลับเถอะ คุณชายหรงรอคุณหนูอยู่”
ทันใดนั้นฉินซานหลิงก็สะดุ้งขึ้นมา :“ใช่ เขายังรอข้าอยู่”
หาฮองเฮาไม่เจอ เธอก็ไม่สามารถรออยู่ที่นี่ได้ บางทีถ้าฮองเฮาเสียชีวิตในกองเพลิงแล้วล่ะ
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ในใจของฉินซานหลิงก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก........
ถ้านางเสียชีวิตในกองเพลิงจริงๆ เธอก็ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป ว่าฮองเฮาจะยอมให้เธอเข้าวังหรือไม่ จะยอมให้เธอร่วมรับใช้ฝ่าบาทหรือไม่
จากนี้ไปหรงเยี่ยก็จะเป็นของเธอเดียว
เธอจะดูแลเขาและอบรมเลี้ยงดูลูกชายของฮองเฮา ราวกับลูกของตัวเองอย่างสุดใจ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการช่วยฝ่าบาท
“เหอเจิน เจ่รีบไปบ้านท่านยาย แล้วรีบเชิญหมอหลวงเจินมา!”
หมอหลวงเจินเกษียณมาสามปีแล้ว และได้ถูกครอบครัวของท่านตาเธอว่าจ้าง ให้เป็นหมอประจำตระกูล เพื่อดูแลสุขภาพให้กับท่านยายของเธอ
ฉินซานหลิงมองดูบ้านที่ถูกไฟไหม้ท่วมทั้งหลัง หันหลังกลับและจากไป โดยไม่มีการลังเลใดๆ
หวู่ซือหลิงเดินออกมาจากฝูงชน มองร่างของฉินซานหลิงที่จากไปอย่างเร่งรีบ นางก็ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา
นางไม่เชื่อว่า ในเวลานี้ฉินซานหลิงจะไม่มีความคิดที่จะแทนที่ฮองเฮาหมิงเจิน
มนุษย์ย่อมมีความโลภ
ตราบใดที่มีความโลภ แล้วจะสามารถควบคุมตัวเองได้อย่างไร?
หลังจากที่ร่างของฉินซานหลิงหายลับไป หวู่ซือหลิงก็สวมหมวกที่มีผ้าคลุมและพูดว่า :“ไปจากเมืองจิงโจว ยิ่งเร็วยิ่งดี!”
ในตอนกลางคืน บ้านตระกูลฉินกลายเป็นซากปรักหักพัง
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำลังรวบรวมศพผู้เสียชีวิต
ไป๋ชิงหลิงพาฉางเล่อเหยียนออกมาจากหวงมิติเวลา เลี่ยงเจ้าหน้าที่เหล่านั้น และไปที่โรงเตี๊ยมที่นัดกับหรงเยี่ยไว้อย่างเงียบๆ
หลังจากกลับมาถึงห้องที่โรงเตี๊ยม ใบหน้าของฉางเล่อเหยียนก็ซีดมาก
“ใครต้องการฆ่าพวกเรา?”
“เจ้าดูไม่ออกเหรอ!” ไป๋ชิงหลิงหรี่ตา แล้วพูดว่า :“ฉินหย่วนอี้ และแม่สามีของเจ้า ก็ดี........เจ้าก็ฉวยโอกาสนี้เกิดใหม่ซะ”
หัวใจของฉางเล่อเหยียนเต้นแรงสองสามครั้ง และมองไป๋ชิงหลิงด้วยความประหลาดใจ :“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ภรรยาของฉินหย่วนอี้เสียชีวิตในกองเพลิง เจ้า.......ตอนนี้คือน้องสาวญาติห่างๆของข้าชื่อไป๋เหยียน เด็กในท้องของเจ้า คือลูกที่มีกับท่านอ๋องเซ่อเจิ้งตอนอยู่ที่เมืองชี ตอนนี้ครอบครัวเจ้าตกต่ำ ไม่มีทางเลือก จึงมาขอความช่วยเหลือจากข้า ข้าจึงช่วยตัดสินใจแทนเจ้า ให้เจ้าแต่งงานกับท่านอ๋องเซ่อเจิ้ง อย่างถูกทำนองคลองธรรม!”
หัวใจของฉางเล่อเหยียนเริ่มเต้นระรัวหนักกว่าเดิม :“จะเป็นไปได้เหรอ ท่านอ๋องเซ่อเจิ้งเขา.......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...