บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1052

บทที่ 1052 การจัดอันดับครั้งใหม่

บทที่ 1052 การจัดอันดับครั้งใหม่

เช้าวันรุ่งขึ้น

เฉินซีเดินออกจากโลกแห่งดาราด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเปล่งประกายด้วยจิตวิญญาณ

แม้ว่าในโลกภายนอกจะผ่านไปเพียงหนึ่งคืน แต่ในโลกแห่งดาราก็ผ่านไปเกือบสามวัน ซึ่งในช่วงเวลาสามวันนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถควบแน่นกฎของหยินและหยางที่เพิ่งเป็นรูปเป็นร่างได้สำเร็จ

เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาก็เข้าใจกฎแห่งมหาเต๋าทั้งเจ็ดแล้ว!

หากเซียนสวรรค์คนอื่นรู้ถึงเรื่องนี้เข้า พวกเขาจะต้องกระอักโลหิตตายด้วยความอับอายอย่างแน่นอน เนื่องจากในภพเซียน ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์ส่วนใหญ่จะเข้าใจกฎแห่งมหาเต๋าได้น้อยกว่าสามชนิดเท่านั้น และผู้ที่เข้าใจได้ถึงสามชนิดนั้น สามารถเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาแล้ว

“ถ้าตอนนี้ข้าต้องเผชิญหน้ากับสยงหมิงอีกครั้ง ข้าอาจจะฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย โดยที่อาศัยกฎแห่งหยินและหยางเพียงอย่างเดียว”

เฉินซีสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังชีวิตในร่างกาย และเขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

สิ่งเดียวที่กระตุ้นความเสียใจของเขาคือ แม้รากฐานของตนจะหนาแน่นกว่าผู้อื่นเป็นร้อยเท่า แต่เนื่องจากขีดจำกัดของการบ่มเพาะอยู่เพียงขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถแสดงพลังของกฎแห่งมหาเต๋าทั้งเจ็ดได้อย่างเต็มที่

เช่นเดียวกับตอนที่ต่อสู้กับสยงหมิง เขาสามารถฟันกระบี่ที่แฝงด้วยกฎที่แตกต่างกันของธาตุทั้งห้าได้อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถใช้พลังของกฎทั้งห้าในการโจมตีครั้งเดียวได้

นี่คือสิ่งที่ถูกจำกัดด้วยการบ่มเพาะของเฉินซี

“ข้าสงสัยว่าเหลียงปิงจะเตรียมอะไรให้ข้าบ้าง…”

อันที่จริง เฉินซีต้องการอยู่ในโลกแห่งดาราและปิดด่านบ่มเพาะ เพื่อควบแน่นพลังของกฎ พร้อม ๆ กับขัดเกลาการบ่มเพาะของตน น่าเสียดายที่มันไม่ง่ายอย่างนั้น

ถ้าเฉินซีต้องการขัดเกลาการบ่มเพาะ เขาจำเป็นต้องใช้ศิลาอมตะ

ถ้าเฉินซีต้องการพัฒนาพลังต่อสู้ เขาก็ต้องขัดเกลายันต์ศัสตราโดยการรวบรวมวัตถุดิบเซียน

ถ้าเฉินซีต้องการบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์ในการขัดเกลากายา เขาก็ต้องใช้ศิลาโลหิตจ้าววิญญาณเซียนจำนวนมาก

ถ้าเฉินซีต้องการเข้าร่วมสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เขาจำเป็นต้องติดหนึ่งในพันอันดับแรกของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า

อาจกล่าวได้ว่า เขาต้องใช้ความพยายามและเวลาเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งใด ๆ ก็ตาม ในขณะที่เฉินซีเหลือเวลาเพียงปีเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่หลังประตู อย่างน้อยที่สุดเขาต้องจัดการทุกอย่างก่อน

ทันทีที่ผลักประตูออกไป เฉินซีก็เห็นเหลียงปิงและเถิงหลานคอยอยู่ด้านนอก

เหลียงปิงเปลี่ยนชุดของนางอีกครั้งในวันนี้ ชุดท่อนบนสีเขียวอ่อนแสดงถึงส่วนเว้าส่วนโค้งชวนหลงใหล และขับเน้นส่วนโค้งของทรวงอกอย่างชัดเจน ในขณะที่กางเกงขายาวทรงตรงเรียว ก็รัดขาเรียวสวยกลมกลึงไว้แน่น และสวมอยู่บนรองเท้าหนังสัตว์สีดำวาววับ

ผมสีทองหนาหยักศกปล่อยลงมาหลวม ๆ บนไหล่ของนาง เผยให้เห็นใบหน้าเย็นยะเยือกและสวยงามอย่างไม่มีใครเทียบได้ ประกอบกับริมฝีปากสีแดงชุ่มชื้นเป็นประกาย จมูกตั้งตรง และผิวหนังอ่อนนุ่ม เมื่อรวมกับรูปร่างเพรียวบางและการแต่งตัวเรียบง่าย นางเป็นเหมือนเปลวไฟท่ามกลางน้ำแข็ง ทำให้ผู้พบเห็นใจสั่นไหวอย่างมาก

แม้แต่เฉินซีก็ยังต้องเบิกตากว้าง เมื่อเห็นฉากอันงดงามนี้ เขารู้สึกว่า เหลียงปิงไม่เหมือนหญิงสาวคนอื่นที่ตนรู้จัก รูปแบบการแต่งตัวของนางนั้นหลากหลาย แต่ทุกรูปแบบก็น่าทึ่งและเย้ายวนใจยิ่ง

“แม่นางเหลียง ท่านลุงหลาน” เฉินซีเดินไปข้างหน้าและทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

เหลียงปิงดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ ซึ่งนางก็กลับมามีสติทันทีที่ได้ยินเขากล่าวและพยักหน้า “มาเถอะ ไปที่กำแพงลอยแห่งแสงในเมืองก่อน เพื่อตรวจสอบอันดับของเจ้าในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปของเมืองจตุรเทพ หลังจากนั้นข้าจะพาเจ้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ข้ารับประกันว่าเจ้าจะต้องชอบมัน”

เฉินซียิ้ม “สถานที่นั้นคือที่ใดกัน ถึงทำให้เจ้าต้องทำตัวลึกลับเพียงนี้?”

เหลียงปิงกะพริบตา ในขณะที่ใบหน้าอันเย็นยะเยือกและสวยงามไร้ที่เปรียบของนางก็เผยให้เห็นถึงความขี้เล่นที่หาได้ยาก “เจ้าจะได้รู้เมื่อเราไปถึงที่นั่นแล้ว”

ฉากนี้ถูกเห็นโดยสาวใช้ที่บังเอิญเดินผ่านมา ทำให้นางตกใจจนกระเช้าดอกไม้ที่ถืออยู่ในมือหล่นลงพื้น ขณะอุทานด้วยความตกตะลึงในใจ “สวรรค์! เกิดอันใดขึ้นกับคุณหนูใหญ่?”

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นท่าทางเช่นนี้จากเหลียงปิง และตกตะลึงทันที

เหลียงปิงเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน ทำให้คิ้วดำสนิทและสวยงามของนางขมวดเข้าหากัน รีบฟื้นคืนกลิ่นอายของราชินีอย่างรวดเร็ว หญิงสาวกวาดสายตามองสาวใช้ก่อนจะจากไปพร้อมเฉินซี

หลังจากร่างของเหลียงปิงและเฉินซีหายไป สาวใช้ก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ก่อนที่นางจะกล่าวพึมพำว่า “สวรรค์! แท้จริงแล้วคุณหนูใหญ่ก็มีท่าทางเยี่ยงนั้นได้เช่นกัน ชายหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นคุณชายที่จัดการกับผู้เยี่ยมยุทธ์เมื่อคืนนี้ ไม่แปลกใจเลยที่คุณหนูใหญ่จะโปรดปราน มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถเพลิดเพลินกับท่าทางเช่นนี้จากคุณหนูใหญ่ได้…”

เช่นเดียวกับทวีปสันติบูรพา ทุกเมืองในทวีปทักษิณามีกำแพงลอยแห่งแสงอยู่ และมันสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในการจัดอันดับของเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปอยู่ตลอดเวลา

เมื่อเฉินซี เหลียงปิง และเถิงหลานมาถึงที่นี่ มีเซียนจำนวนมากที่กำลังมองดูกำแพงแสงที่ลอยอยู่ และการปรากฏตัวของเหลียงปิง ก็ทำให้เกิดความสับสนในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]