บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1058

บทที่ 1058 ความขัดแย้ง

บทที่ 1058 ความขัดแย้ง

ณ ชั้นที่สี่ของสนามประลอง

นี่เป็นชั้นที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นสมบูรณ์แบบประลองยุทธ์กัน และผู้เยี่ยมยุทธ์ที่สามารถประลองในชั้นนี้ ส่วนใหญ่ล้วนมีคุณสมบัติที่ถูกจัดอยู่ในหนึ่งพันอันดับแรกของเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีป

เป็นไปตามที่เฉินซีคาดไว้ ในชั้นนี้ย่อมไม่ขาดแคลนการดำรงอยู่ที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นกลางหรือขั้นสูง ไม่มีวี่แววของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นเลยสักคน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดก็ดูเหมือนว่า เฉินซีได้กลายเป็นผู้บ่มเพาะหนึ่งเดียวของขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นท่ามกลางทุกคนที่นี่ ดังนั้นจึงดูโดดเด่นอย่างมาก เพราะทันทีที่มาถึงที่นี่ ก็สามารถดึงดูดความสนใจจากสายตามากมายได้ในทันที

“ไอ้หนู นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าควรมา” ใครบางคนหัวเราะด้วยความประหลาดใจ และส่ายศีรษะไปมา

“ฮ่า ฮ่า! คนผู้นี้มีการบ่มเพาะเพียงขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้น นี่เจ้ามาเพื่อสังเกตและเรียนรู้หรือ? ในความคิดของข้า เจ้าจะไม่ได้รับประสบการณ์ใด ๆ จากการเฝ้าดูการต่อสู้ในระดับนี้เลย กลับไปที่สามชั้นแรกจะดีกว่า” มีคนเยาะเย้ยและแนะนำให้เฉินซีออกไป

“โอ้ เจ้ายังไม่จากไปเหรอ? ไฉนเราไม่ประลองกันสักตั้งเล่า? ข้าขอรับประกันว่าข้าจะทำให้เจ้าตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเจ้าเองอย่างถ่องแท้เชียวล่ะ” อีกคนหัวเราะเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง

เฉินซีเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านี้ และเดินไปข้างหน้าขณะสังเกตการณ์ต่อสู้ในสนามประลอง ท่าทางของเขาดูจริงจังมากขึ้น แต่น่าเสียดายที่คนเหล่านี้ยังไม่สามารถกระตุ้นความปรารถนาที่จะต่อสู้ได้

“ไอ้เด็กนั่น! หยุดซะ!” ในขณะเดียวกัน เสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวก็ดังมาจากด้านล่าง เป็นกลุ่มของชายหนุ่มชุดเหลืองบินเข้ามาพร้อมกับเสียงนี้ ใบหน้าของคนกลุ่มนี้เต็มไปด้วยความดุร้าย

ผู้เยี่ยมยุทธ์ในชั้นที่สี่ต่างตกตะลึง จากจ้องมองเฉินซีด้วยสายตาเปี่ยมสุขที่จะได้ดูคนประสบเคราะห์กรรม

พวกเขามักจะฝึกฝนอยู่ในดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ จึงเห็นฉากเช่นนี้อยู่หลายครั้ง มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่า เด็กคนนี้ที่มีระดับการบ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้น อาจไปล่วงเกินผู้บ่มเพาะที่น่าเกรงขาม และถูกไล่ตามมาจนถึงดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้

สิ่งนี้ทำให้พวกเขาพลันเข้าใจว่า เหตุใดเด็กคนนี้ถึงไม่อยู่ที่สามชั้นแรก และมาอยู่ที่ชั้นที่สี่แทน …เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อหลบภัย

แม้ว่ากฎจะห้ามไม่ให้ผู้คนสร้างปัญหา แต่ความขัดแย้งยังคงเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง คนเหล่านี้ใช้วิธีการที่น่ารังเกียจทุกประเภทเพื่อยั่วยุให้อีกฝ่ายโกรธ และกระโจนขึ้นไปบนสนามประลองเพื่อต่อสู้กัน หากทำเช่นนี้จะถือว่าไม่ผิดกฎแต่อย่างใด

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ บางครั้งเมื่อพวกเขาตั้งใจที่จะจัดการกับคู่ต่อสู้ที่มีความเป็นปฏิปักษ์อย่างลึกซึ้ง ผู้เยี่ยมยุทธ์บางคนจะมองข้ามความเสี่ยงที่จะถูกขับไล่โดยกฎแห่งเต๋าสวรรค์ในดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ และลงมือกับศัตรูของตนทันที

แต่สถานการณ์เช่นนี้หาได้ยากมาก ถ้าพวกเขามีทางเลือกอื่น ก็ไม่มีใครเลือกที่จะทำเช่นนี้

“เฮ้! เจ้าหนู ต้องการให้ข้าช่วยจัดการกับพวกมันหรือไม่? ข้าจะช่วยเหลือเจ้า หากเจ้ามอบสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬแก่ข้า” มีคนหัวเราะเบา ๆ

“พอแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือว่าคนเหล่านี้เป็นคนของตระกูลอินแห่งเมืองจตุรเทพ?” ใครบางคนขมวดคิ้วขณะเอ่ยเตือนอีกคน

“ตระกูลอิน? โอ้ สวรรค์! เป็นพวกเขาจริง ๆ” คนที่กล่าวก่อนหน้านี้ปิดปากเงียบทันที เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างเกรงกลัวตระกูลอินไม่น้อย

“เคราะห์ร้ายของเด็กคนนี้แล้ว เว้นแต่เขาจะควบคุมตัวเองไม่ให้เคลื่อนไหวได้ แต่หากเป็นเช่นนั้น เขาจะไม่กลายเป็นคนขี้ขลาดหรอกหรือ?” มีคนจงใจเติมเชื้อไฟให้กับสถานการณ์

ทันทีที่พูดจบ ความโกลาหลก็ปะทุขึ้นในบริเวณโดยรอบ พวกเขาไม่รู้จักเฉินซี แต่จำคนจากตระกูลอินได้ ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่ช่วยเหลือเฉินซี ไม่แม้แต่จะแสดงความสงสารด้วยซ้ำ

ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มที่สวมชุดสีเหลืองและคนอื่น ๆ ก็มาถึงชั้นที่สี่เช่นกัน พวกเขาล้อมเฉินซีไว้หน้าสนามประลอง แต่กลับไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว เนื่องจากเกรงกลัวกฎของดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้

คนกลุ่มนี้มีทั้งหมดสิบสามคน ส่วนใหญ่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นกลางและขั้นสมบูรณ์แบบ มีเพียงชายหนุ่มในชุดเหลืองที่เป็นผู้นำเท่านั้น ที่มีระดับการบ่มเพาะขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้น

ความแข็งแกร่งดังกล่าวเพียงพอที่จะบดขยี้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์ส่วนใหญ่ และแสดงให้เห็นว่าคำพูดของเหลียงปิงถูกต้องเพียงใด

อินเฟิงเอ๋อร์เป็นคนอาฆาตพยาบาท และเพื่อแก้แค้นเหลียงปิง นางก็ไม่ลังเลที่จะโยนความเกลียดชังไปที่เฉินซีเช่นกัน

“นางคิดว่าตัวเองสูงส่งมากจริง ๆ …” เฉินซีจ้องมองพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะละสายตาไป ท่าทางของเขาเฉยเมยและสงบนิ่ง ไม่ได้แสดงความกังวลใด ๆ

“ไอ้หนู เจ้าควรรู้ว่าเรามาที่นี่ทำไม ตอนนี้รีบคุกเข่าและยอมรับความผิดของเจ้าซะ จากนั้นสาบานกับสวรรค์ว่าเจ้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเหลียงปิงอีก แล้วเราจะไว้ชีวิตเจ้า!” ชายหนุ่มร่างกำยำกล่าวอย่างเย็นชา แววตาดุร้าย จ้องมองเฉินซีราวกับกำลังมองดูคนตาย

ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่คือความคิดของอินเฟิงเอ๋อร์หรือ?”

“บังอาจ! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงเรียกชื่อคุณหนูของข้าเช่นนี้!” มีคนตำหนิอย่างเกรี้ยวกราด

เฉินซียักไหล่และส่ายศีรษะ “ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก” ขณะที่เขากล่าว เขาก็หันหลังตั้งใจจะจากไป

ท่าทางผ่อนคลายของเขาที่เหมือนไม่เห็นหัวอีกฝ่าย ทำให้ชายหนุ่มชุดเหลืองและคนอื่น ๆ ตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเด็กน้อยที่อยู่ขอบเขตเซียสวรรค์ขั้นต้นจะกล้าทำเช่นนี้!

“รนหาที่ตาย! หยุดอยู่ตรงนั้นซะ!” ชายหนุ่มร่างกำยำก้าวไปข้างหน้า และขัดขวางเฉินซีไว้ จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงอำมหิต “ไอ้หนู เจ้าคิดว่าวันนี้เจ้ายังจะไปไหนได้อีกหรือ?”

เฉินซีตอบคำถาม “แล้วพวกเจ้าทุกคนกล้าที่จะฝ่าฝืนกฎของดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้หรือไม่?”

ใบหน้าของชายหนุ่มร่างกำยำแข็งทื่อ จากนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นอำมหิต “เหลียงปิงกล้าที่จะแหกกฎและฉีกหน้าคุณหนูของข้า แล้วเจ้าคิดหรือว่าเราจะไม่กล้าแหกกฎและฆ่าเจ้า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]