บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1060

บทที่ 1060 ปราณกระบี่หยินหยาง

บทที่ 1060 ปราณกระบี่หยินหยาง

ผู้ที่สามารถเข้าสู่ดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้จะต้องติดเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีป และถึงจะเป็นเพียงเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีป แต่ก็นับว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่ยอดฝีมือแล้ว

สิ่งที่ทำให้ประวัติศาสตร์ของดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ไม่เคยขาดคู่ต่อสู้ที่มีพลังบ่มเพาะต่างกัน อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในลานฝึกด้วยซ้ำ

แต่เหตุการณ์ที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นประมือกับขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้นนับว่าหายากยิ่ง ถึงจะไม่ขนาดหมื่นปีมีครั้ง แต่ก็นานกว่าพันปีถึงจะได้เห็นสักหน

เพราะอย่างไรระหว่างขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นกับขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้นก็ต่างกันถึงสามขั้นกับอีกหนึ่งขอบเขตเลยทีเดียว!

ทว่าโดยทั่วไป มักเกิดการท้าสู้ข้ามขั้นอยู่แล้ว เช่นขั้นต้นท้าขั้นกลาง หรือไม่ก็ขั้นสูง ท้าขั้นสมบูรณ์แบบ…

ถึงแม้จะมีคนที่ท้าคู่ต่อสู้ขั้นสูงกว่าหลายขั้น แต่สุดท้ายก็มักทำไม่สำเร็จ

เท่าที่พวกเขารู้ เมื่อหลายปีก่อนตอนที่อินเหมียวเมี่ยวที่ในปัจจุบันอยู่อันดับสี่ของเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปไต่อันดับนั้น นางเคยเอาชนะคู่ต่อสู้ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นสมบูรณ์แบบที่เหนือกว่านางถึงสามขั้นได้ ทั้งที่นางยังอยู่เพียงขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นเท่านั้น เหตุการณ์ครั้งนั้นสะเทือนไปทั่วทั้งดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ ทั้งยังดังไปทั่วทวีปทักษิณา

การต่อสู้ครั้งนั้นถูกขนานนามว่าเป็นการต่อสู้ที่คาดไม่ถึงที่สุดในช่วงพันปีที่ผ่านมา แล้วจนถึงตอนนี้ก็ยังมีคนยกมาพูดกันไม่หยุด

ทว่าตอนนี้กลับมีการต่อสู้ที่สองฝ่ายมีพลังต่างกันยิ่งเกิดขึ้นในลานฝึกชั้นสี่ นับว่าหายากนัก ดึงดูดความสนใจจากผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

จึงมีผู้บ่มเพาะพลังหลายคนจากชั้นอื่นเหินร่างมาชมการต่อสู้ไม่ขาดสาย

ทุกคนมีสีหน้าเคร่งขรึมยิ่ง เพราะผู้อยู่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้นผู้นั้นเริ่มลงมือแล้ว ถึงขนาดใช้สมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬครบชุด ส่วนคู่ต่อสู้นั้นอยู่เพียงขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นเท่านั้น ทำให้ทุกคนรู้สึกกังวลว่าดูแล้วอาจจะไม่คุ้มกับที่เสียเวลาเดินทางมาชม

ครืน!

ณ ลานฝึก ใบหน้าของเฉินซีสงบนิ่ง ดวงตาฉายจิตต่อสู้ที่ลุกโชนดั่งเปลวไฟ กฎหยินหยางพลุ่งพล่านดั่งลมพายุโหมไปทั่วร่าง ก่อนจะบรรจบรวมกันที่ฝ่ามือ ปะทะกับกระบี่เซียนโลหิตสิบหกเล่มของอินหุนจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว

พลังผันผวนจากการปะทะรุนแรงจนสะท้านทั่วฟ้าดิน

ที่น่าตกใจคือกระบี่เซียนสีโลหิตสร้างแสงสีแดงเข้มพุ่งขึ้นฟ้าราวกับลาวาร้อน สว่างโชติช่วงจนผู้ชมยังตกใจสุดขีด

นี่คือกระบี่เซียนระดับวิญญาณทมิฬที่มีอำนาจสูงส่ง ผู้อยู่ขอบเขตเซียนสวรรค์ธรรมดาอาจกลายเป็นผุยผงในกระบวนท่าเดียว เมื่อรวมกับพลังบ่มเพาะซึ่งอยู่ขอบเขตเซียนลึกลับแล้ว ก็ยิ่งทวีความทรงอำนาจจนทำให้คนส่วนมากถึงกับหมดหวังเลยทีเดียว

แต่ที่น่าตกใจกว่าคือชายหนุ่มขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นกลับสามารถรับมือมันได้ด้วยมือเปล่า อีกทั้งยังปะทะกับกระบี่เซียนสีโลหิตตรง ๆ จนเกิดเสียงเคร้ง ๆ ดังไปรอบทิศ

“เขาต้านมันได้!”

“นี่…น…นี่มัน… ใช่ความแกร่งของคนขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นแน่หรือ?”

“ถึงการผสานกฎหยินหยางจะเสริมพลังได้มาก แต่คู่ต่อสู้เป็นถึงเซียนลึกลับเจ้าของสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬทั้งชุดเชียวนะ!”

“เด็กคนนี้เป็นใครกัน? ถึงศึกครั้งนี้จะแพ้ แต่ความแกร่งของเขาไม่ใช่ย่อยเลย”

“หึ! ตระกูลอินน่ารังเกียจจริง อยู่ขอบเขตเซียนลึกลับแท้ ๆ แต่กลับใช้สมบัติอมตะ ไม่รู้จักอายเลยหรือไร?”

ฝูงชนพูดคุยกันอย่างออกรส บ้างตกตะลึง บ้างรู้สึกรังเกียจ บ้างไม่อยากเชื่อสายตา มีหลากหลายอารมณ์แตกต่างกันไป

“หึ!” ณ ลานฝึก ชายหนุ่มชุดเหลืองนามอินหุนถึงกับแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินบทสนทนารอบกาย ส่งเสียงคำรามในลำคอ เมื่อโบกมือ สิบหกกระบี่เซียนก็เข้ามาบรรจบกันแล้วพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างรุนแรง เหมือนใบมีดสิบหกใบกรีดผ่านฟ้า เปล่งแสงเรืองรองสีแดงเลือดย้อมฟ้าดิน

เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าคนขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นจะรับมือได้ยากเช่นนี้ แม้ใช้กระบี่เซียนสีโลหิต แต่คู่ต่อสู้กลับยังสามารถต้านการโจมตีได้อย่างทัดเทียม

ทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองยิ่ง อินหุนรู้ดีว่าหากวันนี้ถูกผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นเอาชนะไปได้ ก็คงเป็นข่าวที่สะเทือนไปทั่วทั้งดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ ถึงตอนนั้นไม่ใช่เพียงแต่อำนาจและอิทธิพลของเขาเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ กระทั่งตระกูลอินยังได้ผลเสียตามไปด้วย

ฉะนั้นจะแพ้มิได้เด็ดขาด!

ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!

สิบหกกระบี่เซียนสีโลหิตกรีดผ่านท้องนภา ส่งเสียงแหลมแสบแก้วหู ปลดปล่อยแสงสีแดงคล้ายลาวาร้อนระอุพร้อมกับกลิ่นอายดุดันออกมา

ทันใดนั้นผู้ชมก็ใจหายวูบ ช่างเป็นการโจมตีที่น่าเกรงขามยิ่ง คิดจะสังหารในกระบวนท่าเดียว!

เฉินซียังคงความสงบในขณะที่เรือนผมพลิ้วไสว เขาพลันกางแขนออกแล้วตะโกนดังลั่น “จงแยกออก!”

สองแขนเต็มไปด้วยกฎหยินหยาง เมื่อมันขยับเคลื่อน หินสีขาวดำขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าแล้วเริ่มหมุนช้า ๆ เหมือนสองขุนเขากำลังบดเข้าด้วยกัน ส่งเสียงดังลั่น

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

กระบี่เซียนสีโลหิตปะทะเข้ากับหินสีขาวดำก่อนสั่นสะท้านรุนแรง หินโม่หยินหยางหมุนอย่างช้า ๆ และไม่เสียหายแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเริ่มบดขยี้สมบัติอมตะไปทีละนิด

ทุกคนอ้าปากค้าง ความแกร่งของชายหนุ่มคนนี้เกินคนแล้ว! ถึงขนาดที่มีวิชาสู้กับสมบัติอมตะได้โดยไม่เสียเปรียบ เป็นคนที่น่ากลัวยิ่ง!

บนลานต่อสู้ ลำแสงเพลิงพุ่งออกรอบบริเวณ วิชาที่แตกต่างกันสุดขั้วสองอย่างเข้าปะทะกัน ระเบิดออกมาเป็นพลังผันผวนดั่งทะเลคลั่ง แต่กลับไม่สามารถทำอันตรายเฉินซีได้เลย

อินหุนยิ่งมีสีหน้าย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ สมบัติอมตะชิ้นนี้เป็นของอินเหมียวเมี่ยว อินเฟิงเอ๋อร์ขอยืมมันมาจากพี่สาว และมอบให้เขา

เดิมทีเขาคิดว่าคงไม่ต้องใช้มันในการต่อสู้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้น ใครจะไปคิดว่าถึงหยิบออกมาใช้ แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้เช่นนี้?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]