บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1076

บทที่ 1076 เคล็ดวิชาหลอมสร้างยันต์ศัสตรา

บทที่ 1076 เคล็ดวิชาหลอมสร้างยันต์ศัสตรา

อินเหมียวเมี่ยวและอินเฟิงเอ๋อร์จากไปแล้ว แต่จิตใจของผู้คนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่สามารถสงบลงได้ แม้ว่าจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม

เพราะนับจากวันนี้เป็นต้นไป ตระกูลอินอาจไม่ลังเลที่จะฆ่าเฉินซีในโลกแห่งความเป็นจริง ถึงแม้ว่าพลังฝีมือในปัจจุบันจะท้าทายสวรรค์ และมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่มีใครเทียบได้ หรือแม้จะได้รับความคุ้มครองภายใต้ชายคาของตระกูลเหลียง แต่ท้ายที่สุดเขาก็เป็นคนแซ่เฉิน หาใช่แซ่เหลียง!

ตระกูลเหลียงจะมีท่าทีอย่างไร เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธแค้นของตระกูลอิน? พวกเขาจะปกป้องเฉินซีด้วยทุกสิ่งที่มี หรือจะถือว่าเขาเป็นเบี้ยที่สามารถทิ้งได้หลังจากที่หมดประโยชน์แล้ว?

ไม่มีใครสามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้

หรืออาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าเฉินซีจะสามารถรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ แม้ว่าจะได้รับความคุ้มครองจากตระกูลเหลียงก็ตาม ตราบใดที่เขายังอยู่ในทวีปทักษิณา และอยู่ในอาณาเขตอิทธิพลของตระกูลอิน คนผู้นี้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างแน่นอน

กู่อวี่ถังและหลัวจื่อเฟิงก็จากไปเช่นกัน ทว่าก่อนที่จะไป ทั้งสองคนได้บอกกับเฉินซีอย่างตรงไปตรงมาว่า หากต้องการสิ่งใด พวกเขาสามารถช่วยเหลือได้ เฉินซีเพียงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ และไม่ได้แสดงท่าทีอะไร

เฉินซีไม่คิดขอความช่วยเหลือจากใคร เพราะอย่างที่เหลียงปิงเคยกล่าว แม้ว่าจะทะลวงฟ้าผ่าสวรรค์ ตระกูลเหลียงก็จะไม่คัดค้านใด ๆ นับประสาอะไรกับทอดทิ้งเขา

ด้วยเหตุนี้ การตัดสินใจของอินเหมียวเมี่ยวและอินเฟิงเอ๋อร์จึงเห็นได้ชัดว่าโง่เขลาเบาปัญญา และน่าขบขันอย่างถึงที่สุดในความคิดของเฉินซี เขาจะไม่รู้สึกสิ้นหวังหรือหมดหนทางไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม

แน่นอนว่ามันเป็นอย่างที่เฉินซีคาดไว้ เมื่อออกจากดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ และกลับสู่โลกภายนอก ก็พบเหลียงปิงที่รออยู่ก่อนแล้ว และสิ่งแรกที่นางกล่าวเมื่อเห็นเขาก็คือ “ทำได้ยอดเยี่ยมมาก!”

ซึ่งน้ำเสียงของนางก็แสดงถึงความชื่นชมยินดีอย่างชัดเจน

ถ้าอินเฟิงเอ๋อร์เห็นฉากนี้เข้า นางจะต้องโกรธจนกระอักเลือดอย่างแน่นอน และแม้ว่าอินเหมียวเมี่ยว จะได้เห็นสิ่งนี้ นางก็คงจะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ตระกูลอินเป็นไอ้พวกบัดซบอย่างแท้จริง ปัญหาเกิดขึ้นก็เพราะพวกมัน แต่กลับจะฆ่าเจ้าแทน พวกมันคงนึกว่าตนเองสามารถโลดแล่นไปทั่วทวีปทักษิณาได้อย่างอิสระกระมัง” เห็นได้ชัดว่าเหลียงปิงรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ นางชมเชยเฉินซีอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนสายตาจะกลับมาเย็นชาดังเดิม

เฉินซีเพียงแค่ยิ้ม จากนั้นจึงกล่าวว่า “อย่าได้กังวล ไม่ใช่ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่และสุขสบายดีหรอกหรือ?”

เหลียงปิงพลันขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เป็นการดีกว่าที่เจ้าจะไม่ไปที่ดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ในช่วงนี้ ตระกูลอินอาจทำทุกวิถีทางเพื่อจัดการเจ้า ซึ่งผู้ลงมือครั้งนี้อาจเป็นเข็มสังหารเทพ และเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าพวกมันจะใช้เล่ห์กลอันน่ารังเกียจอะไรอีก ดังนั้นมันจะสายเกินไปหากเกิดเหตุร้ายขึ้น”

เฉินซีตกตะลึง “ไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้นกระมัง?”

หากเป็นไปตามกฎของดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ ไม่ว่าตระกูลอินจะทำเช่นไร พวกมันก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้

“จะเกิดอันใดขึ้น หากพวกมันไม่ลังเลที่จะฝ่าฝืนกฎของดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้” เหลียงปิงกล่าวอย่างเย็นชา “สำหรับตระกูลอิน ตราบใดที่พวกมันสามารถกำจัดเจ้าได้ แม้ว่าพวกมันจะต้องฝ่าฝืนกฎ แต่สิ่งที่ได้รับนั้นคุ้มค่าเหลือคณา ไม่ต้องกล่าวถึงว่าการละเมิดกฎของดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ มันจะไม่จบลงด้วยความตาย แต่เพียงถูกขับออกจากดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้เท่านั้น”

เฉินซีครุ่นคิดสั้น ๆ และเข้าใจข้อเท็จจริงนี้ทันที จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแน่น

แม้แต่คนที่เยือกเย็นที่สุด ก็ยังบังเกิดไฟโทสะอยู่ครู่หนึ่ง ในเมื่อตระกูลอินบีบบังคับให้เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แล้วเขาจะไม่โกรธแค้นได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตามเฉินซีทราบอย่างชัดเจนว่า ตนไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะท้าทายตระกูลอิน มิฉะนั้นเขาคงเข่นฆ่าล้างบาง และพลิกสถานการณ์ไปนานแล้ว

ถ้ามีทางเลือกอื่น เขายังต้องไปดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ เพื่อขัดเกลาพลังฝีมือของตน

เนื่องจากการประลองในดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ เกี่ยวข้องโดยตรงกับการจัดอันดับในเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า และสำคัญต่อการเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า

หากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ เขาคงไม่สนใจแม้แต่เทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า

“เจ้าคงกังวลว่าจะไม่สามารถเพิ่มอันดับได้สินะ” เหลียงปิงอ่านความคิดของเฉินซีได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และหัวเราะเบา ๆ “เจ้าคิดว่าการเปลี่ยนแปลงในเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้าจะต้องผ่านการประลองในดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้เท่านั้น?”

เฉินซีตกตะลึง จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา รู้สึกว่าตนเองกังวลโดยใช่เหตุ

ในตอนแรกที่อยู่ในทวีปสันติบูรพา เขายังไม่ได้เข้าสู่ดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้เลยด้วยซ้ำ แต่อันดับยังคงอยู่ในสองร้อยอันดับแรกของเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปแห่งทวีปสันติบูรพา มันเกิดจากการที่เขาได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนเองด้วยการสังหารสยงหมิง ดังนั้นเมื่อทดสอบต่อหน้ากำแพงลอยแห่งแสง ชื่อของเขาจึงปรากฏในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปโดยตรง

สรุปแล้ว ความหมายของการมีอยู่ของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า คือการสะท้อนถึงระดับพลังฝีมือที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ครอบครอง สำหรับการเปลี่ยนแปลงอันดับ ไม่ว่าจะอยู่ในดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้หรือในโลกแห่งความเป็นจริง ตราบใดที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีอันดับสูงกว่า ก่อนทดสอบพลังที่กำแพงลอยแห่งแสง อันดับของคนผู้นั้นก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตาม ข้อดีเพียงอย่างเดียวของดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ก็คือ การเปลี่ยนแปลงอันดับของคนคนหนึ่งนั้นเกิดขึ้นโดยตรงในสนามประลอง และไม่จำเป็นต้องทดสอบที่กำแพงลอยแห่งแสง

เมื่อเห็นเฉินซีเข้าใจแล้ว เหลียงปิงจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าอยู่ในตระกูลเหลียงของข้าไปก่อนก็ได้ พักอยู่ในห้องลับนี่เมื่อต้องการบ่มเพาะสมาธิ และเมื่อเจ้าต้องการฝึกฝนหรือและขัดเกลาฝีมือ ข้าจะจัดให้เจ้าได้ต่อสู้กับศิษย์ระดับสูงของตระกูลเหลียงที่สนามฝึกยุทธ์ สำหรับอันดับของเจ้าในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีป ไว้ค่อยมุ่งหน้าไปที่กำแพงเพื่อทดสอบด้วยตนเอง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]