บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1089

บทที่ 1089 ตบด้วยความพิโรธ

บทที่ 1089 ตบด้วยความพิโรธ

“ศิลาโลหิตจ้าววิญญาณเซียนหนึ่งร้อยก้อน!”

“เจ้ารีดไถพวกเราเกินไปแล้ว!”

“ฮึ่ม! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ นอกจากมันจะมีประโยชน์ต่อผู้ขัดเกลากายาแล้ว ศิลาโลหิตจ้าววิญญาณเซียนในมือของเจ้าก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง แต่เจ้าก็ยังบ่นว่ามันแพงอีกหรือ?”

“ช่วยลดให้หน่อยได้หรือไม่? สักเล็กน้อยก็ยังดี…”

“เจ้าปฏิเสธหรือ? เช่นนั้นก็ไปซะ ถือว่าข้าไม่เคยกล่าวอะไรก็แล้วกัน”

“เฮ้อ เราต่างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เหตุใดถึงต้องไร้ปรานีเช่นนี้ เอาล่ะ ข้ารับข้อเสนอ!”

หลังจากที่พวกเขาได้รับคำตอบของเหลียงปิง และเฉินซีก็ตกลงแล้ว

หลัวจื่อเฟิงและกู่อวี่ถังก็เริ่มเจรจากับเหลียงปิง ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาชัดเจน ตระกูลหลัวและตระกูลกู่ต้องจ่ายหนึ่งร้อยศิลาโลหิตจ้าววิญญาณเซียน เพื่อแลกกับคำชี้แนะเกี่ยวกับสมบัติอมตะหนึ่งชิ้นจากเฉินซี

เมื่อมองท่าทางที่เจ็บปวดของหลัวจื่อเฟิงและกู่อวี่ถังนั้น เฉินซีก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ‘โชคดีที่ข้าไม่ได้เจรจากับพวกเขา มิฉะนั้น ไม่ต้องกล่าวถึง มันจะเป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ของเรา และที่สำคัญคือราคา!’

เหลียงปิงดำเนินการอย่างเฉียบขาด และนางก็เชือดพวกเขาโดยไม่ปรานีใด ๆ

แต่ต่อมา เฉินซีก็รู้ตัวว่าตนคิดผิด

หลังจากจัดการกับสมบัติอมตะห้าชิ้นของตระกูลหลัวและตระกูลกู่เสร็จแล้ว หลัวจื่อเฟิงและกู่อวี่ถังที่เคยมีสีหน้าเจ็บปวด กลับรู้สึกตื่นเต้นและยินดีจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ซึ่งพวกเขาก็แทบจะหัวเราะออกมา

เห็นได้ชัดว่าท่าทางเจ็บปวดของพวกเขาก่อนหน้านี้ คือการแสร้งทำ!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเหลียงปิงที่ดูสงบมาก และนางก็กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ตราบใดที่พวกเขาไม่ใช่คนโง่ การใช้สมบัติที่พวกเขาไม่ต้องการ เพื่อแลกกับการขัดเกลาพลังของสมบัติอมตะกว่าสิบชิ้น ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้”

“ไร้ประโยชน์หรือ?” เฉินซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเห็นด้วยกับความคิดของเหลียงปิง ถ้าไม่ใช่เพราะร่างอวตารที่จะบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์ในการขัดเกลากายาจำเป็นต้องใช้มัน เขาย่อมไม่รวบรวมศิลาโลหิตจ้าววิญญาณเซียนเหล่านี้เช่นกัน

แม้ว่าเขาจะครอบครองพวกมัน แต่พวกมันก็ไม่มีค่าอะไร และไร้ประโยชน์อย่างยิ่ง

ทว่าในสายตาของผู้ขัดเกลากายา สิ่งที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้ คือสมบัติหายากที่ประเมินค่าไม่ได้ และสิ่งนี้ก็สอดคล้องกับคำกล่าวที่ว่า ‘ราคาของวัตถุถูกกำหนด ก็ต่อเมื่อมันมีประโยชน์ต่อใคร’

การขัดเกลาพลังของสมบัติอมตะสิบชิ้น เพื่อแลกกับศิลาโลหิตจ้าววิญญาณเซียนหนึ่งพันก้อนนั้นได้เกินจำนวนที่ต้องการแล้ว และอาจกล่าวได้ว่าเป็นกำไรที่คาดไม่ถึง

ต่อมาหลัวจื่อเฟิงและกู่อวี่ถังก็เต็มใจที่จะจ่ายในราคาที่สูงขึ้น เพื่อรับคำชี้แนะจากเฉินซี แต่พวกเขากลับถูกปฏิเสธจากเหลียงปิง และเหตุผลของนางนั้นง่ายมาก “เจ้าคิดว่าการให้คำชี้แนะในการขัดเกลาสมบัติอมตะนั้นไม่เหนื่อยหรือ?”

ซึ่งอันที่จริงแล้วเฉินซีไม่เหนื่อยเลย แต่ต้องแสร้งทำเป็นเหนื่อยมากเพื่อร่วมมือกับเหลียงปิง มิฉะนั้น ไม่เพียงเหลียงปิงจะไม่สามารถถอนตัวจากสถานการณ์นี้ได้ แต่เขาจะยังดูผิดปกติเกินไปอีกด้วย

ถึงอย่างไร สมบัติอมตะทั้งสิบชิ้นที่ประเมินให้ก็อยู่ในระดับจักรวาล!

หากเป็นผู้หลอมศัสตราอื่น ๆ แม้จะสามารถคิดหาวิธีขัดเกลาสมบัติอมตะได้ แต่พวกเขาก็จะอ่อนล้าทั้งกายและใจ อาจถึงขั้นดวงวิญญาณได้รับบาดเจ็บ

แน่นอนว่าสิ่งนี้ใช้ไม่ได้กับเฉินซี ดังนั้นเพื่อไม่ให้เด่นเกินไป เฉินซีจึงได้แต่แสร้งทำเป็นเหนื่อยมากเท่านั้น

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เขาถูกจ้องมองด้วยสายตาแปลก ๆ มากมาย เนื่องจากพลังฝีมือระดับท้าทายสวรรค์ และความรุ่งโรจน์เช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่ผู้คนต่างใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต แต่ในสายตาของเฉินซี มันกลับเป็นต้นตอของปัญหา

ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะไม่ทำตัวเด่นเกินไป!

หลังจากนั้น เหลียงปิงได้จัดงานเลี้ยงเพื่อรับรองหลัวจื่อเฟิง กู่อวี่ถัง และคนอื่น ๆ ในขณะที่เฉินซีก็ร่วมงานอยู่สักพักหนึ่งเพื่อเป็นการรักษาหน้า ก่อนที่จะกล่าวอำลาและกลับไปที่ห้องพักของตน

เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะต้องแสร้งทำเป็นเหนื่อยมาก จึงแสดงอาการอิดโรยออกมาโดยธรรมชาติ

แต่ที่สำคัญที่สุด เขาแทบรอไม่ไหวที่จะกลับไปที่ห้องพัก และวางแผนให้ร่างอวตารทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนสวรรค์ในการขัดเกลากายา!

ณ ห้องโถงตระกูลอิน

บรรยากาศเงียบสงัดและน่าสยดสยอง อากาศเหมือนจะหยุดนิ่ง และบีบคั้นจนหายใจลำบาก

ขณะที่อินเฟิงเอ๋อร์จ้องมองอินเตอจ้าว ผู้เป็นบิดาที่มีสีหน้าเศร้าหมองอย่างมาก เขาเดินวนไปมาในห้องโถง นอกจากความรู้สึกสับสนในใจ นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลและหวาดกลัวเล็กน้อย

‘เป็นผู้ใดที่สามารถทำให้ท่านพ่อเป็นทุกข์เช่นนี้?’

ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในใจของอินเฟิงเอ๋อร์ แต่นางก็ไม่สามารถเข้าใจได้ นางรู้ดีว่าสติปัญญาของบิดานางนั้นลึกล้ำดุจมหาสมุทร และภายใต้สถานการณ์ปกติ เขาย่อมไม่เปิดเผยสีหน้าที่เศร้าหมองและน่ากลัวเช่นนี้ออกมาอย่างแน่นอน

“จงว่ามา มันเกิดเหตุใดขึ้นกันแน่?” อินเตอจ้าวหยุดเคลื่อนไหว และสายตาดุจคมดาบจับจ้องไปยังอินเฟิงเอ๋อร์ ซึ่งดูเหมือนเขาจะเย็นชาและน่ากลัวมาก ชายชราก็โยนแผ่นหยกลงบนพื้นตรงเท้าของอินเฟิงเอ๋อร์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]