บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1118

บทที่ 1118 เจ็ดตระกูลโบราณ

บทที่ 1118 เจ็ดตระกูลโบราณ

“นี่ไม่เท่ากับแย่งสิทธิ์ที่เป็นของภพเซียนของเราหรอกหรือ?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหลียงเริ่นขมวดคิ้วและกล่าวว่า “แน่นอน ข้าได้ยินมาว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มาจากภพพุทธองค์ ภพมังกร ภพวิหคอมตะ และที่อื่น ๆ ล้วนเป็นยอดฝีมือในที่ที่พวกเขาจากมา หากพวกเขาเข้าร่วมการทดสอบ จะต้องมาแทนที่อันดับของภพเซียนอย่างแน่นอน”

เฉินซีถอนหายใจ “สิ่งนี้ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าภูมิหลังของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋านั้นน่าเกรงขามอย่างแท้จริง มิฉะนั้นมันจะดึงดูดกองกำลังจำนวนมากให้มาเข้าร่วมได้อย่างไร”

เหลียงเริ่นชำเลืองมองเฉินซีและเอ่ยว่า “เจ้าไม่กังวลเลยหรือ?”

ชายหนุ่มไหวไหล่ “กังวลไปจะมีประโยชน์อะไร”

เถี่ยชิวอวี้หัวเราะเบา ๆ “สหายน้อย เจ้ารู้วิธีวางตัวจริง ๆ! เจ้าได้อันดับเก้าร้อยเก้าสิบเก้าของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า ในตอนที่อยู่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นสมบูรณ์แบบ ตอนนี้เจ้าได้บรรลุสู่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้นแล้ว แม้ว่าสิทธิ์ของใครบางคนจะถูกยึดไป แต่ก็คงไม่ใช่เจ้า!”

เหลียงเริ่นก็ตระหนักได้ในทันทีเช่นกัน จากนั้นจึงแล้วยกนิ้วโป้งให้กับเฉินซี “เจ้านี้มันคมในฝักจริง ๆ เจ้าทำให้ข้าต้องกังวลโดยเปล่าประโยชน์!”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ คิ้วของเหลียงเริ่นขมวดเข้าหากันอีกครั้ง “อย่างไรก็ตาม อินเหมียวเมี่ยวประสบความสำเร็จในการบรรลุไปสู่ขอบเขตต่อไปเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้อยู่ที่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูง เดิมทีนางอยู่ในอันดับห้าร้อยสี่สิบหกของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า และหลังจากที่นางมีความก้าวหน้าในการบ่มเพาะครั้งนี้ อันดับของนางก็น่าจะสูงขึ้นไปอีก”

เฉินซีย่อมเข้าใจสิ่งที่เหลียงเริ่นสื่อ ชายหนุ่มหัวเราะอย่างผ่อนคลาย “แม้แต่เจ้าก็คิดว่าข้าไม่คู่ควรที่จะท้าทายนางด้วยหรือ?”

เหลียงเริ่นรู้ว่าเฉินซีล้อเล่น จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะ แต่ยังคงกล่าวอย่างจริงจังว่า “ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าไม่คู่ควร ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ และส่งผลต่อการทดสอบของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”

ในขณะเดียวกัน เถี่ยชิวอวี้ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเช่นกัน “อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด เพราะนั่นเป็นเพียงรอบแรกเท่านั้น และยังมีการทดสอบอีกสองรอบรออยู่ พวกเขาจะทำการทดสอบโดยใช้การต่อสู้จริง และเจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้ไปตามลำดับ ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้จริงในรอบที่สองนั้นโหดร้ายเป็นพิเศษ และเมื่อการทดสอบรอบนี้สิ้นสุดลง คนอีกสามร้อยคนก็จะถูกคัดออก!”

คิ้วของเฉินซีเลิกขึ้น “มันเป็นการต่อสู้บนสนามประลองหรือ?”

เถี่ยชิวอวี้ส่ายศีรษะและกล่าวด้วยความหมายลึกซึ้ง “ไม่ มันเป็นการต่อสู้ที่แท้จริง การลอบโจมตี การลอบสังหาร การวางยาพิษ หรือรวมกลุ่ม… ใคร ๆ ก็สามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายทุกอย่างได้ เจ้าต้องเข้าใจว่าไม่มีกฎในระหว่างการต่อสู้จริง”

ชายชราหยุดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “การทดสอบรอบที่สองนี้เรียกอีกอย่างว่า การล่าโลหิตเหล็ก!”

เฉินซีครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วมีอะไรที่ต้องระวังในการทดสอบรอบที่สามหรือไม่?”

สีหน้าของเถี่ยชิวอวี้ผ่อนคลายลงอย่างมาก “รอบที่สามคือการทดสอบเจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้ รอบนี้ไม่อันตรายนัก อีกสองร้อยคนจะถูกคัดออกในรอบนี้ แต่เจ้าไม่ต้องกังวล เพราะข้าได้ทดสอบเจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้ของเจ้าเมื่อนานมาแล้ว และมันก็เทียบได้กับสุริยันอันเจิดจ้าทั้งหกดวง เจ้าจะผ่านรอบนี้ไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน”

“เปรียบได้กับสุริยันอันเจิดจ้าทั้งหกดวงหรือ?”

เหลียงเริ่นตกตะลึง ชายหนุ่มมองไปที่เฉินซีด้วยความประหลาดใจ ราวกับกำลังมองตัวประหลาดอยู่

ชายหนุ่มไม่ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเหลียงเริ่น เขาขมวดคิ้วแล้วพึมพำ “เจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้หรือ?”

ครั้งหนึ่งชายหนุ่มเคยเห็นเจตจำนงของเซียนสวรรค์ในประกาศิตเซียนสวรรค์ และเคยเห็นเจตจำนงของเซียนทองคำที่เป็นร่างอวตารของปิงซื่อเทียน ซึ่งทั้งสองคนก็ดูแข็งแกร่งมาก แต่จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้ว่าเจตจำนงเหล่านี้มาจากไหนกันแน่

เถี่ยชิวอวี้ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความสงสัยในใจของเฉินซี ชายชราจึงส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้คือสิ่งใด แต่เป็นที่รู้กันดีว่า เจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้คือตัวแทนของการบ่มเพาะดวงจิตแห่งเต๋าของคนผู้บ่มเพาะ กลิ่นอายอันน่าเกรงขาม ศักยภาพที่ผู้บ่มเพาะครอบครอง และความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณ”

“ระดับความสูงของเจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้ก็จะพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพที่น่าเกรงขาม การฝึกฝนของดวงจิตแห่งเต๋า และความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณที่ครอบครองโดยเซียนนั้นเป็นอย่างไร สรุปแล้ว การทดสอบรอบที่สามเป็นการทดสอบที่มุ่งเน้นไปที่ความแข็งแกร่งต่าง ๆ ที่เซียนครอบครอง”

เฉินซีพยักหน้าและรู้สึกสบายใจมากขึ้น หากเป็นเช่นนี้ เจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้ที่ตนครอบครอง จะไม่แพ้ผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ อย่างแน่นอน

“สรุปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทดสอบรอบที่สอง การทดสอบรอบนี้โหดร้ายอย่างยิ่ง เหล่าอัจฉริยะที่โดดเด่นของภพเซียนส่วนใหญ่ก็มักจะตกรอบในการทดสอบรอบนี้” เถี่ยชิวอวี้ถอนหายใจด้วยอารมณ์ และหวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตมากมาย

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าของเถี่ยชิวอวี้ก็เคร่งขรึมถึงขีดสุด ชายชรามองไปที่เฉินซีและเหลียงเริ่นด้วยท่าทางจริงจัง “พวกเจ้าทั้งห้าคนเป็นตัวแทนของทวีปทักษิณาในครั้งนี้ ข้าทราบดีว่ามีความเกลียดชังกันอย่างมากระหว่างพวกเจ้า แต่ได้โปรดสัญญากับข้า แม้พวกเจ้าทุกคนจะไม่สามารถร่วมมือกันอย่างจริงใจในระหว่างการทดสอบรอบที่สองได้ แต่อย่าได้ลงมือต่อกัน”

“เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเจ้าทุกคนเป็นตัวแทนของทวีปทักษิณา ไม่ใช่แค่ตัวเจ้าเอง…”

เฉินซีฟังเงียบ ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ผู้อาวุโสอย่าได้กังวล ตราบใดที่พวกเขาไม่ทำให้ข้าขุ่นเคือง ข้าก็จะไม่ลงมือแน่นอน”

เหลียงเริ่นพยักหน้าเช่นกัน “เฉินซีพูดถูกแล้ว”

เถี่ยชิวอวี้ดูเหมือนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อทั้งสองคนเห็นด้วย “เช่นนั้นก็ประเสริฐยิ่ง บางครั้งไม่ว่าความขัดแย้งภายในจะรุนแรงเพียงใด เราก็ไม่อาจปล่อยให้คนนอกหัวเราะเราได้ เมื่อพวกเจ้าทุกคนเติบโตขึ้น และมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในสงครามครั้งใหญ่ของภพเซียนเพื่อต่อต้านศัตรูจากภายนอก พวกเจ้าจะสังเกตเห็นว่าความเป็นศัตรูในอดีตนั้น กลับไร้ความหมายเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจของทั้งสามภพ”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เถี่ยชิวอวี้ก็ลุกขึ้นยืน ชายชราหันหลังกลับและเดินไปที่ส่วนลึกของห้องโถง “ข้าจะไปดูคนอื่น ๆ ก่อน จงฉวยโอกาสนี้เพื่อทำความรู้จักกันให้ดียิ่งขึ้น ในอีกเจ็ดวันนับจากนี้ ข้าจะนำพวกเจ้าทั้งหมดไปยังเมืองชั้นในของเมืองประยุทธ์ทมิฬ เพื่อเข้าร่วมการทดสอบอย่างเป็นทางการของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]